เลือกตั้งและการเมือง

'อุ๊งอิ๊ง' ควง 'เศรษฐา' บุกเมืองชาละวัน โชว์ลีลาปราศรัยครั้งแรก - 'เศรษฐา' ไม่หวั่นซ้ำรอย อดีตนายกฯ ขอเวลาพิสูจน์

โดย weerawit_c

12 มี.ค. 2566

27 views

จากกรณีที่ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์ข้อความ "เมื่อเศรษฐานักธุรกิจคิดจะเล่นการเมือง การบริหารประเทศแบบระบบราชการจะอืดอาดยืดยาดไปไม่ถึงไหนอย่างที่เห็นๆกันอยู่ ถ้าบริหารประเทศแบบพ่อค้านักธุรกิจ ในที่สุดก็โกงกินทุจริต แต่ก็มีผู้ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจการค้าคิดจะมาเล่นการเมือง



โดยจะเอาวิธีการแบบนักธุรกิจมาบริหารบ้านเมืองด้วยมั่นใจว่าตัวเองประสบความสำเร็จทางธุรกิจมาแล้ว จะมาทำงานการเมืองพิสูจน์ความสำเร็จให้ดู คุณเศรษฐา  ทวีสิน ก็กำลังเดินเข้ามาในแนวทางนี้ ผมอยากจะบอกว่าตลอดชีวิตของพ่อค้านักธุรกิจนั้น ทำงานเพื่อเงินเพื่อผลกำไรและเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว บริษัทบริวาร หาช่องว่างทางกฎหมายทุกลูกทุกเม็ดทุกดอกเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทั้งใช้วิธีเล่ห์กลมนต์คาถาใต้โต๊ะบนโต๊ะและใต้ดินบนดิน



ส่วนข้าราชการและนักการเมือง ทำงานเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีเพื่อประเทศชาติและประชาชน คำนึงถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ ทำงานตามกฎกติกา ระเบียบข้อบังคับและกฎหมาย ทั้งด้วยคุณธรรมและจริยธรรม



จะเห็นว่าเส้นทางเดินของพ่อค้านักธุรกิจกับข้าราชการและนักการเมืองต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าใครคิดจะมาเป็นนักการเมืองจะต้องทิ้งแนวทางของพ่อค้านักธุรกิจออกไปให้ได้ ขืนมาเป็นนักการเมืองแล้วยังสวมวิญญาณของพ่อค้านักธุรกิจ ในที่สุดก็ทุจริตคอร์รัปชั่น ติดคุกติดตะรางมีให้เห็นกันหลายคน ทั้งยังอยู่ในคุกก็มีหนีไปต่างประเทศก็หลายคน แรกๆก็ทำทีรักชาติรักประชาชน พอได้อำนาจแล้วก็เอาวิญญาณของพ่อค้านักธุรกิจมาทำมาหากิน คุณเศรษฐาเป็นพ่อค้านักธุรกิจ กำลังก้าวมาเป็นนักการเมือง ต้องก้าวข้ามเส้นทางนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นก็จะเป็นเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ นักการเมืองก็คือนักการเมือง ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อเงินและผลกำไร...



ประเทศไทยไม่ใช่บริษัททำบ้านจัดสรรขาย แต่จะต้องจัดสรรความสุขให้กับประชาชนคนไทยทุกคน หวังว่าคุณเศรษฐาจะไม่เหมือนนายกที่เป็นนักธุรกิจบางคนในอดีตและคงจะไม่เหมือนรัฐมนตรีบางคนที่ติดคุกติดตะรางหรือหนีคุกหนีตะรางอยู่ในขณะนี้... ผมหวังว่าเขาคงจะเป็นนักการเมืองจริงๆ ที่ทิ้งความเป็นพ่อค้านักธุรกิจลงได้



ล่าสุดทางด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า การเป็นนักการเมืองต้องสลัดภาพนักธุรกิจ ว่าถือเป็นคำเตือน ตนน้อมรับ แต่ตอนที่ตนเริ่มเข้ามาทำงานการเมืองก็พยายามสลัดภาพตัวเองออกจากนักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลางานโดยไม่รับผลตอบแทน และโอนหุ้นให้บุตร เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนระยะยาวขอให้ดูกันต่อไป และจะไม่ลืมปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเอาบ้านเมืองเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง



ถามต่อว่านายวันชัยยังเตือนอีกว่าหากสลัดภาพไม่หมดจะเหมือนนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องออกนอกประเทศ นายเศรษฐากล่าวว่า “ขอให้ดูไป ระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าในอดีตมันเกิดอะไรขึ้น หลายๆ เรื่องเป็นเรื่องของการรัฐประหาร เรื่องของการปกครองบ้านเมือง เราเองก็ต้องดูกันไป ผมเพิ่งเข้ามายังไม่ได้เป็นอะไร เป็นแค่ประธานที่ปรึกษา คงต้องเป็นขั้นเป็นตอนไป”



เมื่อถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเตือนอย่างต่อเนื่อง นายเศรษฐากล่าวว่า คงไม่มีอะไร ตนก็น้อมรับ ไม่ได้กังวลอะไร ก็รู้จักกัน เตือนมาก็ยินดีรับไว้



ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ปราศรัยว่า วันนี้เราต้องชูธง ปักชัย เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 310 เสียง ถ้าเราไม่ได้ 310 พี่น้องชาวพิจิตร จะต้องอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปอีก 4 ปี ตอนแรกเราต้องการ 250 เสียงเพื่อชนะ ส.ว.ก่อน แต่จากการลงพื้นที่ประชาชนให้มาเกิน 250 เสียงแล้ว เมื่อมีคนออกมาบอกว่าพรรค พท.ได้ ส.ส. 270 เสียงก็จะดัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี



ขณะที่วานนี้ (11 มี.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ควงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ขณะที่แกนนำพรรคก็ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยอย่างคับคั่ง



จากนั้นนายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองมีหัวใจที่รักประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เอาเผด็จการ ยึดมั่นแต่ระบบประชาธิปไตย วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ตนในฐานะนักธุรกิจที่สะสมประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ต้องก้าวมาจากวงการธุรกิจมาทำงานเพื่อบ้านเมือง 8 ปีที่ผ่านมาเป็นระยะเวลายาวนานมากและสูญเสียอะไรหลายอย่าง ทั้งรายจ่ายเพิ่ม รายได้ลด ยาเสพติดระบาดหนัก ลูกหลานไม่เห็นอนาคต คนย้ายถิ่นฐานออกไป คนไม่อยากมีลูกเพราะไม่เห็นอนาคตที่สดใส คนแก่คนเฒ่าที่เกษียณอายุมีเงินเก็บก็ไม่พอที่จะเลี้ยงดูตัวเองอย่างมีความสุขและอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคม



ประเทศไทยเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่วันนี้เราทถดถอยไม่มีเวทียืนในเวทีโลก ผู้นำประเทศไม่เคยออกไปเปิดตลาดโลก ขายสินค้าใหม่ใหม่ ซึ่งถือเป็นความคับแค้นใจของพวกเรา



8 ปีที่ผ่านมาเพียงพอแล้ว ดังนั้น วันที่ 7 หรือ 14 พฤษภาคมนี้ อาจจะเป็นวันเลือกตั้ง หากไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นมา 8 ปี ถึงเวลาที่จะต้องเดินเข้าคูหากาพรรคเพื่อไทยทั้งคนและพรรค ไม่ปันใจให้คนอื่นเพราะหากมีพรรคอื่นเข้ามาร่วมเป็นรัฐบาลเราจะไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่เราคิดมาได้ หากไม่สามารถขับเคลื่อนได้ประชาชนก็จะไม่สามารถได้ในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยสัญญาไว้



ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยบนเวทีที่จังหวัดพิจิตร ว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยมาเป็นทีม มีหัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัว ทีมเศรษฐกิจ มีนักการเมืองคุณภาพ ขณะที่ฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใคร มีแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับเฝือกหนึ่งอันที่แขนขวา พลเอกประยุทธ์เป็นทั้งแคนดิเดต หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อไทยมาเป็นแผง เราวางคนให้ตรงงาน เอาความรู้ความสามารถให้ตรงกับการแก้ปัญหา เป็นการรวมตัวกันของคนคุณภาพทางการเมือง กลไกราชการ ภาคธุรกิจและเอกชน



ไม่มีพรรคการเมืองไหนพร้อมเท่านี้ ไม่มีทีมไหนพร้อมเท่าเพื่อไทยอีกแล้ว เหลือเพียงคนไทยพร้อมหรือยัง คนพิจิตรพร้อมหรือยังที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เดินหน้านโยบายที่ประกาศไว้ และวันที่ 17 มีนาคม นี้ อย่าไปไหน ขอให้ติดตามข่าวดี พรรคเพื่อไทยจะเปิดเวทีใหญ่ ประกาศนโยบายสำคัญชุดใหญ่ นโยบายที่ประชาชนจะไชโย แล้วพลเอกประยุทธ์จะอกแตกตาย นโยบายที่ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปาก และส่งพลเอกประยุทธ์กลับบ้าน



ล่าสุดเช้าวันนี้ (12 มี.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ควงคู่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงวันที่ 2 โดยได้เข้าสักการะพระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดพิษณุโลก เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งมีประชาชนมารอให้กำลังใจ



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/NoNrrSoJZDU

คุณอาจสนใจ

Related News