เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' โพสต์คุย 4 บริษัทชั้นนำซาอุฯ ก่อนกลับไทย - ห่วงคนไทยที่อิสราเอล ถูกจับเพิ่ม 2 ราย

22 ต.ค. 2566

21 views

'เศรษฐา' โพสต์ก่อนกลับไทย คุย 4 บริษัทชั้นนำซาอุฯ สนใจลงทุนเมกะโปรเจกต์ ย้ำไทย-ซาอุฯ พร้อมผลักดันบรรลุข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ


เมื่อวันที่ 21 ต.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ผมได้ประชุมร่วมกับ 4 บริษัทชั้นนำของซาอุดีอาระเบีย คือ 1) SALIC บริษัทชั้นนำในด้านเกษตร ปศุสัตว์ และอาหาร 2) PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีฯ ซึ่งสนใจลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการ Land Bridge


3) Aramco บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานของซาอุดีฯ และ 4) SABIC บริษัทดำเนินธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทั้ง 4 บริษัทสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศในด้านต่าง ๆ รวมถึงต้องการค้าขายกับเราด้วย


ทั้งนี้ ไทย-ซาอุดีฯ พร้อมร่วมกันผลักดันให้สามารถบรรลุข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ GCC เพื่อเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่ายครับ"


นอกจากนี้ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่า ขณะนี้มีคนไทยที่อิสราเอลถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจ แต่การต่อรองเรื่องตัวประกันยังคงต้องดำเนินการต่อไป ส่วนการลำเลียงคนไทยกลับนั้น ตอนนี้มีผู้แสดงเจตจำนง 8,500 คนแล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วงว่า จำนวนคนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เกือบเท่ากับจำนวนคนที่มีการนำกลับเข้ามา ซึ่งหมายความว่าจำนวนไม่ได้ลดลง


ดังนั้นทางที่ดีกว่าคือต้องพยายามหาทางเอาคนไทยกลับมาให้ได้อีก ซึ่งตนได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับภาคเอกชนอีกหลาย ๆ ส่วน ที่มีเครื่องบินนำกลับเข้ามา ซึ่งขณะนี้มีเครื่องบินของมุสลิมลำหนึ่งที่จะสามารถนำกลับมาได้ จากแถวชายแดนประเทศจอร์แดน ก็กำลังพยายามใช้ความสามารถติดต่อสามารถนำคนมาขึ้นเครื่องบินได้หรือไม่


"เขามีให้ทุกวัน วันละ 200 คน ตรงนี้จะพยายามสานต่อ และเพื่อให้มีการติดตามงานที่ชัดเจนมากขึ้น และรายงานให้กับประชาชนและครอบครัวที่มีความเป็นห่วงใยญาติพี่น้อง ซึ่งในวันที่ 23 ต.ค. เวลา 14.30 น. จะประชุมครั้งใหญ่ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรายงานความคืบหน้าให้ทราบ"


และในการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ในวันที่ 20 ต.ค.66 ผู้นำได้แลกเปลี่ยนทัศนะและแสดงความห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่ง ต่อพัฒนาการในตะวันออกกลาง และเห็นพ้องดังต่อไปนี้

1. ประณามการโจมตีพลเรือนทุกกรณี และเรียกร้องให้มีการหยุดยิงที่ยั่งยืนและให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเปิดทางให้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เสบียงบรรเทาทุกข์ และปัจจัยพื้นฐาน ตลอดจนการบริการที่จำเป็นอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด รวมทั้งการเชื่อมต่อไฟฟ้า น้ำ และให้สามารถลำเลียงเชื้อเพลิง อาหารและยารักษาโรคทั่วพื้นที่ในกาซาโดยไม่มีอุปสรรค

2. เรียกร้องทุกฝ่ายในความขัดแย้งให้การคุ้มครองต่อพลเรือน ละเว้นจากการมุ่งเป้าต่อคนเหล่านี้ และปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลักการและข้อกำหนดในอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการคุ้มครองพลเรือนในเวลาสงคราม เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1949

3. เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวตัวประกันพลเรือนและผู้ถูกจับกุมในทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะสตรี เด็ก ผู้ป่วย และผู้สูงวัย

4. เร่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ เพื่อบรรลุแนวทางแก้ไขสองรัฐ บนพื้นฐานของเขตแดนก่อนปี ค.ศ. 1967 ที่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

5. สนับสนุนข้อริเริ่มของซาอุดีอาระเบีย สหภาพยุโรป และสันนิบาตรัฐอาหรับ โดยร่วมมือกับอียิปต์และจอร์แดน ในการฟื้นกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง และแก้ไขข้อพิพาทระหว่างอิสราเอลกับประเทศเพื่อนบ้านโดยสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและข้อมติของสหประชาชาติทุกข้อที่เกี่ยวกับความขัดแย้งนี้



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/oVhxRxlTZcA


คุณอาจสนใจ

Related News