เลือกตั้งและการเมือง

'พันศักดิ์-ดร.ลิณธิภรณ์' เผยยกระดับสุราพื้นบ้าน เป็นนโยบาย 'ไทยรักไทย' มาก่อน - 'ก้าวไกล' โพสต์คลิปอนาคตสุราไทยต้องไม่เหมือนเดิม

โดย weerawit_c

4 มิ.ย. 2566

126 views

วานนี้ (3 มิ.ย.) นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านนโยบายเศรษฐกิจ ในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร แชร์ข้อมูล สุราสังเวียง จากจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "ผลงาน รัฐบาลไทยรักไทย ไม่ต้องอาย ไม่ต้องโม้ทับน่ะหลานๆ อยากจะทำต่อก็ว่าไป"


ด้าน ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ทวีตภาพข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุ “โอกาสของประเทศไทยเปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่ปี 2544 พรรคไทยรักไทย เราพยายามผลักดันสุราพื้นบ้านและยกระดับสินค้าชุมชนพื้นบ้านหลายตัว สุราพื้นบ้าน คือหนึ่งในสินค้า OTOP ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน


วันนี้ คุณพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เห็นถึงความสำคัญและพร้อมต่อยอด OTOP ชุมชน สนับสนุนให้เกิดรายได้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะคนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือประชาชน”


ขณะที่ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แชร์ข้อมูลและภาพของสุราพื้นบ้าน จ.แพร่ โดยมีข้อความ ระบุ "ดูดีมากครับน่าจะมีอนาคต อยากให้หลายหลายพื้นที่ได้มีโอกาสทำสุราท้องถิ่นบ้านจะเป็นแรงดึงดูดการท่องเที่ยวใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพของเมืองรอง เป็นศักยภาพที่ต้องดึงออกมาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศไทย"


ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ 4 มิ.ย. เพจเฟซบุ๊ก 'พรรคก้าวไกล - Move Forward Party' ได้โพสต์คลิปรัฐบาลก้าวไกล อนาคตสุราไทยต้องไม่เหมือนเดิม พร้อมระบุข้อความว่า "เป็นเวลามากกว่า 70 ปี ที่อำนาจรัฐให้อำนาจผูกขาดธุรกิจสุราให้อยู่ในมือเจ้าสัว แต่เหลืออีกเพียงก้าวเดียว โซ่ตรวนที่ปิดกั้นศักยภาพของผู้ผลิตสุราไทยกำลังจะถูกทำลายลง


มูลค่าธุรกิจสุราทั้งหมด 500,000 ล้านบาท จากที่อยู่ในมือของรายใหญ่ 2-3 ราย กำลังจะกระจายไปสู่ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยทั่วประเทศ ให้สร้างสรรค์เอกลักษณ์สินค้าเกษตรของท้องถิ่นตัวเอง สินค้าเกษตร เก็บไว้ในโกดัง มีแต่ราคาจะลด เหล้า เก็บไว้ในไห มีแต่ราคาจะสูงขึ้น


Think Forward Center เคยนำเสนอเอาไว้ว่าหากการปลดล็อกธุรกิจสุราเกิดขึ้นจริง ประเทศไทยจะมีศักยภาพเกิดขึ้นถึง 7 อย่าง


1. เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร ได้มากมายหลายชนิด ทั้งข้าว อ้อย มัน ข้าวโพด มะพร้าว ตาล จาก ฯลฯ โดยรวมแล้วจะเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตเหล่านี้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท/ปี


2. สร้างงานและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท/ปี


3. เสริมสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น


4. เกิดการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมได้อีกมาก ตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์ข้าวและผลผลิตการเกษตร การหมัก การเก็บรักษา ไปจนถึงการตลาด


5. ลดการนำเข้าสุราและเบียร์ และเพิ่มมูลค่าการส่งออกสุราและเบียร์ ทำให้เพิ่มดุลการค้าให้กับประเทศไทยได้มากกว่า 3,500 ล้านบาท/ปี


6. เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาผลผลิตการเกษตรของชุมชน ด้วยการเก็บรักษาไว้ในรูปของสุราพื้นบ้าน จึงช่วยเพิ่มทางเลือกในการจัดการ และอำนาจต่อรองให้กับเกษตรกรและชุมชน


7. กากจากกระบวนการหมักสุราและเบียร์ของชุมชน ยังสามารถนำมาใช้ในการลดต้นทุนอาหารสัตว์ของชุมชน และ/หรือการหมักก๊าซชีวภาพ ได้อีกทางหนึ่งด้วย


การปลดล็อกธุรกิจสุราไม่ใช่ชัยชนะของผู้ผลิตสุรารายย่อยที่มีต่อทุนใหญ่ แต่คือชัยชนะของประชาชนที่ต่อระบอบนายทุน ขุนศึก ศักดินา ที่ใช้อำนาจผูกขาดกัดกินประเทศ


#สุราก้าวหน้า เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ประเทศไทยยังมีศักยภาพอีกหลายอย่างที่รอให้ #รัฐบาลก้าวไกล เข้าไปพัฒนา"


https://youtu.be/BLrSowZao-Y


คุณอาจสนใจ

Related News