เลือกตั้งและการเมือง

เพื่อไทยประท้วงวุ่น เด็ก ปชป.ชำแหละ งบปี 67 ซัด 'เศรษฐา' สืบทอด DNA ไทยรักไทย จัดงบทิ้งคนใต้

โดย thichaphat_d

6 ม.ค. 2567

40 views

สุณัฐชา สส.ประชาธิปัตย์ ชำแหละ งบฯ 67 ซัดเศรษฐา สืบทอดดีเอ็นเอไทยรักไทย ทิ้งคนใต้ จัดงบพัฒนาเหลื่อมล้ำ-หลายโครงการหายไป ทำให้ สส.เพื่อไทย ประท้วงวุ่น หลังอภิปรายแตะทักษิณ ด้าน พิเชษฐ์รุมเบรกด้วย ขณะโรม-ชัยชนะทนไม่ไหว สวนมวยประธาน บังคับการประชุมให้ดีด้วย

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ช่วงเช้าวานนี้ (5 ม.ค.67) เวลา 10.10 น. นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์  ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณพัฒนาภาคใต้ ว่า งบประมาณแผ่นดินนี้จะเป็นเครื่องมือในการบริหารงานของรัฐบาล ถือเป็นสัญญาประชาคมที่รัฐบาลได้ให้คำมั่น  ถึงแม้ตนจะมีข้อสงสัยในตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ตนก็ไม่ได้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นางสาวสุณัฐชา กล่าวต่อว่า ตนคาดหวังว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีจะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาโดยตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ ส่งเสริมความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น ภายใต้สำนึกที่ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ มาจากภาษีอากรของประชาชน  เพราะฉะนั้น เงินทุกเม็ดควรถูกจัดสรรให้เหมาะสม สุจริต โปร่งใส อย่างเป็นธรรม และเท่าเทียม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพียงเพราะเหตุผลทางการเมือง เหมือนดังเหตุการณ์ในอดีตที่คนใต้เคยถูกเลือกปฏิบัติ เพียงเพราะเหตุผลที่ว่าไม่นิยมชมชอบพรรคแกนนำรัฐบาลในขณะนั้น

ตนมีข้อกังวลในการจัดทำงบประมาณ ภายใต้รัฐบาลเศรษฐีที่ชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้กระทรวงการคลัง ผู้ที่ได้รับฉายาจากผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนที่ร่างงบประมาณฉบับนี้จะเข้าสู่สภาฯ ว่าท่านเป็น “เซลล์แมนสแตนด์ชิน” ที่มีการขออนุมัติวงเงินงบประมาณสูงถึง 3.48 ล้านล้านบาท

นางสาวสุณัฐชา ย้ำว่าเราปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลนี้มีดีเอ็นเอ หรือรากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทย ที่มีนายใหญ่สายชินเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลในปี 2544 เป็นเจ้าของความคิดที่ว่า จังหวัดไหนไม่เลือกให้รอการพัฒนาไปก่อน จนกลายเป็นที่กล่าวขานว่า เป็นยุครัฐบาลที่มีข้อครหาในการจัดทำงบประมาณมากที่สุด ต่อมาถูกแปรสภาพเป็นพรรคพลังประชาชน ที่จบลงด้วยการถูกยุบพรรค จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มต้นภายใต้การนำของรัฐบาลสายชิน นายกหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่เมินการจัดสรรงบประมาณลงภาคใต้ โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม แต่กลับใช้งบประมาณสูงถึง 1.39 ล้านล้านบาท ไปกับโครงการจำนำข้าว

ทำให้นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงตามข้อบังคับที่ 69 ว่า ราอยู่ในยุคปีใหม่ ปี 2567 แล้ว ย้อนอะไรไปขนาดนั้น ขอความกรุณาอยู่ในประเด็น

นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.ประชาธิปัตย์ จึงลุกขึ้นประท้วงกลับ ยืนยัน ผู้อภิปรายยังอยู่ในประเด็น และไม่ได้ไปกระทบ "ทูนหัวของบ่าว" ของท่านอะไรเลย  นายสรวงศ์ จึงลุกขึ้นขอให้ประธานสั่งถอนคำพูด ประธานในที่ประชุม จึงกล่าวเตือนสมาชิกให้อยู่ในกรอบอภิปรายงบประมาณ 67

จากนั้น นางสาวสุณัฐชาอภิปรายต่อว่า  โดยขอให้ฝั่งรัฐบาลใจเย็นๆ ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องอภิปรายให้เห็นถึงรากเหง้าของรัฐบาลชุดนี้ เพราะชาวใต้เกือบ 10 ล้านคน เกรงว่าดีเอ็นเอของความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ จะถูกส่งต่อมาถึงตัวนายกรัฐมนตรี ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้  โดยรัฐบาลทุ่มเม็ดเงินไปกับโครงสร้างคมนาคม กว่า 5.8 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อลองพิจารณาลงไปในรายละเอียด พบว่าสิ่งที่รัฐบาลได้วาดฝันไว้กับคนไทยทั่วประเทศนั้น ไม่ได้ดูสวยหรู โดยเฉพาะกับพี่น้องชาวใต้ 14 จังหวัด ที่ได้รับงบประมาณเพียงแค่ 3,973 ล้านบาทหมุนเวียนอยู่ใน 209 โครงการ  จากโครงการที่ดำเนินการทั้งประเทศ รวม1,577 โครงการ

ซึ่งเมื่อคิดเฉลี่ยต่อหัวประชากรแล้วพบว่า ภาคใต้มีงบพัฒนาเฉลี่ยต่อหัวเพียง 421 บาทเท่านั้น ทั้งที่ภาคใต้มีประชากรมากกว่าภาคตะวันถึงถึง 3 เท่า  ภาคตะวันตกเป็นพื้นที่ที่ได้รับงบประมาณต่อหัวที่สูงที่สุด รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคกลาง ส่วนภาคที่ได้น้อยที่สุดคือภาคใต้

ในการอภิปรายของนางสาวสุณัฐชา มีการนำภาพนายเศรษฐา  ใส่เสื้อสีแดง สวมที่คาดผมเขากวางคริสต์มาส เข้าร่วมในงานเลี้ยงปีใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล เปรียบเทียบกับภาพน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้นายพิเชษฐ์  ซึ่งทำหน้าที่ประธาน เบรกการอภิปรายของ น.ส.สุณัฐชา พร้อมถามว่า ภาพนี้ได้อนุญาตแล้วหรือไม่

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จึงลุกขึ้นประท้วงนายพิเชษฐ์ ว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เพราะการตรวจสไลด์เป็นอำนาจของประธานอยู่แล้ว หากมีความผิดพลาดทางเทคนิคอะไรควรไปทำหลังที่เขาได้อภิปรายไปแล้ว ซึ่งการที่เบรกเขากลางอากาศแบบนี้ไม่ดี อยากให้ประธานใช้อำนาจด้วยความเป็นกลาง ไม่เช่นนั้นจะมีข้อครหาว่าประธานทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง และควบคุมการประชุมไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เพิ่งส่งเอกสารมาให้ตน หากเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ก็ยินดีและให้อภิปรายต่อไป

น.ส.สุณัฐชา อภิปรายต่อว่า การที่นายเศรษฐาสวมใส่เสื้อสีแดงปาร์ตี้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่มีอะไรน่าจะเสียหายและไม่มีอะไรที่น่าอาย เพราะการที่เป็นนักโทษเทวดาชั้น 14 เป็นอะไรที่น่าอายกว่าเยอะ ทำให้นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย  ลุกขึ้นประท้วง  ว่า 2 เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วม นายกฯ ก็ไปติดตามสถานการณ์ ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจ และการอภิปรายงบประมาณ  ก็อยากให้อยู่เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ไม่จำเป็นต้องมาเสียดสีกันย้อนไป 10 ปี 20 ปี ถ้าย้อนไปรัฐบาลที่แล้วตนพอเข้าใจได้เพราะเป็นงบที่ต่อกัน

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ก็ลุกขึ้นประท้วงนายศรัณย์ ว่า ในขณะที่ชาวบ้าน 3 จังหวัดชายแดนใต้เจอน้ำท่วม  นายกฯ เหมือนลิงได้แก้ว กำลังมีความสุขอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ตนขอถามว่า ผู้อภิปราย (น.ส.สุณัฐชา) พูดเท็จตรงไหน และนายกฯลงพื้นที่ขอให้ไปดูรูปใหม่ ไปที่น้ำลึก อย่าไปที่น้ำตื้น ฉะนั้น อย่ากล่าวเท็จในสภาฯ แห่งนี้ ประธานต้องควบคุมให้ผู้อภิปรายดำเนินการไปได้ด้วยดี ทำให้ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่ามีการประท้วงซ้ำซากและผู้อภิปรายกล่าวเสียดสี นายพิเชษฐ์ จึงต้องขอให้ผู้อภิปรายอยู่ในประเด็น

นางสาวสุณัฐชา อภิปรายต่อว่า จากตัวอย่างโครงการในภาคใต้ที่ถูกทำให้อันตรธานหายไป จากข้อมูลค่าเฉลี่ยต่อหัวที่คนใต้ได้รับในการพัฒนาน้อยที่สุด ส่อเค้าลางว่างบประมาณปีแรกของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ไม่ต่างจากยุครัฐบาลนายใหญ่เพื่อไทยเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ทำให้ตนไม่สามารถรับหลักการจนกว่าจะทบทวนให้รอบคอบ คืนความเป็นธรรมให้คนภาคใต้

“ท่านนายกรัฐมนตรีอาจจะลุกขึ้นมาแก้ตัวว่า ตัวท่านและผู้นำในอดีตเป็นคนละคนกัน แต่การจัดทำงบประมาณในลักษณะนี้ยิ่งทำให้ดิฉันมั่นใจ ว่าถึงแม้จะเป็นคนละคนกันแต่พฤติกรรมทอดทิ้งคนใต้ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาถึงท่านนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2567 "

ทำให้นางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี สส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาประท้วงอีกรอบ ว่า อภิปรายนอกประเด็น และได้กล่าวด้วยว่า "ต้องกราบขอบคุณท่านมาก ๆ ที่ท่านยังมีอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อยู่ในหัวใจตลอดเวลา" นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช จากประชาธิปัตย์ ก็ลุกขึ้นมาประท้วงประธานให้ควบคุมการประชุมให้เรียบร้อย ไม่ใช่ปล่อยให้ประท้วงไปเรื่อย "นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ดู ๆ กันบ้าง ฟัง ๆ กันไว้เถอะ ไม่เฉียดไม่ฉิวหรอก ทูนหัวของบ่าวยังอยู่เหมือนเดิม ยังปลอดภัย"

จากนั้นนายพิเชษฐ์ ได้ให้อภิปรายต่อ และ น.ส.สุณัฐชา สรุปประเด็นการอภิปราย


https://youtu.be/hI5nnIctMRI

คุณอาจสนใจ

Related News