เลือกตั้งและการเมือง

‘ชูวิทย์’ แฉคอร์รัปชันเขากระโดง กว่า 5 พันไร่ นอมินีรับงาน ก.คมนาคม โยงทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม

โดย petchpawee_k

4 มี.ค. 2566

71 views

ชูวิทย์แฉ! คอรัปชั่นเขากระโดง กว่า 5 พันไร่-ทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม -ครอบครองที่ ส.ป.ก.ของบริษัทรับเหมารายใหญ่ นำเค้กรูปที่ดินบ้านเขากระโดงมาตัดแบ่งแช่งให้ตระกูลชิดชอบฉิบหายวายวอด-ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นใส่โมเดลรถไฟฟ้าสีส้มใช้ค้อนทุบกระจุย สวดมนต์สาปแช่ง “ถ้าใครโกงกินเงินประเทศชาติให้มันฉิบหายมีอันเป็นไปทั้งตระกูล” โต้กลับ ‘สนธิ “ใครจะอยู่ใครจะตายก่อนกัน” ’ ยันเดินหน้าแฉไม่มีใครหนุนหลัง


วานนี้ (3 ก.พ.) เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงเปิดโปงขบวนการทุจริต เดินหน้า “แฉเพื่อชาติ ตายยกรัง” ทำไวนิลคำพิพากษาศาลฎีกา เขากระโดง พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 5,083 ไร่ พร้อมมาร์คจุดสิ่งก่อสร้าง ทั้งสนามฟุตบอลช้างอารีน่า / สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต / หจก. บุรีรัมย์เจริญคอนทรัคชั่น /บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด / บ้านพัก ศักดิ์สยาม ชิดชอบ / บ้านพักเนวิน และเครือข่ายตระกูลชิดชอบ/ และชาวบ้าน35คนที่แพ้คดีรฟท.มีคำพิพากษาให้รื้อถอนขับไล่


โดยก่อนที่จะเริ่มแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้มีการเลียนแบบท่าทางนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่จัดรายการ “เฒ่าเล่าเรื่อง” โดยนายชูวิทย์ ได้ถือไม้เท้าเดินแบบคนชรา งอหลัง พูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ แบบคนแก่ พูดถึงนายสนธิว่า “จะมาแฉผมทำไม ข้อมูลผมอยู่ใน Google เยอะแยะ ผมไม่ได้กลัวอะไรคุณอยุ่แล้ว จะมาว่าผมเรื่องอาบอบนวดทำไม เพราะคุณยังเคยมาอาบอบนวดผมเลยทำไมถึงมาว่ากันได้”

จากนั้นนายชูวิทย์ ก็เข้ามายังบริเวณโต๊ะแถลงถึง นายศุภวัฒน์ ที่เป็นลูกจ้างของ บริษัท บุรีเจริญคอนรัคชั่น ที่เป็นบริษัทของนาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่งนายศุภวัฒน์ มีเงินเดือน 9 พันบาท แต่กลับมีรายชื่อปรากฎ ถือหุ้น 119 ล้าน และพบว่านายศักดิ์สยาม มีการโอนเงินให้นายศุภวัฒน์ จำนวน40 ล้านบาท และนายศุภวัฒน์ มีรายชื่อบริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย 7.5 ล้าน รวมถึง นายศุภวัฒน์ ยังให้บริษัทตัวเองกู้เงิน จำนวน 221 ล้านโดยไม่มีดอกเบี้ยและสัญญาเงินกู้ และยังรับงานก่อสร้างของกรมทางหลวงหลายโครงการ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดนั้น แสดงให้เห็นว่า นายศุภวัฒน์ เป็นนอมีนีของนายศักดิ์สยาม


ส่วนที่ดินเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างของเครือยข่ายตระกูลชิดชอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 5,083 ไร่ และมีคำพิพากษาศาลฎีกา ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นจำเลย และโจทก์เป็นนายศุภวัฒน์ 1 คดี และ ชาวบ้าน 35 คนอีก 1 คดีโจทก์ แต่สุดท้ายการรถไฟแห่งประเทศไทย ชนะคดีและมีการขับไล่ ชาวบ้าน 35 คน ออกจากพื้นที่

แต่การรถไฟกลับไม่กล้าที่จะไล่เครือข่ายตระกูลชิดชอบออกจากพื้นที่ จนเป็นที่มาของการสร้างอาคารต่าง ๆ ทั้ง สนามฟุตบอลช้างอารีน่าและสนามแข่งรถ ซึ่งการสร้างดังกล่าว มีการนำเงินหลวงมาใช้ในการก่อสร้างทั้งหมด ไม่ใช่เงินส่วนตัวเลย แต่กลับไม่เปิดเป็นพื้นที่ สาธารณะให้ประชาชนได้ใช้แต่กลับไปใช้ส่วนตัว


พฤติกรรมดังกล่าว ตนเองมองว่า เลวร้ายที่สุดเท่าที่พรรคภูิใจทำทำต่อประเทศชาติ เพราะขณะที่มีการก่อสร้างสนาม คนของการกีฬาแห่งประเทศไทยและและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งนายก้องศักด ยอดมณี ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยยังเป็นผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบันอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ไปร้องศาลปกครอง เพื่อขอให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว จากตระกูลชิดชอบให้ย้ายออก และยังเรียกร้องให้กรมที่ดินจ่ายค่าเสียหายอีก 700 ล้านบาท ให้กับ รฟท. ซึ่งตนมองว่าเจตนาที่การรถไฟร้องศาลปกครองแบบนี้ เป็นการประวิงเวลา แทนการฟ้องขับไล่โดยตรงและหากกรมที่ดินจ่ายก็จะเป็นการนำภาษีประชาชนมาจ่าย ซึ่งจะส่งผลเสียทั้งขึ้นและล่อง

นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังเรียกร้องไปยังนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน เข้ามาจัดการเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง เพราะนายศักดิ์สยาม มีการตั้งบริษัทลูก เขามาประมูลโครงการต่าง ๆ ของการรถไฟ ซึ่งนายศักดิ์สยาม วางแผนการไว้หมดแล้ว ตนมองว่า เป็นการกินมูมมาม ไม่มีสติเกินไป ส่งผลเสียต่อประเทศ

จากนั้นนายชูวิทย์ ยังพูดถึงผลคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้นายศักดิ์สยาม ยุติการปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม ตนมองว่า “วันนี้ฟ้าดินบัลดาลให้เป็นจริง เห็นว่าใครทำผิด และตนอยากให้นายศักดิ์สยาม ติดคุกนานกว่าที่ตนเคยติดคุกมา และต้องรับในสิ่งที่ทำ เพราะตนเชื่อว่านายศักดิ์สยามต้องติดคุก 100 %”

จากนั้นนายชูวิทย์ ได้นำเค้กรูปที่ดินเขากระโดง ที่ตนเองสั่งทำให้ราคา 5,083 บาท มา พร้อมสวดมนต์สาปแช่งคนที่กินที่ดินหลวง ว่า “อร่อยมากมั้ย” และแช่งให้ตระกูลชิดชอบฉิบหายวายวอดทั้งหมด

นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังโชว์เอกสารที่มีชื่อนายจิตต์อรุณ อนุพันธ์นัณท์ คนสนิทของนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของ ช.การช่าง ซึ่งนายจิตต์อรุณ จะชอบทำตัวจนๆ แต่กลับหิ้วเงินหลายสิบล้านบาทไปให้กับนักการเมืองที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเอกสารที่นำมาโชว์ พบว่านายจิตต์อรุณ และพนักงานของ ช.การช่าง อีก 15 คน มีรายชื่อครอบครองที่ดิน สปก. จำนวน 700 ไร่ ในตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กำหนดให้ที่ดินดังกล่าวให้กับชาวบ้านที่ยากไร้ทำเกษตร

แต่ฝ่ายกฎหมายของผู้ว่าฯ กลับแนะนำ ให้แปลงสินทรัพย์เป็นทุนเพื่อจำนอง โดยให้ ช.การช่างไปของสินเชื่อยื่นร่วมเป็นกลุ่ม โดยอ้างให้ปลูกต้นไม้ยืนต้นในที่ดินดังกล่าว เพื่อใฟ้ สปก.ยึดคืนได้ยาก ซึ่งกระบวนการทั้งหมด นายปลิวรู้ดีทั้งหมด เพราะมีเอกสารบันทึกภายในบริษัทเป็นหลักฐาน นายชูวิทย์ ระบุว่า ที่ออกมาแฉถึง ช.การช่าง ไม่กลัวที่จะถูกฟ้องกลับ

ระหว่างนั้นนายชูวิทย์ ยังได้นำ โมเดลขบวนรถไฟสีส้ม มาโชว์ พร้อมพูดว่า “รถไฟสายสีส้มและนายศักดิ์สยาม เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด” อีกทั้งยังพูดไปถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเกรงกลัวพรรคภูมิใจไทย เพราะตนเองอยากอยู่ในตำแหน่งและพรรคภูมิใจไทยเป็นฐานเสียงจึงต้องปกป้อง และยังถามไปยังนายกฯ อีกว่าต้องการแค่นี้หรอไม่อยากให้ประเทศเจริญเหรอทำไมให้คนเหล่านี้เข้ามามีตำแหน่งในการบริหารประเทศ เพราะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดของประเทศ

นายชูวิทย์ ยังพูดถึงการประมูลการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ว่าเป็นอาถรรพ์มาก เพราะต้องรอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านวัดพระแก้ว หากใครกระทำโดยมิชอบก็ขอให้มีอันเป็นไป และยังพูดถึงบริษัทที่เข้ามาประมูลจะต้องมี 3 คุณสมบัติ คือ 1.ระบบราง 2.อุโมงค์ 3.สถานี ซึ่งมีหลายบริษัท เข้ามาประมูล ทั้ง บ.อิตาเลียนไทย ที่เสนอ 120,000 ล้านบาท / ช.การช่าง เสนอ 9 หมื่นกว่าล้าน / และ บ.BTS เสนอ 9,700 ล้านบาท ซึ่งราคากลาง อยู่ที่ 9 หมื่น ทำให้ ช.การช่างได้รับงานดังกล่าวไป


ซึ่งนายชูวิทย์ มองว่าการให้ ช.การช่าง ได้งานไป ทำให้เกิดความเสียหาย 700% และอีกสิ่งที่ ทำให้ ช.การช่าง ได้งานไป คือ แก๊งสวนกุหลาบคอนเน็คชั่นส์ เป็นคนช่วย โดยมีสมาชิก 5 คน คือ นายศักดิ์สยาม / นายเนวิน / นายปลิว /นกหวีด / และนายสุชาติ ที่เจ้าหน้าที่ ปปช. พร้อมกับพูดถึงนาย สุชาติ ว่าการได้ตำแหน่งใน ปปช. นั้นไม่ถูกต้อง เพราะขาดคุณสมบัติ


จากนั้นนายชูวิทย์ ได้มีการฉีดสเปย์ดับกลิ่นใส่โมเดลรถไฟสีส้ม และใช้ค้อนทุบพร้อม มีการตัดเค้กเขากระโดงสาปแช่ง“ถ้าใครโกงกินเงินของประเทศชาติให้มันฉิบหายมีอันเป็นไปทั้งตระกูล”


นายชูวิทย์ พูดปิดท้ายกล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าการที่ตนเองออกมาเดินหน้าแฉไม่ได้มีใครหนุนหลัง แต่ต้องการทำเพื่อประเทศชาติดีขึ้น และไม่รู้ว่าทำไมสนธิถึงออกมาโจมตีตนเอง แต่ตนอยากจะพูดฝากไปว่า “ใครจะอยู่ ใครจะตายก่อนกัน”

--------------------------------------------------------------

รฟม. แจงซ้ำอีก หลังถูกนักการเมืองกล่าวพาดพิงการคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ตามที่ ได้มีนักการเมือง กล่าวพาดพิงเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เมื่อวันที่ 2 และ 3 มีนาคม 2566 นั้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้


 1. ประเด็นส่วนต่างของข้อเสนอ 68,613 ล้านบาท ของข้อเสนอ BTSC


รฟม. ขอเรียนชี้แจงซึ่งเคยได้ชี้แจงไว้หลายครั้งแล้วว่า แม้ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนของ BTSC ตามที่เป็นข่าวนั้น จะมีมูลค่าการให้ผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ค่อนข้างสูง แต่ในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชน จะต้องมีการประเมินซองข้อเสนออื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประเมินซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติ และซองข้อเสนอด้านเทคนิค รวมถึงความน่าเชื่อถือของข้อเสนอทางการเงิน เพื่อให้ รฟม. มั่นใจได้ว่าผู้ยื่นข้อเสนอจะสามารถดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดต่อประเทศชาติและประชาชนได้จริง มิใช่การพิจารณาเพียงตัวเลขสรุปผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐเท่านั้น    


2. ประเด็นคดีพิพาท เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (การคัดเลือกเอกชนครั้งแรก) ในคดี BTSC ฟ้องการแก้ RFP ไม่ชอบ และละเมิด BTSC ในชั้นศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายกฟ้องเพราะ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ แก้ RFP โดยชอบแล้วไม่เป็นการทำละเมิดต่อ BTSC โดยสถานะของคดีถึงที่สุดแล้ว 


คดีศาลปกครองสูงสุด BTSC ฟ้องการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ไม่ชอบ โดยตุลาการผู้แถลงคดี ศาลปกครองสูงสุดแถลงว่า การยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว เห็นควรพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งสถานะของคดี ยังอยู่ระหว่างรอคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด


คดีศาลอาญาทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง BTSC ฟ้องการแก้ RFP และยกเลิกการคัดเลือกฯ โดยทุจริต โดยศาลอาญาฯ พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่า การแก้ไข RFP เป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใด และการยกเลิกการคัดเลือกฯ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง BTSC หรือกระทำนอกขอบเขตของกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งสถานะของคดีอยู่ระหว่าง BTSC ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา


3. การดำเนินการคัดเลือกเอกชนฯ ต่อไปตามขั้นตอนพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562

รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการประกาศเชิญชวนฯ และคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดใน พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ 2562 เรื่อยมา ซึ่งศาลปกครองและศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางก็ได้มีคำพิพากษาในหลายคดีซึ่งถึงที่สุดแล้วว่า รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยชอบแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาการฟ้องร้องเป็นคดีความในการดำเนินงานคัดเลือกเอกชนฯ


ส่งผลให้โครงการ มีความล่าช้ากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้ เมื่อศาลปกคลองกลางโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองกลางก็ได้เห็นว่า การคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ได้รับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน และประกาศเชิญชวนฯ ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ 2562 รวมทั้งมีการเปิดกว้างให้เอกชนเข้าร่วมในการคัดเลือกมากขึ้น ไม่มีลักษณะเป็นการตัดสิทธิหรือกีดกัน BTSC มิให้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอ ซึ่ง BTSC สามารถยื่นข้อเสนอได้เช่นเดียวกับเอกชนรายอื่น ๆ แล้ว


ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ซึ่งเป็นโครงการบริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพสูง และเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าและการเสียโอกาสของประชาชนในการใช้ประโยชน์โครงการ รวมถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในการดูแลโครงสร้างงานโยธาโครงการฯ ส่วนตะวันออก ที่จะแล้วเสร็จในอนาคต รฟม. จึงเห็นสมควรเร่งรัดและผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามขั้นตอนเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/Pbb1YjDGkOE

คุณอาจสนใจ

Related News