เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' แถลงเปิดนโยบายสิ่งแวดล้อมกลางน้ำ แซะ 'บิ๊กตู่' แก้ปัญหาพังแล้ว-พังอีก-พังต่อ

โดย weerawit_c

25 ก.พ. 2566

51 views

วานนี้ (24 ก.พ.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จัดใหญ่แถลงข่าวเปิดนโยบายสิ่งแวดล้อมกลางน้ำ ปากคลองรังสิต เชื่อมต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตำบลบ้านใหม่อำเภอเมืองปทุมธานีเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และได้รับแรงบันดาลใจจากการกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีการต่างประเทศ ของประเทศตูวาลู ในช่วงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) ซึ่งนโยบาย “สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า” ซึ่งเป็นชุดนโยบายที่ 7 จากทั้งหมด 9 ชุดนโยบาย



โดยนายพิธา กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนมากกว่าที่คิดและส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประชาชน เช่น ปัญหาน้ำท่วมที่รุนแรงและถี่ขึ้น สำหรับพื้นที่ชุมชนปากคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี ในอดีตน้ำท่วม 2-3 เดือนต่อปี แต่ปัจจุบันน้ำท่วม 5-6 เดือนต่อปี พร้อมยกข้อมูลเมื่อ ปี 2549 ว่า มีพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากมี 10 ล้านไร่ ตอนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเป็น 27 ล้านไร่ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของธนาคารโลกที่ระบุว่าปี 2554-2588 โลกร้อนจะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรไทยราว 3 ล้านล้านบาท ผลิตพืชต่างๆ ได้น้อยลง เช่น ข้าวน้อยลง 13% มันลดลง 21% อ้อยลดลง 35%    



นานพิธา ยังกล่าวว่าปัญหาโลกร้อนเป็นภัยความมั่นคงของยุคปัจจุบัน นี่คือศัตรูตัวจริงของรัฐบาล ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารแบบเดิมอีกต่อไป ดังนั้น พรรคก้าวไกลต้องการประกาศศึกกับภาวะโลกร้อน โดยมีนโยบายที่ชัดเจน ทั้งในเชิง ‘รับ’ เพื่อรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และในเชิงรุกที่รุกไปที่ต้นตอของปัญหา เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้จริง ควบคู่กับสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม



นายพิธา กล่าวถึง นโยบาย “สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล ว่า ต้องมีนโยบายเชิงรุกและนโยบายเชิงรับ โดยนโยบายเชิงรุกต้องเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2593



ส่วนนโยบายด้านการเกษตร ต้องป้องกันการเผาเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกเป็นรายได้ กำจัดการเผาภายใน 3 ปี มีงบปรับตัวตำบลละ 3 ล้านบาท 1,000 ตำบล ใช้วิธีเปลี่ยนการเผาเป็นเงินในกระเป๋าเกษตรกร เช่น งบอุดหนุนปลูกข้าว “เปียกสลับแห้ง” แทนการเผา สร้างอุตสาหกรรมแปรรูปฟางข้าว-ซังข้าวโพดแทนการเผา เช่นเดียวกับด้านอุตสาหกรรม ต้องจำกัดการปล่อยมลพิษอุตสาหกรรม



ขณะที่ด้านการขนส่ง มีแนวคิดเรื่องรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ภายใน 7 ปีมี “วันขนส่งฟรี” รณรงค์ลดใช้รถยนต์ส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีนโยบายด้าน



ด้านขยะอาหาร = Zero Food Waste กำจัดขยะอาหารเหลือทิ้ง ,ด้านพื้นที่สีเขียว ป่าแลกเงิน



นายพิธา ยังกล่าวถึง นโยบายเชิงรับว่า ต้องมีการตั้งกองทุนปรับตัวรับมือภัยพิบัติ-น้ำท่วม เตือนภัยทั่วถึง ครอบคลุมทุกท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติได้ มีศูนย์พักพิง-ศูนย์อพยพมีมาตรฐาน ท้องถิ่นมีอำนาจและงบประมาณ พร้อมการชดเชยที่เป็นธรรมและ และรวดเร็วโดยใช้ระบบดาวเทียมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย



ทั้งนี้ระหว่างแถลงนโยบายน้ำก็ขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อ แถลงข่าวจบ นายพิธาจะเดินกลับขึ้นฝั่งมีทีมงานเข้าไปช่วยพยุง แต่นายพิธาบอกว่าไม่ต้องช่วยพยุง ถ้าจะล้มเดี๋ยวจบเอง เพราะเดี๋ยวคนจะเอาไปเปรียบเทียบกับคนที่ใส่แจ็คเก็ต issue แต่อย่างไรก็ตามนายพิธาก็ขึ้นฝั่งด้วยความทุลักทุเลเนื่องจากว่าน้ำขึ้น และขาจมโคลน



จากนั้น นายพิธาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ว่า เป็นการแถลงข่าวเชิงสัญลักษณ์เพื่อต้องการ คนที่ไม่ได้รับผลกระทบเข้าใจถึงการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนแต่เป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนที่ออกนโยบาย ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้ต้องยกเครดิตให้กับ รัฐมนตรีต่างประเทศอูวาตู ซึ่งนโยบายสิ่งแวดล้อมอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจยากจึงใช้วิธีการ สื่อสารเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้คนตระหนักและเข้าใจง่าย เพราะหากแถลงในห้องแอร์เชื่อว่าคนหลับแน่นอน



พร้อมย้ำนโยบายในการแก้ปัญหาในการแก้ปัญหาทุกปัญหาจะต้องมีการกระจายอำนาจไม่ใช่กระจุกอำนาจ



เมื่อถามว่านโยบายเหล่านี้จะแตกต่างจากรัฐบาลปัจจุบันได้อย่างไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ประกาศว่าเรื่องเหล่านี้ทำแล้วทำอยู่และทำต่อ ทำให้นายพิธา สวนกลับทันทีว่า “พังแล้ว พังอยู่ และพังต่อ” เช่น เช่นเรื่องค่าไฟที่ แพงแล้วแพงอยู่แพงต่อซึ่งประชาชนทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะหากนายกรัฐมนตรียังติดอยู่กับความท้าทายทางทหารซึ่งเป็นเรื่องขนาดของพลเอกประยุทธ์ ก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่าเรือดำน้ำก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้



เมื่อถามถึงความมั่นใจการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจปทุมธานีจะสามารถคว้า ส.ส.ยกจังหวัดได้ทั้ง 7 เขต และไม่กลัวกลุ่มบ้านใหญ่ เพราะก้าวไกลเป็นแชมป์เก่าเมื่อสมัยพรรคอนาคตใหม่ หรือหากพื้นที่ใดได้ที่ 2 คะแนนก็หายใจรดต้นคอที่ 1 จึงเชื่อว่าจะสามารถรักษาเขตเดิมเพิ่มเขตใหม่ได้


https://youtu.be/H1Uv350VyKU

คุณอาจสนใจ

Related News