เลือกตั้งและการเมือง

'สมชัย-ชูวิทย์' มองคดีหุ้นสื่อ 'พิธา' โดนหนักกว่าเดิม หลัง กกต.รับสอบเอาผิด ม.151

โดย passamon_a

10 มิ.ย. 2566

117 views

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการ กกต. กล่าวในรายการใต้เตียงการเมือง รายการคุยข่าวออนไลน์ของช่อง 3 ถึงการที่ กกต.มีมติตีตกคำร้อง 3 คำร้อง เกี่ยวกับคดีคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีถือหุ้นไอทีวี ว่า


อ่านข่าวว่า กกต.ปัดตกแล้วอย่าเพิ่งเฮ เพราะยังมีประเด็นที่ กกต.ตรวจสอบ ตามกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 151 ซึ่งมีโทษทางอาญา มาพิจารณา ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังฝ่าฝืนลงสมัคร ซึ่งเรื่องนี้ยาวแน่นอน ไม่ว่าจะผิดหรือถูก หรืออัยการจะสั่งฟ้องคดีนี้หรือไม่ แต่จะเป็นการสร้างรอยมลทิน ทำให้ ส.ว.จำนวนหนึ่งอ้างเป็นเหตุผลในการไม่ยกมือโหวต ให้นายพิธา ได้ เพราะ ส.ว. หาเรื่องที่จะไม่โหวตอยู่แล้ว และเรื่องนี้ ถ้ามองเป็นเกมอาจจะบอกได้ว่า เป็นเซียนเหนือเซียน


ซึ่งคดีตามมาตรา 151 เป็นคดีที่มีโทษจำคุก 1-10 ปี ตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี  ซึ่งต่างจากคดีปกติ ที่ กกต.จะต้องดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพื่อพิจารณาคดีคุณสมบัติให้เสร็จสิ้น และค่อยดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151  ตามลำดับ แต่การดำเนินการของ กกต.ครั้งนี้ เหมือนสลับกระบวนการ หยิบคดีอาญามาเล่นก่อน และจะสร้างเงื่อนไขให้ ส.ว. ไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้


นายสมชัย กล่าวว่า การที่ กกต.เลือกแนวทางนี้เท่ากับว่า กกต.ใช้อำนาจของตัวเองโดยไม่พึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการให้นายพิธา ไปสู้คดีในศาลอาญาตามกระบวนการ โดยไม่ต้องมาสู้คดีกับ กกต. เพราะตามกระบวนการ ดำเนินคดี ตามมาตรา 151 กกต.อาจจะเชิญนายพิธา มาแจ้งข้อกล่าวหา และไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเท่ากับว่า ขณะนี้ สำนักงาน กกต. อาจจะคิดไปแล้วว่าผิดจริง หรือไม่หลักฐานที่ค่อยข้างมั่นใจว่าผิดจริง


และกรณีนี้แตกต่างจาก การพิจารณาคดีหุ้นสื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะกรณีของนายธนาธร หรือคดีทั่วไป กกต. จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีคุณสมบัติให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วถึงจะมีดำเนินคดีอาญา แต่กรณีนี้ กกต.ดำเนินเริ่มจากการดำเนินคดีทางอาญาก่อน


ส่วนคดีคุณสมบัติ ส.ส. เมื่อมีการตีตกคำร้องไปแล้ว อ.สมชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ กกต.อาจใช้อำนาจความปรากฏของ กกต.เอง (กกต.พิจารณาเองโดยไม่ต้องร้อง) เป็นการตีตกคำร้อง ที่มีปัญหาระยะเวลาการยื่นเรื่องออกไป แต่ กกต.ถือว่า รับรู้แล้วว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริง เมื่อมีการรับรอง ส.ส. เรียบร้อยแล้ว กกต.ก็อาจยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาเองได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง เรียกว่า ใช้อำนาจความปรากฏของ กกต. ซึ่งหลังรับรอง ส.ส.แล้ว การพิจารณาคดีคุณสมบัติ ส.ส. ต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำได้ 2 ทางคือ การที่ ส.ส.เข้าชื่อ 1 ใน 10 (คือ 50 คน) สามารถเข้าชื่อต่อประธานสภาฯ ส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ หรือ กกต. ตั้งเรื่องขึ้นมาพิจารณา และมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ


ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "แผนพิฆาต ระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกให้เสียงคนส่วนมากลงคะแนน ฝ่ายใดรวมกันได้เกินครึ่งเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ หัวหน้าพรรคคะแนนมากสุดเป็น "นายกฯ"


แต่ประเทศไทย เลือกตั้งไปแล้ว คะแนนก็เห็นกันหมด จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ทิศทาง วนเวียนอยู่กับ "หุ้นสื่อ" ตีความไปมา ร้องกันไม่หยุดหย่อน ยอกย้อนซ่อนเงื่อน ประเทศตุรกีเลือกตั้งพร้อมกับไทย แค่ 3 วัน ได้รับมอบทำงานต่อ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนอย่างไทย คาดว่าอีกนานกว่าจะรู้ "ใครเป็นนายกฯ?"


แค่หุ้นสื่อที่ปิดไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะเอาให้ได้ กกต. ดูเหมือน "ยกคำร้อง" แต่กลับเป็นว่า "หนักกว่าเดิม" นี่ยังไม่พูดถึงเรื่อง ส.ว. ที่ต้องมา "ช่วยเลือก" นายกฯ อีก ทำไมระบอบประชาธิปไตยเรามันถึงยุ่งยากมากนักวะ!?"


https://youtu.be/MuYRSpkEa_k

คุณอาจสนใจ

Related News