เลือกตั้งและการเมือง
'นายกฯ เศรษฐา' ประกาศจะทำให้ 'สุวรรณภูมิ' กลับมาเป็น 1 ใน 20 ของโลก ภายใน 5 ปี
2 มี.ค. 2567
90 views
นายกฯ ประกาศลั่นจะทำให้สุวรรณภูมิกลับมาเป็น 1 ใน 20 ของโลก ภายใน 5 ปี ขอเวลา 6 เดือนจะไม่เห็นภาพผู้โดยสารมาต่อคิว จี้การบินไทยเปลี่ยนระบบขายตั๋วเป็นออนไลน์ หลังพบเอเจนซี่กั๊กตั๋วเก็งกำไร
วานนี้ (1 มี.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” ประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รวมถึง ผู้บริหารบริษัทท่าอากาศยานไทย และสายการบินต่างๆเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนในการแถลงวิชั่นงาน Ignite Thailand ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางไว้ 8 ด้าน หนึ่งในนั้น คือ การทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ตนมีความเชื่อ รัฐบาลมีความเชื่อว่าศักยภาพของประเทศไทยพร้อมมากที่จะถูกระเบิดออกมา ฉายแววออกมาให้ชาวโลกรู้ว่าศักยภาพของเรามีมากขนาดไหน และก่อนที่เราจะอัพเกรด AVIATION HUB เราต้องยอมรับว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง 10 ปีที่แล้วสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่อยู่ในอันที่ 13 ของโลก แต่ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 68 ของโลกตกมา 55 อันดับ เพื่อนบ้านเราไม่ได้มีการลงทุนอะไรเลย อย่างมาเลเซีย แต่อันดับสูงกว่าเรา ไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์หรือฮ่องกง ปัญหาในสนามบินถ้าเราไม่มีการปรับ จะวุ่นวายแน่นอนและจะเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า เวลาเรามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น มันบั่นทอนศักยภาพของประเทศ เรื่องของไฟล์ทที่มาต่อที่นี่ก็น้อยลง เครื่องบินที่มาเปลี่ยนผ่านที่นี่ รู้หรือไม่ว่ามีเพียงแค่ 1% ขณะที่สิงคโปร์มีถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องก็สามารถเห็นสิ่งดีๆของไทยได้ หากเข้ามาอยู่ 7-8 ชั่วโมง ได้เข้าไปในเมืองกลับมาเกิดความประทับใจ ก็อาจมีแพลนมาประเทศไทย แต่วันนี้ถ้าไม่มีการทำอะไรอย่าว่าจะขึ้นเลย 68 ก็ตกลงไปได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสุวรรณภูมิมีพื้นที่ 20,000 ไร่ เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีการเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบิน SAT1 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาลเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ที่ได้มีการวางโครงสร้างไว้ แต่ก็ยังยอมรับว่ามีปัญหาอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้จะมีการเปิดให้ครบ 100% ภายในไตรมาส 2 ของปี 2567 รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน บินขึ้นลงได้เป็น 90 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และอนาคตก็เตรียมที่จะสร้างอาคาร SAT2 วันนี้เรามีศักยภาพเพียงแต่เราจะต้องฉายแสงออกมาให้ได้ และมั่นใจหลังจาก 6 เดือนนี้ต่อไปเราจะไม่เห็นผู้โดยสารที่รอคิวนาน สุวรรณภูมิไม่ใช่แค่เทคแคร์คนอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องของสินค้าด้วย
โดยนอกจากคนแล้ว เราจะทำศูนย์ขนถ่ายสินค้า Cargo Facility เพิ่ม เพื่อทำให้ไทยเป็น ศูนย์กลางการค้า การขนส่ง ในภูมิภาค CLMV จุดมุ่งหมายเราคือทำให้ขนส่งสินค้าได้มากขึ้นอีก 2 เท่าตัว พัฒนาระบบขนส่งสินค้า Cold Chain ส่งสินค้าสด ไปจนถึง ยา วัคซีน ได้ ด้วยการสร้าง SAT-2 ให้เป็น Cargo Transit Terminal บริษัทขนส่งระดับโลกอย่าง FedEx, DHL หรือ E-Commerce อย่าง Amazon จะมาใช้ไทยเป็น Hub ในการส่งสินค้าไปยังปลายทาง พร้อมทำเขต Free Zone เพื่อให้อุตสาหกรรมส่งออก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ยา อุปกรณ์การแพทย์ ไปยังตลาดทั่วโลกได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมั่นใจเราจะทำให้ก้าวแรกของผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสู่สุวรรณภูมิและต่อโยงไปประเทศต่างๆ พร้อมทั้งสินค้า จะเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดอนเมืองก็เป็นอีกหนึ่งสนามบินที่สำคัญ รัฐบาลจะเปลี่ยนให้สนามบินดอนเมืองเป็น Point to Point แอร์พอร์ต จุดเด่นคือสะดวกรวดเร็ว ครบครัน รับผู้โดยสารให้มากยิ่งขึ้น จะสร้างอาคาร อินเตอร์เนชั่นแนลใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารมากขึ้นปัจจุบันมีการรับผู้โดยสารอยู่ที่ 30 ล้านคน จะเพิ่มให้เป็น 50 ล้านคน และสร้างอาคารจอดรถเพิ่มให้สามารถจอดรถเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ประมาณ 7,600 คัน ส่วนมาสเตอร์แพลนจะมีการสร้างสนามบินอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ต พังงา กระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง และจะมีการพัฒนาสะพานสารสินเพื่อรองรับรถได้มากขึ้นและให้เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านได้ ส่วนทางภาคเหนือก็จะมีสนามบินล้านนา เพื่อรองรับผู้โดยสารอีก 20 ล้านคนต่อปี
ขณะเดียวกันจะมีการยกระดับสนามบินเมืองรองทั่วประเทศ เช่น สนามบินน่าน ศรีสะเกษ นครราชสีมา ให้กลายเป็นสนามบินหลักให้ได้ ควบคู่กับพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวโลก ผ่านการผลิตอาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก และระบบการทำงานภายในสนามบินก็สำคัญ จะมีการขยายอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงรักษาเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษา ทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัว ต่อยอดระบบขนส่งและคลังสินค้า รวมถึงการต่อยอดความร่วมมือทั้งจากสายการบินต่างๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงแรม เพื่อพัฒนาการบิน เส้นทางการบิน จำนวน และประเภทเครื่องบินส่วนตัวและการบริการ
“การเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ผมจะไปคุย โดยประเทศไทยจะอธิบายให้ฟังทั้งหมดในเรื่องดีๆว่ามีอะไรบ้าง แต่สัปดาห์หน้าที่เดินทางไปนี้เป็นแค่ออร์เดิร์ฟไปโฆษณาว่าปีหน้าเราจะมีอะไรบ้าง ซึ่งผมรับรองได้ว่าเขาจะต้องชอบและพอใจ และจะเดินทางมาไทยมากยิ่งขึ้น”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสายการบินไทย สายการบินแห่งชาติ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน การพัฒนาต่อไปจะไปไม่ได้ ถ้าสายการบินไทยไม่แข็งแรง ต้องมีการบริหารให้เหมาะสม ทั้งลักษณะเครื่องบิน จะต้องมีการพัฒนาระบบตั๋วที่หลายประเทศใช้ระบบออนไลน์ วันนี้เราต้องพูดตรงไปตรงมาว่าการบินไทยมีตัวแทนขายตั๋วเยอะ เขามีการกั๊กตั๋ว แต่ขึ้นเครื่องไปบางทีว่าง อันนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากพูด แต่วันนี้ไม่ได้มาว่ากัน เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้น หลายสายการบินใช้ออนไลน์บุคกิ้งบริหารราคาตั๋วเพื่อกำไร ตรงนี้เราต้องให้ความสำคัญ เข้าใจอย่างตรงจุด เรื่องเหล่านี้เราคาดหวังว่าการบินไทยต้องทำได้ และการจัดตารางไฟล์ทต้องมาพูดกัน เราทราบกันดีการบินไทยอยู่ระหว่างการฟื้นฟูหลังจากเกิดโควิด19 ในวันนี้รักษาตังเองให้ดี หากหลุดพ้นจากแผนฟื้นฟูแล้ว เรามาให้น้ำใจผู้โดยสารทุกคนที่ให่ความเชื่อมั่นเรา ทั้งนี้เราต้องมีความทะเยอทะยานให้การบินไทยติดอันดับโลกอย่างน้อยต้องติดอันดับ 3 ของเอเชีย คนไทยต้องภาคภูมิใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ตนแอบไปตรวจไม่ได้จ้องจับผิด เพื่อให้เห็นการทำงาน ไม่ได้ดูแค่หน้างานแต่ดูหลังบ้านด้วย และได้มีการพูดคุยเรื่องการบริหารคนให้เขามีจิตใจที่ดีขึ้น ให้เขาเกิดความตั้งใจในการทำงาน ตนคิดว่าความสุขเป็นอะไรที่ส่งต่อกันได้ เริ่มต้นจากผู้ให้บริการถ้ามีความสุข เวลาส่งต่อการให้บริการผู้โดยสารก็จะส่งต่อความสุขนั้นได้ ความสุขเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่ดี หลายท่านอาจถามว่าอะไรคือประโยชน์ของศูนย์การบิน สิ่งที่พูดมาทั้งหมดคิดว่าคงจะเห็นในเรื่องเศรษฐกิจที่พยายามพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งวันนี้เราจะต้องเอาชนะให้ได้ หากเราโปรโมทการท่องเที่ยวอย่างมโหฬาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยากสนับสนุนให้การบินมีเพิ่มมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หลายท่านที่มาเห็นการบริการที่ประทับใจก็จะเห็นออร์เดิร์ฟให้กับเขาว่าในปีหน้าอาจจะอยากมาเที่ยวที่ไทย แต่ทั้งนี้จะต้องมีการสร้างความยั่งยืนดึงดูดสายการบิน และส่งเสริมการผลิตในประเทศไทย สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตนขอประกาศว่า 1 ปีจากนี้สนามบินสุวรรณภูมิจะต้องเป็น 1 ใน 50 ของโลก และ 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี พี่น้องที่อยู่ในฐานรากให้ความหวังเยอะมาก เรามีความฝันทุกวันอยากให้มันเป็นจริง อยากให้มันเกิดขึ้นมาได้ ตนขอประกาศวันนี้เราตื่นแล้ว ฝันดีแล้ว วันนี้ตื่นขึ้นมาร่วมกันให้ความฝันเป็นความจริง ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้จะมีส่วนร่วมทำให้เราถึงจุดมุั่งหมายนั้นได้ ขอขอบคุณและให้กำลังใจทุกคน เพื่อให้ศักยภาพที่สำคัญที่สุดคืออัพเกรด AVIATION HUB เป็นความจริง
พลตำรวจตรีเชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) และโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมรับมือระบบตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางจำนวนมาก ว่า เป็นโชคดีที่นายกรัฐมนตรีลงมาตรวจสอบด้วยตัวเอง และได้เห็นการทำงานจริง ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ โดยเป้าหมายที่นายกฯ ได้วางไว้ คือ ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ติดอันดับ 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ภายในเวลา 1 ปี การบ้านที่ ตม.2ได้รับ เป็นโจทย์ที่ต้องเร่งขับเคลื่อน และทำให้สำเร็จ โดยเริ่มกระบวนการมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ซึ่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าภายใต้ข้อจำกัด คือ เรื่องของกำลังพล เพราะกำลังพลของตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินถูกย้ายออกไป 40% เมื่อนายกฯ มารับทราบปัญหาก็ได้รับการสนับสนุน และก่อนถึงช่วงเดือน เม.ย. ก็จะได้รับการสนับสนุนกำลังพล 200 คน อีกทั้งได้ลงพื้นที่เริ่มปฏิบัติงาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และในระยะต่อไปจะรับเพิ่ม 330 คน จึงขอเชิญชวนบุคคลภายนอกที่สนใจเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ โดยจะเริ่มเปิดรับสอบในช่วงเดือนเม.ย.นี้ และจะบรรจุได้ในช่วงเดือน มิ.ย. เพื่อเติมกำลังพล คิดว่าสามารถรองรับการตรวจผู้โดยสารขาเข้าได้จำนวนมาก ทำให้อัตราการไหลของผู้โดยสารเร็วขึ้น ให้ความมั่นใจได้ว่า ตม. พร้อมขับเคลื่อนตามนโยบายนายกรัฐมนตรีเต็มที่
พลตำรวจตรี เชิงรณ กล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาในส่วนที่ 2 คือเรื่องเทคโนโลยี ที่มีผู้ให้บริการหลายเจ้า ดังนั้นการทำงานให้เป็นระบบเดียวจึงมีความยาก ขณะนี้ ตม. ได้ออกแบบ โครงการ Thailand Immigration system พัฒนาระบบ ตม.ให้เหลือระบบเดียว ทำงานควบคู่กันในการตรวจคนเข้าประเทศ การออกวีซ่า การขอพำนักในประเทศ การเดินทางออกและระบบตรวจบุคคลต้องห้ามให้เป็นระบบเดียว เพื่อให้เกิดความเสถียรในการทำงานและพัฒนาไปสู่อนาคต เช่น บางสนามบินการเดินทางออก อาจไม่ต้องผ่าน ตม. แต่จะใช้ระบบประมวลผลตรวจสอบของสายการบิน แต่เรื่องนี้ถือเป็นการทำงานระยะยาวที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ในระยะสั้นนี้ ตม.ใช้ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2555 และสามารถตรวจชาวต่างชาติได้ แต่เครื่องมีจำกัดประมาณ 18 เครื่อง และในช่วงเดือนก.ค. การท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) จะสนับสนุนอุปกรณ์จัดซื้อเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ โดยเฉพาะขาออกนอกประเทศ ประมาณ 50 เครื่อง และขณะนี้ได้หารือกับศูนย์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงฝ่าย ทอท.
นอกจากนั้น ผบช.สตม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวคิด ที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ที่จะนำมาตรวจคนเข้าเมืองให้เร็วขึ้น คือ ไบโอแมทริกซ์ หรือการเก็บลายนิ้วมือ ใบหน้า เพื่อยืนยันตัวบุคคล ลดขั้นตอนไม่ต้องเสียเวลาหน้าเครื่องตรวจ โดยมีการออกแบบระบบลงทะเบียนล่วงหน้าในระยะเร่งด่วน เช่น การตั้งอุปกรณ์ หรือ โน๊ตบุ๊ก ก่อนที่จะเข้าช่องตรวจ ตม. ส่วนงบประมาณใดจะมาจากส่วนใดนั้น จาก ทอท. หรือค่าธรรมเนียมของ ตม. ซึ่งก็ต้องมาหารือกัน
พลตำรวจตรี เชิงรณ กล่าวถึงการลดขั้นตอน ที่ไม่จำเป็นและไม่กระทบกับความมั่นคง เพื่อลดระยะเวลา เช่น การเดินทางออกนอกประเทศ ว่า อาจไม่ต้องเก็บลายนิ้วมือ เนื่องจากมีประวัติอยู่ในฐานข้อมูล ก็จะทำให้ออกได้เร็ว เหลือพื้นที่สำหรับรองรับขาเข้า ส่วนต่างชาติที่เดินทางออกนอกประเทศ ก็จะโชว์อยู่ในระบบบันทึกข้อมูลอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาประทับตรา สำหรับการเดินทางเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเสียเวลาคีย์ข้อมูล โดยจะต้องแก้ไขโปรแกรมเพื่อรองรับตรงนี้ ซึ่งจะดูว่า ตัวบุคคลกับหนังสือเดินทางตรงกันหรือไม่ มีสิทธิ์เข้าประเทศหรือไม่ ติดแบล็คลิสต์หรือมีหมายจับหรือไม่ ถ้าไม่มี 3 อย่างนี้ ก็ตีเข้าได้เลย จะทำให้ลดเวลาได้ประมาณ 15 วินาที ส่วนมาตรฐานในการตรวจคนเข้าเมืองไม่เกิน 45 วินาทีต่อคน เนื่องจากมีทางหลักช่องทางเดียว ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ในการเดินทางเข้า จะมีการกระจุกตัว ประมาณ 5,000 คน ในขณะที่โถงรองรับได้ 2,000 คน จึงต้องใช้ขั้นตอนตรวจให้เร็วอยู่บนหลักของความมั่นคง ไม่ให้นำคนไม่ดีเข้าประเทศ และประชาชนจะเดือดร้อน
แท็กที่เกี่ยวข้อง สนามบินสุวรรณภูมิ ,เศรษฐาทวีสิน ,IGNITETHAILANDAVIATIONHUB