เลือกตั้งและการเมือง

‘ชัยชนะ’ ขึ้นชั้น 14 รพ.ตำรวจ แต่ไม่ได้เยี่ยม ‘ทักษิณ’ - คปท.-หมอตุลย์ ปักหลักชุมนุมจี้ รบ.ส่งอดีตนายกฯกลับเรือนจำ

โดย petchpawee_k

13 ม.ค. 2567

24 views

ชัยชนะ ขึ้นชั้น 14 ดูหน้าห้อง ‘ทักษิณ’ แต่ไม่ได้เยี่ยม เผย วงจรปิดเสียแทบทั้งตึก ฝากนายกฯจัดงบซ่อม ด้าน "คปท.-หมอตุลย์" นัดชุมนุมปักหลักค้างคืนข้างทำเนียบ เรียกร้องรัฐบาลส่งตัว อดีตนายกฯ "ทักษิณ" กลับเรือนจำ  ไม่เชื่อป่วยวิกฤตจริง จ่อร้องเอาผิดแพทย์รักษา ปมช่วยเหลือไม่ให้นอนเรือนจำ จี้ ป.ป.ช. เอาผิด ม. 157 ที่อนุมัติให้รักษาตัวเกิน 120 วัน


วานนี้ 12 ม.ค. 67 ที่โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลัง นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลตำรวจ ปมเรื่องการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร นายชัยชนะ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า หลังจากที่ตนนั้นได้พูดคุยกับทางโรงพยาบาลตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ สบ.7 โรงพยาบาลตำรวจ จึงได้ทราบว่าขนาดนี้ มีผู้ต้องขังที่มารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจที่ค้างคืนนั้น มีเเค่คนเดียวคือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เหลือเป็นเพียงผู้ต้องขังที่มีอาการป่วย แต่เป็นการรักษาแบบเช้าเย็นกลับ ตนได้หารือตามกรอบระเบียบของทางโรงพยาบาลตำรวจ จึงได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 14 เพื่อไปดูขั้นตอนในการคุมขัง


โดยตนและคณะกรรมาธิการการตำรวจนั้น ไม่ได้เข้าไปภายในชั้นทางเดินของชั้น 14 หรือภายในห้องแต่อย่างใด เพียงแค่อยู่ในจุดบริเวณหน้าห้องเพียงเท่านั้น ซึ่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล 3 นาย รวมเป็น 8 นาย แต่ประจำอยู่จุดไหนนั้นไม่สามารถบอกได้


นายชัยชนะกล่าวว่า หลังจากนั้นจึงได้ลงมายังชั้น 7 เพื่อมาดูขั้นตอนในการปฏิบัติงานการรักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังที่มีโรคต้อกระจกว่าเป็นอย่างไร โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ดูแลเช่นเดียวกัน จึงจะเห็นได้ว่ากรมราชทัณฑ์นั้นปฏิบัติกับนักโทษที่มารักษาตัวอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนว่าในตอนที่ขึ้นไปชั้น 14 ได้พบเจอนายทักษิณหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของ พ.ร.บ.ส่วนบุคคล ที่ได้อนุญาตจะอนุญาตให้เยี่ยมหรือไม่ให้เยี่ยม แต่ทางคณะกรรมาธิการการตำรวจไม่ได้เจาะจงมาเยี่ยมใครเป็นพิเศษ เพียงแต่มาเพื่อดูว่าขั้นตอนในการปฏิบัติรักษาเท่าเทียมกันหรือไม่


นายชัยชนะยังกล่าวอีกว่า ได้รับข้อมูลมาว่า ประตูห้องพักรักษาตัวของนายทักษิณที่อยู่บนชั้น 14 นั้นไม่ได้มีการล็อกใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่สามารถเปิดเข้าออกได้ตลอดเวลา


ผู้สื่อข่าวถามว่าทางคณะกรรมาธิการการตำรวจ ได้มีความสงสัยหรือไม่ว่าอาการป่วยของนายทักษิณนั้นจะต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกนานเท่าไหร่ นายชัยชนะกล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการการตำรวจไม่ขอก้าวล่วงในการรักษาของแพทย์ เพียงแต่วันนี้นั้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหลังจากนี้นั้นต้องกลับไปถาม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าเอกสารที่ทางคณะกรรมาธิการการตำรวจได้ขอไป 


ซึ่งวันนี้นั้นจะต้องขอขอบคุณทางโรงพยาบาลตำรวจ ที่ให้ทางคณะกรรมาธิการได้ขึ้นไปตรวจสอบยังชั้น 14 จึงไม่มีข้อข้องใจกับทางโรงพยาบาลตำรวจแล้ว ยังเหลือเพียงแต่ข้อข้องใจกับทางกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับเอกสารที่ทางคณะกรรมาธิการได้ขอไปเพียงเท่านั้น


นายชัยชนะยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า นายทักษิณ ชินวัตรนั้นไม่ได้ผิดอะไรหรอก เพียงแต่กรมราชทัณฑ์นั้นจะต้องออกมาชี้แจงกับสังคมอย่างชัดเจน หากเมื่อไหร่ที่ชี้แจงไม่ชัดเจน จำเลยของสังคมก็คือกรมราชทัณฑ์นั่นเอง ส่วนตนขอยอมรับว่าสิ่งที่โรงพยาบาลตำรวจทำในวันนี้นั้นถูกต้องที่สุด หน้าที่ในการยืนยันว่านายทักษิณนั้นอยู่หรือไม่อยู่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของตนแต่เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์


ขณะที่ครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นัดรวมพลที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จัดกิจกรรม “ทวงคืนความยุติธรรม” โดยประกาศค้างคืน ซึ่งได้มีตั้งเวที ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนทำกิจกรรมอยู่บนทางเท้า และในพื้นที่อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์


จากนั้น นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ พร้อมด้วยนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แนวร่วมกลุ่มเสื้อหลากสี ร่วมแถลงการณ์ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวตัวอยู่นอกเรือนจำวันที่ 141 โดยจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสียงไปยังรัฐบาล กรมราชทัณฑ์ที่อนุมัติให้รักษาตัวต่อ ไม่ได้มีคำชี้แจงในรายละเอียด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้อง "เฝ้าระวังเป็นพิเศษ" ที่ไม่เคยมีมาก่อน

 วันนี้เป็นการรวมตัวเพื่อแสดงพลังให้ประชาชน ร่วมแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยที่กรมราชทัณฑ์ขยายเวลาให้นายทักษิณรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่า 120 วัน พร้อมกับล่ารายชื่อยื่นประธานศาลฎีกาเอาผิด ผู้ที่ เกี่ยวข้องที่ช่วยนายทักษิณ

และในวันอังคารที่ 16 มกราคมนี้ จะไปพบเลขา ป.ป.ช. ที่ได้ยื่นคำร้องไว้ ว่าให้สอบข้าราชการ ตั้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ทำปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เนื่องจากไม่เชื่อว่าอาการของนายทักษิณป่วยขั้นวิกฤต

ซึ่งได้เชิญนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสีมาเปิดเผยข้อมูลที่ได้ไปตรวจสอบ กฎกระทรวงกรมราชทัณฑ์ที่กำหนดว่า หากนักโทษที่ป่วย เป็นโรคจิต หรือโรคติดต่อ ถึงจะได้รับอนุญาตรักษาตัวนอกโรงพยาบาลได้ หากเทียบกับอาการของนายทักษิณในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ในวันดังกล่าวไม่เชื่อว่าอาการวิกฤตจริง และอาจเข้าข่ายมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรม กระทำผิดหลักการจริยธรรมแพทย์ และผิดกฎกระทรวง โดยจะยื่นฟ้องการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่มาตรา 157 และจะมีการยื่นร้องต่อแพทยสภาต่อไป ชี้เป็นการสร้างสตอรี่ช่วยนักโทษ ด้วยการช่วยเหลือจากแพทย์บางคน

โดยนายแพทย์ตุลย์ กล่าวว่า มีการช่วยเหลือนายทักษิณให้อยู่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ให้อยู่ในคุกและมีข้อสงสัยว่าอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ ข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ป่วยเป็นเรื่องส่วนตัว และบางข้อมูลไม่ได้เป็นความลับ การที่นายทักษิณอยู่หรือไม่อยู่โรงพยาบาล ตำรวจไม่ใช่ความลับของผู้ป่วย แต่เจ้าหน้าที่ไปร่วมมืออย่างนั้นไม่ถูก กำลังทำให้นักโทษทักษิณให้เป็นนักโทษเทวดา

ส่วนที่อ้างถึงการผ่าตัดไหล่ หากผู้ป่วยอาการวิกฤต ปกติแพทย์ทั่วไปจะเลื่อนการรักษา แต่หากมีการผ่าตัด อันอาจหมายถึงได้ว่าผู้ป่วยคนดังกล่าวไม่ได้มีอาการวิกฤตจริง ก่อนจะเรียกร้องให้ส่งตัวนายทักษิณกลับเรือนจำทันที โดยในเวลา 15:35 น. ขบวนกลุ่ม ศปปส. เคลื่อนขบวนมาสมทบการชุมนุมด้วย

พร้อมกันนี้ นพ.ตุลย์ ยังเปิดเผยว่าเราทราบว่าในการให้ข้อมูลจากคนในโรงพยาบาลตำรวจ ทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องที่รับตัวคือ ‘หมอทางสมอง’ และไม่ได้ปรากฎหลักฐานว่า นายทักษิณเข้าห้องฉุกเฉิน และห้องไอซียู ซึ่งข้อมูลนี้สามารถตรวจสอบได้ และโรคต่างๆของนายทักษิณ 4โรค ในวันแรกๆ ตามที่ปรากฎ สามารถรักษาด้วยยาฉีดและผ่าตัดได้ และหากโรคหัวใจเส้นเลือดตีบตัน สามารถทำได้อยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องนอนในโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นก็ควรจะออกข่าวมาเลย แต่การออกมาแบบนี้ไม่เนียน

รวมถึงคนไข้ที่อยู่ห้องพิเศษ แล้วอาการหนักควรจะต้องย้ายไปอยู่ไอซียู แต่กรณีนี้ไม่ได้ไปอยู่ ซึ่งแพทย์ทุกคนเมื่อเห็นสตอรี่แบบนี้เป็นความไม่ถูกต้อง ดังนั้นแพทย์บุคคลที่สร้างสตอรี่ ก็ควรจะต้องร่วมรับผิดชอบในเรื่องนี้

และการที่มีภาพปรากฎว่า เข็นนายทักษิณ เข้ารับการรักษาที่เผยแพร่ออกมา1ภาพนั้น ตนเองก็ได้ข้อมูลด้วยว่า บุคคลที่อยู่รายล้อมรถเข็นในภาพ ไม่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจแม้แต่คนเดียว

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ มีภาวะโรคลิ้นหัวใจรั่วนั้น จะถือเป็นความเสี่ยงขั้นวิกฤติ หรือไม่ นายแพทย์ตุลย์ ระบุว่า ตนเองยังไม่เคยได้ยิน เรื่องการที่ทักษิณเป็นโรคลิ้นรัวใจรั่ว และถ้าเป็นต้องเป็นมานานแล้ว และมองว่าถ้าเป็นจริงจะเตะกระสอบทราบโชว์ได้อย่างไร

ส่วน 4 โรคที่กรมราชทัณฑ์เปิดเผยอาการของนายทักษิณในวันที่เข้ารับการรักษาตัววันแรก จะมีความเสี่ยงไปถึงขั้นป่วยเป็นภาวะโรคลิ้นหัวใจรั่วหรือไม่นั้น นายแพทย์ตุลย์ ระบุว่า จะต้องป่วยเป็นความดันโลหิตสูงมากๆ และป่วยเป็นระยะเวลานาน จนถึงขั้นหัวใจโตไปปิดลิ้นหัวใจ


นักข่าวถามถึงกรณีที่ กรรมาธิการตำรวจ ขึ้นไปตรวจสอบบริเวณชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจแล้วเจอตำรวจท้องที่ ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์รวม 8 นาย เป็นการยืนยันได้หรือไม่ว่านายทักษิณ ยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ นายแพทย์ตุลย์ มองว่า ไม่เป็นการการันตีว่า นายทักษิณ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะสิ่งที่จะยืนยันได้คือรายงานการรักษาที่จะต้องส่งกลับไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อเป็นการอนุญาตให้ทำการรักษาต่อ โดยมีลายเซ็นต์จากอธิบดีกรมราชทัณฑ์เซ็นต์ให้อนุญาตรักษา 90 วัน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเซ็นต์ให้รักษาได้120 วัน


โดยในรายงานจะต้องเขียนให้ชัดเจนว่า เหตุผลในการต้องรักษาต่อจากภาวะอะไร แสดงให้เห็นความรุนแรงของโรคอย่างไรบ้าง ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นว่าควรรักษาต่อ แบบที่กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งมองว่า การอนุมัติให้สิทธิรักษาตัวเกิน120วันโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน มองว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กำลังทำผิด ม.157


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/4SwXpcERd78

คุณอาจสนใจ

Related News