เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' ปราศรัยใหญ่สามย่าน 'ธนาธร' ขอกา 2 ใบให้ไทยก้าวหน้า 'พิธา' ลั่นไม่ใช่นายกฯ โซเชียล

23 เม.ย. 2566

220 views

'ก้าวไกล' เปิดปราศรัย ทัพใหญ่ กทม. เปิดประตูวัยรุ่นแห่กรูเข้าฟังเต็ม 500 ที่ภายใน 1 นาที 'ช่อ พรรณิการ์' ชี้ยุบอนาคตใหม่ ก้าวไกลยิ่งโตทะลุเพดาน ขอบคุณหัวคะแนนส้มธรรมชาติ” ส่วน 'ปิยบุตร' เตือนอย่าให้ใครเอาเรื่องอดีตมาเป็นกรงขังอนาคต ปลุกประชาชนกาก้าวไกล ขีดเขียนอนาคตใหม่

ด้าน 'ธนาธร' อ้อนคนกรุงเลือก ‘ก้าวไกล’ ชี้ 4 ปีพิสูจน์แล้ว พรรคน้องใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แต่มีผลงานเด่นในสภา ขณะที่ 'พิธา' ปิดจ๊อบเวทีใหญ่ ลั่นไม่ใช่นายกฯ โซเชียล ชี้ โพลพิสูจน์แล้ว ย้ำมาไกลเกินจะแพ้ ชัยชนะของ 'ก้าวไกล' คือชัยชนะของประชาชน


เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าสามย่านมิตรทาวน์ พรรคก้าวไกล จัดปราศรัยใหญ่ กทม. โดยใช้ชื่อ “ทัพใหญ่ก้าวไกล ปราศรัยโค้งสุดท้าย” ภายใต้แนวคิด เปลี่ยนประเทศไทยอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นเวทีที่ 2 ต่อจากการเปิดตัวผู้สมัคร กทม.ทั้ง 33 เขต ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลเคยแถลงว่าจะเป็นเวทีทิ้งไพ่ใบสุดท้าย

ซึ่งมีมวลชนมารอคิวเข้าฟังการปราศรัยก่อนเวลาเริ่มงานประมาณครึ่งชั่วโมง และทันทีตั้งแต่เปิดประตูให้เข้า เวลา 15.30 น. ได้มีกลุ่มแฟนคลับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชาวบ้านที่อยู่บริเวณสามย่านได้วิ่งกรูเข้ามาทันที จนเก้าอี้ประมาณ 500 ที่นั่งเต็มภายใน 1 นาที


'ปิยบุตร' เตือนอย่าให้ใครเอาเรื่องอดีตมาเป็นกรงขังอนาคต ปลุกประชาชนกาก้าวไกล ขีดเขียนอนาคตใหม่

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ปราศรัยระบุว่า ในการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ สมองของเรามักจะคาดการณ์อนาคตโดยอิงจากประสบการณ์ในอดีต แต่เมื่อเรามองอนาคตกลับเอาอดีตมาล้อมกรอบความทรงจำของเราให้เป็นโครงขังไม่ให้เรากล้าคิดอ่านสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต ไม่ให้เดินไปสู่เส้นทางใหม่

"คงไม่มีใครอาจหาญคิดว่าลิเวอร์พูลจะชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7-0 เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ต้องย้อนมองเหตุการณ์ในอดีตเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้"

นายปิยบุตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ มีความพยายามจะพาสังคมไทยย้อนไปสู่อดีต ฝ่ายหนึ่งพยายามจะย้อนไปช่วง 2520 ที่เรียกกันเล่นๆ ว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งอนุญาตให้มีการตั้งพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง แต่กลับต้องไปอัญเชิญนายพลขุนศึกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วแบ่งเศษเนื้อให้ ส.ส.บางคนได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรี บริหารประเทศเพื่อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ แสวงหาเงินทอนมาทำทุนทางการเมืองต่อไป

อีกฝ่ายหนึ่งจะพาย้อนไปช่วง 2540 มีกระแสปฏิรูปการเมืองโดยมีรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นธงนำ เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักไทยเข้ามามีอำนาจ ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จากนั้นได้ส่งมอบนโยบายดีๆ จำนวนมาก ภายหลังได้ควบรวมส.ส.จากพรรคต่างๆ เข้ามามากขึ้น จนกลายเป็นพรรคใหญ่เพียงพรรคเดียว ก่อนจะเกิดเหตุรัฐประหาร 2549 จนกระทั่งทุกวันนี้ 17 ปีผ่านไป สังคมไทยยังก้าวไม่พ้นจากวิกฤต

"ในปี 2566 สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก ความคิดอ่านของประชาชน เยาวชน ก้าวหน้าแหลมคมมากยิ่งขึ้น เราจะต้องไม่ยอมให้พวกเขานำการเลือกตั้งครั้งนี้ กลับไปสู่อดีต แบบทศวรรษ 2520 หรือ 2540 เราต้องไม่ปล่อยให้พวกเขาออกแบบนโยบายเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ซึ่งท้ายที่สุดจะไปสนับสนุนกลุ่มทุนผูกขาดขนาดใหญ่ ให้ขูดรีดเอาจากค่าเช่าเศรษฐกิจของประเทศไทย"

ขณะเดียวกัน ต้องไม่เน้นนโยบายระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายเค้กให้กว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยนำเค้กเหล่านั้นมาแบ่งปันให้กับประชาชนคนฐานราก ทำให้เศรษฐกิจโต มองประชาชนเป็นเพียงลูกค้าสินค้า คอยช่วยเหลือประชาชนฐานราก ขณะที่คนชั้นบนยังขยายตัวเรื่อยไป จนเกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง

"อย่ายอมให้นักการเมืองสยบยอมสวามิภักดิ์กับชนชั้นนำ รวบรวมเสียงข้างมากมาต่อรอง ขอแบ่งเศษเนื้อข้างเขียงมาทำทุนต่อยอดทางการเมือง ไม่แตะต้องโครงสร้างทางการเมืองของสังคม แต่ในที่สุด ด้วยเสียงอันมากมายทำให้ชนชั้นนำไม่ไว้วางใจ และเตะออกจากวงจรอำนาจอีก"

"พรรคการเมืองที่อยากจะชนะเลือกตั้ง รวบรวม ส.ส.เข้ามาให้มากๆ เพื่อชนะเลือกตั้งเข้าไปมีอำนาจรัฐ และเป็นรัฐมนตรีกัน การคำนึงถึงปริมาณไม่คำนึงถึงความคิดอุดมการณ์ การออกแบบนโยบายเศรษฐกิจก็คิดถึงอดีตว่าเคยทำอย่างไรก็ทำแบบนั้นซ้ำอีก เวลาลงคะแนนก็ข่มขู่เชื้อเชิญให้ลงอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลชุดเดิมกลับมาได้อีก ให้ลงคะแนนด้วยความหวาดกลัวว่ารัฐบาลอื่นจะกลับมา ไม่ต้องลงคะแนนด้วยความหวัง"

นายปิยบุตร เน้นย้ำว่า คนเหล่านี้บอกว่านโยบายของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องเพ้อฝ้นไม่มีวันเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย บอกว่าเป็นพรรคการเมืองสุดโต่งอันตราย ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้คือการใช้กรอบคิดแบบเอาอดีตมากักขังอนาคต ไม่ให้เรากล้าคิดกล้าฝันถึงสังคมแบบใหม่

ในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงอยากเชิญชวนประชาชน ให้ร่วมกันทำลายกรงขังแห่งอดีต เปิดเส้นทางความเป็นไปได้แบบใหม่ในอนาคต ความทรงจำของอดีตเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดกำหนดอนาคต พวกเขายังอยากมีความสุขแบบเดิมๆ ในปัจจุบัน พวกเราจะสร้างเส้นทางไปสู่โอกาสใหม่ๆ ในอนาคต ขอให้ใช้การออกเสียงลงคะแนนในวันที่ 14 พ.ค. นี้ มาขีดเขียนออกแบบสร้างอนาคตใหม่ด้วยกัน

-------------------------------------

'ธนาธร' อ้อนคนกรุงเลือก ‘ก้าวไกล’ ชี้ 4 ปีพิสูจน์แล้ว พรรคน้องใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แต่มีผลงานเด่นในสภา

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยบนเวที ระบุว่า วันนี้ตนจะเล่าให้ฟังว่าทำไมก้าวไกลถึงใช้คำขวัญว่า “กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม”

เนื่องจากพรรคก้าวไกลอยากสร้างประเทศไทยที่เดินในทางประชาธิปไตย อนาคตลูกหลานต้องไม่เจอการรัฐประหารอีก ไม่รวมศูนย์อำนาจและงบประมาณไว้ที่ส่วนกลาง มีการกระจายถึงท้องถิ่น ไม่มีเส้นสายในระบบราชการ สิทธิเสรีภาพของประชาขนต้องได้รับการรับประกัน ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน ต้องมีการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม ยกเลิกโครงการที่ไม่จำเป็นเอางบประมาณเหล่านี้มาจัดสรรใหม่ สร้างรัฐสวัสดิการที่ดูแลครอบคลุมตั้งเต่เกิดจนตายอย่างเท่าเทียม มีระบบเศณษฐกิจที่เป็นธรรม ไม่ผูกขาด มีการดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดี ทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณที่ดี มีการศึกษา รัฐสวัสดิการที่ดีขึ้น นี่คือชั่วโมงแห่งความเป็นไปได้ หากต้องการประเทศไทยแบบนี้ต้องจ้างก้าวไกล กากบาทให้ก้าวไกลเข้าไปทำงาน

นายธาธร ยังระบุว่า มีคนบอกว่าก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น เป็นละอ่อนทางการเมือง ตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ แต่ 4 ปีที่ผ่านมา ขอให้ผลงานเป็นที่พิสูจน์แล้วว่าในสนามเดียวกัน เงื่อนไขเดียวกัน ก้าวไกลทำงานในสภาโดดเด่นเหนือกว่าพรรคอื่น ไม่ว่ามองมิติไหน ก้าวไกล 66 ก็พร้อมกว่าอนาคตใหม่ 62

ส่วนกรณีมีคนบอกว่าพรรคก้าวไกลสุดโต่ง มองว่าเป็นมุมมองหนึ่ง สิ่งที่พรรคกำลังทำขอให้ดูในต่างประเทศว่าเขามีรูปแบบอย่างไรๆ วันนี้ประเทศที่เคยตามหลังไทยเดินหน้าไปไกลแล้ว คนที่พูดคำว่าสุดโต่งนั้นล้าหลัง เช่นเดียวกับเรื่องรัฐสวัสดิการ หากไม่กล้าเผชิญปัญหาที่ต้นตอก็ทำไม่ได้ แต่ถ้ากล้าชนกับระบบราชการ ยกเลิกสิ่งที่ไม่จำเป็น จัดการการทุริตสามารถทำได้แน่นอน อยู่ที่กล้าคิดกล่าลงมือทำหรือไม่

หลายคนมองว่าพรรคก้าวไกลจะโดดเดี่ยว จากการไปปรับโครงสร้าง ชนปัญหาที่ต้นตอ แต่ตนขอบอกว่าไม่โดดเดี่ยว ดูได้จากคนที่มาฟังปราศรัยในวันนี้ พรรคก้าวไกลเข้าใจดีว่าการผลักดันวาระยากๆ ในไทยเป็นได้ยาก เต็มไปด้วยอุปสรรค จะชนะหรือไม่ขึ้นอยู่กับเมล็ดพันธุ์ทางความคิดที่ออกมาสู้กับความล้าหลัง และนำพาประเทศไปสู่ความสว่างไสว พรรคก้าวไกลโดดเดี่ยวจากนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ แต่เป็นเพื่อนกับประชาชนแบบนี้ก็รับได้

ทั้งนี้ อีก 20 กว่าวันจะถึงการเลือกตั้ง ขอพลังจากทุกคนผลักดันให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล พรรคการเมืองหลักบนกระดานตอนนี้ เคยเป็นฝ่ายบริหารกันมาหมดแล้ว แต่ประเทศไทยมาได้ไกลเท่านั้น มีพรรคหลักบนกระดานพรรคเดียวคือก้าวไกลที่ไม่เคยบริหารประเทศ ขอโอกาส ขอเป็นรัฐบาลสักครั้งจะสร้างประเทศไทยที่ไปไกลกว่านี้ให้ทุกคนได้เห็น ถ้าทำไม่ได้ตามที่นำเสนอ เลือกตั้งรอบหน้าขอให้เลือกพรรคอื่นเพราะนี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย หากก้าวไกลเป็นรัฐบาลแล้วทำไม่ได้ ตนเองนี่แหละที่ไม่กล้าเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ ก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าเขาทำไม่ได้ แล้วมีการมาเสนอหน้าแล้วบอกว่า “ทำต่อๆๆๆ”

ดังนั้น 14 พฤษภาคมนี้อนาคตประเทศไทยอยู่ในมือทุกคน นี่ไม่ใช่เวลาที่คนไทยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว หรือชาชินกับการถูกเอาเปรียบ แต่ต้องกล้าทะเยอทะยาน ฝันถึงประเทศไทยที่ดีกว่านี้ เลือกกระหว่างปัจจุบันอันมืดมิด กับอนาคตที่สดใส เลือกกระหว่างประเทศไทยที่เจริญก้าวหน้ากับประเทศไทยที่ล้าหลัง ขอโอกาสพรรคก้าวไกล ขอโอกาสให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัฐ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี

--------------------------------------

'พิธา' ปิดจ๊อบเวทีใหญ่ ลั่นไม่ใช่นายกฯ โซเชียล

ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยคนสุดท้าย ซึ่งช่วงที่ปราศรัย มีประชาชนเข้ามาฟังแน่นจนล้นถนนพญาไท กินพื้นที่ 1 เลน

โดยนายพิธา ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวว่า “ขอเสียงคนอยากเลือกตั้ง ให้ดังไปให้ถึงทำเนียบรัฐบาล” เรียกเสียงฮือฮาจากมวลชนได้จำนวนมาก

จากนั้นนายพิธา ย้ำว่า 14 พฤษภาคมนี้ ต้องกาก้าวไกลเท่านั้น ขอให้ส่งเสียงให้ดังไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายพิธา กล่าวต่อว่า วันนี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมารายงานให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่า ปัจจุบันการหาเสียงของพรรคก้าวไกลเข้าฝักเป็นอย่างมาก ของความชัดเจนความตรงไปตรงมาและความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เหลือเวลาอีก 20 กว่าวัน เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปด้วยกัน ตัวเลขของโพล มากที่สุดตั้งแต่ที่พรรคก้าวไกลเคยตั้งพรรคมาแล้วสูงกว่าพรรคอนาคตใหม่ด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่เพียงแค่เราเป็นนายกฯโซเชียล เราดูใน Google Trend ต้องบอกว่าตอนนี้อินเตอร์เน็ตจะแตกแล้ว ไม่ใช่หาเสียงกันไปกันมาแต่ตอนนี้พรรคก็จะแตกเช่นเดียวกัน” นายพิธากล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ประชาชนให้การต้อนรับพรรคก้าวไกลเป็นอย่างดี ตอนนี้ตนตอนอยากสื่อสารไปกับเพื่อนร่วมการเดินทาง ทั้งอดีต ส.ส. ผู้สมัคร สมาชิก อาสาสมัคร ตนภูมิใจในตัวทุกคนมากที่สุด

“พวกคุณไม่เคยทิ้งเรา เดินเคาะทุกประตู ทุกถนน แจกทุกใบปลิว ถึงได้มีวันนี้ ผมขอขอบคุณทุกคนจากใจจิง เท่าที่ทราบกันดีว่าพรรคก้าวไกลมีงบน้อย แต่เราเปลี่ยนงบน้อยให้กลายเป็นจุดแข็ง เราไม่รับทั้งทุนจีนเทาและไทยเทา มองว่า ไปที่ไหนตอนนี้ประชาชนที่เป็นกระบอกเสียงธรรมชาติ บอกต่อ บอกเล่าเก้าสิบ” นายพิธากล่าว

นายพิธา ย้ำว่า สำหรับประชาชนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่จนถึงพี่น้องประชาชนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าคูหากาพรรคก้าวไกล ตนขอขอบคุณ และสัญญากับทุกคนว่า จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

“ที่ผ่านมาเขาทำให้พวกเราจมดิน เขาไม่รู้เลยว่าเราคือเมล็ดพันธุ์ที่ตายสิบเกิดแสน ผมสัญญาว่า การเดินทางของเราจะโตด้วยกลีบกุหลาบ ยอมรับว่ามีความยากแต่เมื่อรวมกันได้มั่นใจว่าไม่มีอะไรยาก” นายพิธากล่าว

ตนอยากจะใช้เวลาเล็กน้อยในช่วงโค้งสุดท้ายสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนอีก 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ยังคิดไม่ออก กลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ และกลุ่มที่เลือกพรรคอื่น ตนรับประกันได้ว่าพวกเราคือความเปลี่ยนแปลงที่คุณถวิลหา เราคือความเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่า เราคือความเปลี่ยนแปลงที่เชื่อถือได้ และเราคือความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ    

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประชาชนกว่า 1 ล้านคนมักจะไม่ออกมาใช้สิทธิ์ ตนไม่โทษคนเหล่านี้ ก็เข้าใจถึงการเดินทางที่ยากลำบาก และอุปสรรคอื่น ตนยืนยันว่าพรรคก้าวไกลคือการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่าขอให้ทุกคนออกไปเลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย

สำหรับคนที่ยังไม่ตัดสินใจ ตนอยากบอกว่า พรรคก้าวไกลเชื่อถือได้ ตรงปก มีจุดยืนชัดเจน “มีลุงไม่มีเรา และมีเราไม่มีลุง”



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/r38kYFWXG58

คุณอาจสนใจ

Related News