เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ เดินตลาดเกษตรกรเมืองอุดร สาวเล็กสาวใหญ่รุมกรี๊ด บอกตัวจริงหล่อว่าในทีวี

โดย weerawit_c

9 ก.ย. 2566

450 views

เช้านี้ 9 ก.ย.66 ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายไชยา พรหมมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตลาดร่มเขียว บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์จังหวัดอุดรธานี โดยมีประชาชนมาให้การต้อนรับอย่างเนื่องแน่น ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่รุมกรี๊ด และยังพูดว่า "ตัวจริงสูงและหล่อกว่าในทีวี"


ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้ยกมือไหว้สวัสดีประชาชนตลอดทาง ซึ่งทุกร้านค้าได้พยายามนำเสนอสินค้าของตนเอง ให้นายกได้ชิม ทั้งข้าวจี่ ปลาร้าบอง ถั่วคั่ว กล้วย ก๋วยเตี๋ยวหลอด ซึ่งนายกชิมเพียงบางอย่าง เพราะบางอย่างทานไม่เป็น นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังอุดหนุนสินค้าการเกษตร หลายอย่างเช่นผักสวนครัว ข้าวไรซ์เบอรี่ ถั่วคั่วทราย ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดอุดรธานี และประกาศเหมาร้านข้าวจี่


ในจังหวะหนึ่งที่มีประชาชนนำไข่ไก่ และไข่เป็ดไล่ทุ่งมามอบให้กับนายกรัฐมนตรี แต่คนมอบยืนบังนายภูมิธรรม นายกรัฐมนตรีใช้มือดันออกพร้อมแซวว่า "อย่ายืนบังท่านรองนายกผม รู้ไหมว่าคนนี้เป็นคนกำหนดราคาไข่ของคุณ" ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหัวเราะ


นอกจากนายกจะเดินตลาดแล้ว ยังให้คำแนะนำกับพ่อค้าแม่ค้า ในการพัฒนาแพคเกจจิ้งเพื่อส่งออก รวมถึงอยากให้ลูกค้าใส่รายละเอียดเพื่อจูงใจ ให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า เพราะสินค้าบางอย่างของไทยเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ


ทั้งนี้ ระหว่างเดินในตลาดจังหวะหนึ่ง มีคุณลุงได้เดินมา ท้านายกว่า "นายกต้องทำให้ประเทศนี้เป็นรัฐสวัสดิการให้ได้ แล้วผมจะยอมรับ" ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบกลับไปทันทีว่า พูดแบบนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ รัฐสวัสดิการคือ รัฐดูแลประชาชน และย้ำว่ารัฐดูแลประชาชน


ต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางด้วยรถไฟดีเซลรางนั่งปรับอากาศชั้นสองขบวนพิเศษ โบกี้ที่ 2516 เดินทางจากสถานีรถไฟอุดรธานี ไปยังสถานีรถไฟหนองคาย กับนักธุรกิจภาคเอกชน เพื่อพูดคุยประเด็นการขนส่งสินค้าสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน


ซึ่งระหว่างนั่งรถไฟนายกรัฐมนตรีและคณะได้พูดคุยกับนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน นายวรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงเส้นทางรถไฟรางคู่ซึ่งขณะนี้ ระยะ1 ถึงแค่จังหวัดขอนแก่นเท่านั้น ส่วนระยะที่ 2 จะมีการเชื่อมต่อจากจังหวัดขอนแก่นมายังจังหวัดหนองคาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการขนส่ง ให้สามารถเชื่อมต่อจากไทยไปลาวและจีนได้


ขณะที่หอการค้าไทย-จีน และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ให้เสร็จก่อนปี2569 ซึ่งจังหวัดอุดรธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว


จากนั้นขบวนรถไฟได้หยุดแวะพักที่สถานีนาทา จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะเป็นจุดที่ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอรายละเอียด การพัฒนาพื้นที่นาทา ซึ่งมีแนวคิดต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าแบบ One stop service ที่มีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกลับการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจุดเดียวไม่ว่า ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และอย.


ซึ่งปลัดกระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงว่า การดำเนินการที่ผ่านมาแผนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับที่นายกต้องการ ซึ่งจะต้องมีการประสานกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าประเทศเพื่อนบ้าน


สำหรับพื้นที่นาทาอาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบริเวณโดยรอบ 193 ไร่ และอาจจะต้องใช้เงินลงทุน 5400 ล้านบาท ซึ่งจะต้องใช้แนวทาง ให้เอกชนร่วมลงทุน


พร้อมกันนี้ ยังมีการรายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่าการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทยกับลาว ยังมีความล่าช้าเนื่องจาก เส้นทางรถไฟจุดสะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนัก ได้น้อยจึงมีแปนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำหนัก เพื่อทำให้การขนถ่ายสินค้าคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น


และเมื่อเวลา 10.50 น. ขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟหนองคาย มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับอยู่ โดยได้มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้า และขอถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรีด้วยความคึกคัก พร้อมตะโกนด้วยว่า “นายกเศรษฐา ชาวนาจะเป็นเศรษฐี” นอกจากนี้ยังมีสภาเกษตรกรจังหวัดสภาเกษตรกรหนองคายได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกฯเพื่อขอให้แก้ไขปัญหา สิทธิทำกินและปัญหาแหล่งน้ำ


จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะพูดคุยกับผู้ประกอบการส่งออก ณ ด่านพรมแดนหนองคายเพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่าง ไทย ลาว และจีน


ขณะที่วานนี้ 8 ก.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุชา นาคาศัยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่เขื่อนอุบลรัตน์ และพบปะประชาชนที่อยู่ทั้งในพื้นที่ชลประทานและในพื้นที่นอกชลประทาน เพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาภัยแล้ง ผลกระทบจากเอลนีโญ่ พื้นที่ทำกิน และการบริหารจัดการน้ำ


โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ จากเจ้าหน้าที่กรมชลประทานและจังหวัด พร้อมกล่าวว่าวันนี้เรายังไม่ได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มตัว แต่มารับฟังข้อมูลเมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้ว จะได้เริ่มปฏิบัติการทันที


ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้พล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ช่วยเหลือในการนำเครื่องจักรและอุกรณ์ต่างๆที่กองทัพมี มาช่วยซ่อมแซมและขุดลอกคลอง เพื่อปรับปรุงเรื่องของระบบชลประทานในการรองรับน้ำ หากช่วยได้ก็ขอความกรุณา เพราะพี่น้องประชาชนนน่าจะเดือดร้อนแน่นอน จากเรื่องภัยแแล้ง อีกทั้งแผนการทำนาปรังก็ยังไม่มี จึงก็ขอความกรุณาฝากท่านแม่ทัพด้วย ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะยกมือไหว้ขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่าวันนี้ตนได้ฟังบรรยายการสรุปของกรมชลประทานก็ยอมรับว่ามีความกังวลเพราะปริมาณน้ำในเขื่อนลดน้อยลง และหากจบฤดูฝนก็คาดว่าน่าจะมีน้ำน้อย การทำข้าวนาปรังไม่แน่ใจว่าจะได้ทำได้หรือไม่ ยกเว้นจะโชคดีฝนตกมาเยอะกว่ากำหนด ส่วนพื้นที่ที่มีน้ำท่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร รายงานว่าจะควบคุมได้ภายใน 3 วัน แต่ก็ต้องลงไปดูอีกทีนึงว่าจะได้รับความเสียหายมากน้อยอย่างไร ฝนก็ยังคงตกอยู่ภาวะท่วมก็ต้องดูว่ามีสิ่งกีดขวางหรือไม่ ถ้ามีสิ่งกีดขวางก็ต้องกำจัดออกไป ปริมาณน้ำในเขื่อนทุกเขื่อน ในภาคอีสานก็ยังน้อยอยู่ แต่ก็ยังมีการจัดการบริหารที่ดี น้ำที่ใช้เยอะที่สุดคือเรื่องเกษตรเป็นเรื่องของปากท้องพี่น้องประชาชนภาคอีสาน ที่รัฐบาลมาจากประชาชน ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด โดยในระยะสั้น เรื่องของการทำฝ่ายซอยซีเมนต์ หรือลอกคลองขจัดวัชพืช ที่ขอความกรุณาจากว่าที่แม่ทัพว่าถ้าคนของกรมชลไม่พอก็ขอให้มาช่วย


ทั้งนี้ นายเศรษฐายอมรับว่า ตนเองมาจากภาคเศรษฐกิจ แต่ก็ให้ความสำคัญกับการเกษตร เพราะเรามีเกษตรกรเป็นหลาย 10 ล้านคน ภาครัฐบาลมีงบประมาณอยู่เยอะ ปีนี้อาจจะลำบากหน่อย แต่ปีงบประมาณปีหน้าอาจจะมีมากขึ้น และตนเชื่อว่าในอนาคต เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่ลงไปในทุกพื้นที่ท่วมและพื้นที่แล้ง ถ้ารัฐบาลของประชาชนทำให้ไม่ท่วมไม่แล้งลงทุนเท่าไหร่ไป ก็จะก่อให้เกิดรายได้รวมในประเทศ ไม่ใช้ไปช่วยซื้อสินค้าไฮเทคจากต่างประเทศไปช่วยให้ประเทศอื่นมั่งคั่ง แต่แน่นอนอาจจะมีบ้าง แต่รัฐบาลของประชาชนมั่นใจว่าการพัฒนาด้านการเกษตร ดังนั้น เชื่อว่าการลงทุนทางด้านการเกษตรเช่นโครงการโขง ชี มูล เลย การสร้างฝาย ในพื้นที่ชลประทานให้เยอะขึ้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลที่มาจากประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ตอนนี้ต้องให้ความ สำคัญกับระยะสั้นคือหน้าฝนจะหมดลงไปแล้ว ต้องอาศัยกำลังจากกองทัพ ซึ่งตนได้ประสานกับผู้บัญชาการทหารบก และได้รับการยืนยันว่าจะได้รับความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับกระทรวงมหาดไทย ที่จะใช้งบประมาณจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมาช่วยเรื่องฝายซอยซีเมนต์ ลอกคูคลอง ช่วยให้บรรเทาปัญหาระยะสั้น


พร้อมยืนยันรัฐบาลที่มาจากประชาชนให้ความสำคัญกับไม่ท่วมไม่แล้งและให้มั่นใจว่าเรื่องนี้เราดูแลอย่างเต็มที่


จากนั้นก็ได้รับฟังปัญหาจากประชาชน ส่วนใหญ่เรียกร้องให้รัฐบาล สนับสนุนศักยภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ เพราะเชื่อว่าเขื่อนแห่งนี้สามารถกักเก็บน้ำและผลิตไฟฟ้า เพียงพอสำหรับคนในพื้นที่ได้แต่ไม่ได้รับงบประมาณที่เพียงพอ


ขณะที่นายวรพนธ์ จันทรธีระยานนท์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลภูเวียงกล่าวว่า นายเศรษฐาเป็นนายกที่ดีที่สุดในโลกตั้งแต่เคยมีนายกมา นายเศรษฐา จึงท้วงทันทีว่า อย่าเพิ่งถึงขนาดนั้น เพราะเพิ่งเป็นมาไม่กี่วัน


นายวรพนธ์ ยังชมต่อว่าเป็นดรีมทีมที่สุดยอดมาก และความหวังที่ดีที่สุดในวันนี้ต้องขอบคุณกรมชลฯที่เรามีปัญหาเรื่องน้ำ พร้อมฝากถึงการแก้ปัญหาหนี้สิน และ ร้อยเอกธรรมนัส ก็คือความหวังด้วยเช่นกัน



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/vfwOFS8VfDI

คุณอาจสนใจ

Related News