'ก้าวไกล' ลงพื้นที่สมุทรสงคราม-สมุทรสาคร 'พิธา' เปิดนโยบายประมงบนเรือกลางแม่น้ำท่าจีน

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 ที่จังหวัดสมุทรสงคราม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้ผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวประมง ที่สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาเกี่ยวกับการประมงและแนวทางแก้ไข หลังจากเมื่อ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาฯ มีมติผ่านวาระแรก โดยมีชาวประมงในพื้นที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนและเสนอแนะความคิดเห็น พร้อมกันนี้ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม เขต 1 คือ นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย


นายพิธา กล่าวว่า เหตุผลที่เดินทางมาจังหวัดสมุทรสงครามและต่อเนื่องไปสมุทรสาคร เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัดนี้ เป็นพื้นที่ที่มีชาวประมงรวมกันมากถึง 10% ของประเทศ ตั้งแต่ พ.ร.ก.การประมงฉบับดังกล่าวออกมาเมื่อปี 2558 ทำให้ภาคการประมงได้รับผลกระทบเป็นห่วงโซ่ ตั้งแต่ชาวประมง ผู้ประกอบการ แม้กระทั่งประชาชนที่ซื้อสินค้าอาหารทะเล วันนี้จึงต้องการมารับฟังปัญหาและผลกระทบต่าง ๆ ที่ประชาชนได้รับ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและยืนยันจะผลักดันร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวทันทีเมื่อพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเปิดเวทีรับฟังปัญหา ชาวประมงรายหนึ่งกล่าวว่า "หวังว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่เข้าใจความทุกข์ร้อนของพี่น้องชาวประมง เพราะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยด่วน และต้องใช้วิธีการจัดการอย่างยั่งยืน"


หลังจากพบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องชาวประมง นายพิธา และคณะ เดินทางไปยังวัดเพชรสมุทรวรวิหาร และตลาดแม่กลอง มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้ามาขอถ่ายภาพด้วย


จากนั้นเดินทางต่อไปยังตลาดสดดอนหอยหลอด เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านค้าบริเวณดอนหอยหลอดให้การต้อนรับและเข้ามาสอบถามถึงนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ที่จะปรับเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน


ทั้งนี้ หลังจากลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน นายพิธา และคณะ เตรียมเปิดนโยบายภาคประมงของพรรคก้าวไกล บนเรือในช่วงค่ำ ที่ตลาดน้ำพุมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ต่อไป


ในเวลาต่อมา นายพิธา พร้อมกับนายวรภพ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร ทั้ง 4 เขต และเปิดนโยบายประมงกลางแม่น้ำท่าจีน


นายพิธา กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสาคร แม้มีขนาดเล็กเป็นอันดับ 5 ของประเทศ แต่จีดีพีสูงเป็นอันดับ 6 เป็นทั้งพื้นที่อุตสาหกรรม เป็นที่ตั้งโรงงาน และเป็นพื้นที่ทำประมงแหล่งสำคัญของประเทศไทย เนื่องจากสมุทรสาครตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย โดยพรรคก้าวไกลมีหลัก 3 ประการ ที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมประมง ได้แก่


1. เพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่น เพื่อให้ประมงของแต่ละจังหวัดปรับได้เหมาะสมกับพื้นที่ 2. เพิ่มศักยภาพการทำประมง 3. เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประมง ให้หลักการลงโทษได้สัดส่วน ที่สำคัญ ต้องคำนึงถึงสมดุลระหว่างการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและการทำมาหากิน ทำให้อุตสาหกรรมประมง สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวประมง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และขณะเดียวกัน ทำให้เกิดความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติ


นายพิธา กล่าวว่า การประมงของไทยสามารถแก้ไขเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และยกระดับทางเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กับการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนได้เช่นกัน พรรคก้าวไกลจะไม่ยอมให้อ่าวไทยเป็นสุสานของเรืออีกต่อไป พร้อมแก้ปัญหาทันทีภายใน 100 วันแรกของการเป็นรัฐบาล จึงหวังว่าพี่น้องชาวประมงจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาล ให้เรามีเสียงมากพอในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ให้ผ่านสภาฯ ในวาระ 2-3 กฎหมายเผด็จการประมงจะหมดไป ทำให้การประมงกลับมามีชีวิตชีวา ช่วยทั้งชีวิตแรงงานและผู้ประกอบการ ทั้งประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์


ด้าน นายวรภพ ในฐานะผู้ผลักดันร่างกฎหมายประมงฯ ได้ร่วมอธิบายถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยยอมรับว่า การแก้ปัญหาประมงนั้นล่าช้าเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดของพี่น้องประมง ยิ่งกรณีล่าสุดที่รัฐบาลเพิ่มรางวัลนำจับ เพื่อให้คนไปไล่จับพี่น้องชาวประมงมากขึ้น สะท้อนให้เห็นวิธีคิดอำนาจนิยมของรัฐบาล รวมถึงการลงโทษที่ยกเลิกใบอนุญาต เปรียบเสมือนโทษประหารชีวิตคนในวงการประมง ดังนั้นภายใน 100 วันแรกเมื่อก้าวไกลเป็นรัฐบาล พร้อมแก้ไขปัญหานี้ทันที โดยเฉพาะการปรับลดโทษให้ได้สัดส่วน

รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/MT1rxdUmxDk