เลือกตั้งและการเมือง

'นายกฯ' สวน 'พิธา' หลังวิเคราะห์รัฐบาลเศรษฐา 100 วันแรก ลั่นทำงานชัดเจน ผลงานจับต้องได้

โดย thichaphat_d

16 ธ.ค. 2566

190 views

พิธา วิเคราะห์รัฐบาลเศรษฐา 100 วันแรก ปัดตัดเกรดรัฐบาลเพราะไม่มีแผนงานที่ชัดเจน หลายเรื่องทำแบบคิดไปทำไป แต่ชมการช่วยเหลือตัวประกันที่อิสราเอล ชี้ ไม่ควรเปลี่ยนตัวนายก บอก บริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนเอกชน เหน็บค่าแรงขั้นต่ำถ้าเป็นตนเอง จะเข้าไปดูสูตรคำนวน ยืนยันเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ ไม่ต้องล้มรัฐบาล

วานนี้ 15 ธันวาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ตั้งโต๊ะแถลงข่าววิเคราะห์การดำเนินงาน 100 วัน แรกของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีทั้งข้อดี และข้อเสียว่า ยังประเมินเป็นเกรดไม่ได้ ทำได้อย่างมากแค่การวิเคราะห์เพราะ ไม่มีโรดแมปออกมาว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่ชัดเจน แต่มีหลายเรื่องที่เห็นว่า ทำได้ดีเช่นกันที่เหลือแรงงานไทยและตัวประกันในอิสราเอลอิสราเอล และการดูแล smeจึงถือว่าการทำงานของรัฐบาลผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง ซึ่งทำออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีบางเรื่องทำได้ดีแล้ว ก็ขอให้ทำต่อบางเรื่องที่ทำแล้วยังมีข้อที่จะต้องพัฒนาและปรับปรุงก็หวังว่ารัฐบาลจะรับฟังในการทำงานของฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์และฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาประกอบด้วยกรอบ 5 คือ

คิดดีทำได้ - การช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยในอิสราเอล คือสิ่งที่รัฐบาลทำได้ดี ,จัดหาวัคซีน HPV รัฐบาลทำได้ดี การแก้ปัญหาหนี้ในระบบและนอกระบบ ผ่านการผ่านการแถลง 2 ครั้งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร ทั้งการอนุมัติงบเยียวยา 50,000 บาท ช่วยเหลือตัวประกันออกมา 23 คน อนุมัติสินเชื่อ คืนถิ่นให้กับกลุ่มแรงงาน พร้อมฝากช่วยเหลือกลุ่มตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาส อีก 9 คนหวังว่ารัฐบาลจะไม่ลืมพวกเขา

คิดไปทำไป - การปรับเปลี่ยนไปมา ไม่ว่าจะเป็นที่มาของเงิน เทคโนโลยีที่ใช้ และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดิจิทัลวอลเลท และการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงเรื่องของโครงการแลนบริด ซึ่งในนโยบาย แจกเงินดิจิตอล wallet ที่มีกรรมเปลี่ยนมาแล้ว 4 ครั้ง จะเป็นการใช้งบประมาณที่เราลูกหลานเราต้องมาชดใช้ในอนาคต รวมถึงเป็นการเบียดบังงบประมาณที่สามารถใช้แก้ปัญหาเรื่องอื่นๆในระยะยาวต่อได้ ซึ่งการที่รัฐบาลไม่คิดอย่างรอบคอบและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้เกิดความสับสนในสังคมและในกลุ่มของตลาดทุนด้วย สิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลคือต้องมีแผน 2 หากจะเอา wallet ไม่ควรที่จะต้องปรับเปลี่ยนอีกแล้ว แต่หากจะไม่เอาดิจิตอล wallet ก็จะต้อง มีความชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว

คิดสั้นไม่คิดยาว - เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าไฟ ค่าพลังงาน ค่าคมนาคม ลดรถไฟฟ้า 20 บาทตลอด มีแต่มาตรการระยะสั้นและยังไม่เห็นมาตรการการแก้ปัญหาที่ต้นตอ เช่นเรื่องของการลดค่าไฟฟ้า ให้อยู่ที่ 3 บาท 99 สตางค์ ต่อหน่วย หรือลดค่าโดยสาร รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตอนนี้ยังไม่เห็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้นลม

คิดใหญ่ทำเล็ก - การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ว่าจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ หรือการบริหารการท่องเที่ยวผ่านวีซ่าฟรี และการลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไม่ว่าจะเป็นที่ดินสปก. และค่าแรงซึ่งเราเห็นนายกรัฐมนตรีมีสั่งการ เมื่อไม่ได้ตัวเลขที่ควรจะเป็น หรือตัวเลขที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ ซึ่งมีการแสดงออกถึงความไม่พอใจ โดยสิ่งที่รัฐบาลทำแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี และมีความคล้ายคลึงกับนโยบายที่ก้าวไกลเคยเสนอไว้ ว่าคณะกรรมการซอฟพาวเวอร์ การเคาะงบประมาณ 5 พันล้านบาท สนับสนุน 11 อุตสาหกรรม หรือการทำเฟสติวัล Winter festival และสงกรานต์ตลอดเมษายน แต่สิ่งที่ควรจะเป็นคืออยากเห็นการเสนอแก้กฎหมาย เช่น พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ เพิ่มเสรีภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือการแก้กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ เพื่อลดขั้นตอนขออนุญาตกองถ่ายหรือจัดเฟสติวัล หรือการสนับสนุนการรวมตัวของแรงงานฟรีแลนซ์ รวมไปแก้ถึงการแก้กฎกระทรวงสุราก้าวหน้า เป็นต้น

คิดอย่างทำอย่าง - ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเมือง เช่น ร่างรัฐธรรมนูญ การทำประชามติที่มาของสสร. และไม่ชัดเจนว่าจะมีสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ การปฏิรูปกองทัพ ทั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่สภาสมัยที่แล้วในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยมีความคิดที่เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล แต่การกระทำตอนนี้ค่อนข้างตรงข้ามกับสิ่งที่เคยคิดไว้

โดยความคาดหวังการทำงานของรัฐบาลในปีหน้า ที่รัฐบาลควรมี Strategic Roadmap ที่ชัดเจนที่ต้องการเห็นแผนการทำงานของรัฐบาล 1 ปี ต้องมีการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพมากว่านี้ และในฐานะรัฐบาลผสมก็ต้องทำงานให้มีเอกภาพมากกว่านี้ และควรศึกษารายละเอียดของโครงการที่จะทำให้ดีเสียก่อนที่จะประกาศออกไป และต้องเป็นแผนที่ประชาชนและสื่อมวลชนสามารถติดตามกับการทำงานของรัฐบาลได้ และมี KPI ที่ชัดเจน

ส่วนสถานการณ์การเมืองในปีหน้า มีการวิเคราะห์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากนายเศรษฐา ทวีสินเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และโครงการดิจิตอลวัลเลทจะไม่เกิดนั้น นายพิธา กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนทิศทางน่าจะเหมาะสมมากกว่าการหาทางลง เพราะประเทศไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ แต่ขอให้ปรับเปลี่ยนทิศทางมีเป้าหมายและมีความเป็นมืออาชีพ ก็จะทำให้สถานการณ์ต่างๆที่ดูแล้วเหมือนร้อนในปีหน้า ก็จะเบาบางลงได้และการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ควรให้โอกาสนายกรัฐมนตรีได้ทำงานก่อน ส่วนในอนาคตก็มีการประเมินสถานการณ์อยู่เรื่อยๆแต่คงไม่เป็นสาระสำคัญในการแถลงวันนี้

สำหรับกรณีที่มีการประเมินว่านายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น นายพิธา กล่าวว่าเห็นตัวอย่างเรื่องที่นายกออกข้อสั่งการ ที่ไม่พอใจ ค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหากเป็นตนก็จะไปดูสูตรการคำนวณ ซึ่งนอกจากจะสั่งงานว่าเอาเป้าหมายอย่างไร ก็ต้องส่งคนเข้าไปดูว่ากระบวนการเกิดขึ้นอย่างไร ก็จะไม่มีเซอร์ไพรส์ออกมาในหน้าข่าว หากมีการตามงานภายใน จึงอยากเสนอแนะนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่สามารถสั่งการลงไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที เพราะ การบริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนกับเอกชน ที่จะต้องมีกระบวนการในการบริหารงาน และให้คนไปติดตามว่าสิ่งที่สั่งการนั้นเป็นไปได้ทางกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะต้องมีการปรับแก้อย่างไร

นายพิธา กล่าวว่าโจทย์หินของรัฐบาล คือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GDP ที่ไม่แน่ใจว่าจะถึง 2% หรือไม่ เรื่องของดิจิตอลวาเล็ตที่อยู่ในกฤษฎีกา เรื่องของการท่องเที่ยวที่รายได้ไม่ถึง 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย แม้จะมีคนมาท่องเที่ยว 27 ล้านคนก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่คาดไว้ในระดับ 60% ดังนั้นฟรีวีซ่าตรงนี้ ก็ไม่เพียงพอ คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาล หากฟังประชาชนบ้าง เพื่อนนักการเมืองบ้างว่ามีความจำเป็นว่าจะต้องทำงานแบบมีโรด แมป ส่วน จะให้เวลารัฐบาลทำงานนานแค่ไหนก่อนที่จะมีการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปนั้น

-----------------------------

นายกฯ สวนพิธา ย้ำรัฐบาลทำงานชัดเจนจับต้องได้ พร้อมรับฟังอะไรเป็นประโยชน์ทำให้ ยัน พร้อมแจงทุกประเด็นในสภา ไม่หวั่น ฝ่ายค้านขู่ซักฟอก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังให้สัมภาษณ์จากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ไม่ประเมินผลงาน 90 วันรัฐบาล เพราะไม่มีโรดแมปที่ชัดเจนซึ่ง ตนคิดว่าที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจน ทั้งเรื่องลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร การท่องเที่ยวตนก็ทำทันที ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตนก็ได้เดินทางไปประชุมระดับโลก รวมถึงพบผู้นำอาเซียนก็ไปมาเกือบหมดแล้ว อะไรที่ค้างคาใจก็ได้คุยกัน ดิจิทัลวอลเล็ตก็ส่งเรื่องไปยังสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว

เรื่องเอฟทีเอเราก็เดินหน้าต่อเนื่อง มั่นใจว่าหลายเรื่องเราชัดเจน กฎหมายเราก็ขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.อากาศสะอาด รวมถึงสมรสเท่าเทียม แม้จะมีการบิดคำพูดว่าจะไม่เข้าวันที่ 12 ธ.ค. แต่ความหมายคือการเปิดสภาฯ สมัยปัจจุบัน ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็คงเข้า “หากในสายตาท่าน อาจจะช้า ก็แค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น”

แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเรามีโรดแมปที่ชัดเจน และคณะรัฐมนตรี รวมถึงคณะทำงานในที่นี้ ตั้งใจยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น ตนพร้อมรับฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่ยังไม่ได้ทำ หรือเป็นที่ไม่พอใจฝ่ายค้านเรารับฟัง เพราะฝ่ายค้านคือตัวแทนประชาชน อะไรที่เป็นประโยชน์แล้วทำได้ หรืออะไรที่ยังไม่ได้ทำตนจะทำให้

เมื่อถามว่าประเมินการทำงานของรัฐบาลช่วง 3 เดือนนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เราทำงานตลอด เรื่องนี้ให้ประชาชนตัดสินดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่าเหนื่อยหรือไม่ ที่คนออกมาติติงการทำงาน นายเศรษฐา บอกว่า ไม่ เป็นหน้าที่รัฐบาล แบกความหวังประชาชนไว้เกือบ 70 ล้านคนเป็นธรรมดา เพราะช่วงที่ประชาชนลำบากเป็นหน้าที่ของตนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องชี้แจง

ส่วนที่นายพิธา ระบุว่าหากรัฐบาลชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบ ไม่ชัดเจน จะยื่นอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมตินั้น นายเศรษฐา บอกเป็นหน้าที่และสิทธิของ สส. ทุกคนในการตรวจสอบรัฐบาล ฝ่ายบริหารก็ทำหน้าที่ให้กระจ่ายในทุกข้อสงสัย ก่อนยืนยันเรื่องนี้เราให้ความสำคัญ


https://youtu.be/2_ZpXL2x_No

คุณอาจสนใจ

Related News