เลือกตั้งและการเมือง

‘ชูวิทย์’ บุกคมนาคม ล้างหน้า-แปรงฟันโชว์ เย้ย 'ศักดิ์สยาม' เปิดข้อมูลทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้มเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท

โดย petchpawee_k

25 ก.พ. 2566

42 views

ชูวิทย์ โพสต์ ขบวนการชน กระทรวงคมนาคม ตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับสารพัดทุจริตคอรัปชั่นทุกวงการ ทุกรูปแบบ ก่อนบุกคมนาคม ล้างหน้า-แปรงฟันโชว์ ปะทะคารมเดือด เลขาฯ รมว.คมนาคม เปิดข้อมูลทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม เงินทอน 3 หมื่นล้านบาท

วานนี้ (24 ก.พ.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงขบวนการชน กระทรวงคมนาคม ระบุว่า“ขบวนการชน” ตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับสารพัดทุจริตคอรัปชั่นทุกวงการ ทุกรูปแบบ  ย่อมไม่ได้มีผมเพียงเท่านั้น ผมมั่นใจว่ามีผู้คนมากมายตั้งใจหลั่งไหลร่วมมือกับผม  หากหมดสิ้นผมแล้ว อุดมการณ์นี้จะถูกส่งต่อให้ผู้ที่มีความเชื่อในการปราบปรามเรื่องราว “การโกงทุกอย่าง ทุจริตทุกเรื่อง”   ไม่ว่าวิธีตามกฎหมาย วิธีนอกรูปแบบ เมื่อมาแบบใต้ดิน การต่อสู้จะเป็นแบบใต้ดิน แรงมาก็แรงกลับ ตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยภาคประชาชนทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้หยุดพฤติการณ์โกงชาติบ้านเมือง ทุจริตคอรัปชั่น

วันนี้ ผมเดินทางไปกระทรวงคมนาคม เพื่อสื่อสารกับประชาชน ให้เป็นประโยชน์ต่องบประมาณประเทศ อันนำมาจากภาษีอากรของทุกคน ให้คุ้มค่า ไม่มีเงินทอนไปสนับสนุนพรรคการเมืองใด

การประมูลงานหลวงทุกประเภท การจัดซื้อทุกอย่าง หัวใจคือ “ล็อกสเปก” เพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่ง บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ได้งานไป  ไม่ว่าจะงานแค่หลักแสนบาท หรือแสนล้านบาท  โครงการ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” มีการล็อกสเปกให้ บริษัท BEM ที่มี “ช.การช่าง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้งานโครงการช่วงที่ 2 ไป (โครงการช่วงที่ 1 เสร็จแล้ว 90%)  มีการตั้งวอร์รูมที่โรงแรมใหญ่แถวซอยรางน้ำ โดย “ครูใหญ่ห้อยร้อยยี่สิบ” เจ้าตำนานอยู่เบื้องหลังคอยบงการ

“เต่าบิน” ผู้เลื่องลือเชี่ยวชาญตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ นำเอาเครื่องบินไปรับที่สนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ ประชุมลับกับ “นาย ป.” และ “นกหวีด” เป็นประจำ

วางแผนการ “ล็อกสเปก” โดยทำทีเปิดกว้างให้บริษัทเดินรถไฟฟ้าทั่วโลกเข้าประมูลร่วมลงทุนได้ แต่ผู้รับเหมากลับให้เฉพาะบริษัทที่มีผลงานกับรัฐไทยที่สำเร็จแล้วในเรื่องราง และอุโมงค์

ดังนั้น จึงเหลือผู้ตรงสเปคไว้เพียง 2 เจ้า เท่านั้น ในประเทศไทยนี้ คือ

- ช.การช่าง  /  - อิตาเลียนไทย ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องกันไว้ให้ 2 เจ้านี้ เพราะทั่วโลกขุดอุโมงค์ทำรางมาก่อนไทยเป็นร้อยปี /  ไม่ว่าอังกฤษ อเมริกา เยอรมัน หรือจะญี่ปุ่น แต่ไม่เอา /  ทั้งที่ อิตาเลียนไทย มีกรรมการติดคุก คือ เปรมชัย คดีเสือดำ ไม่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติ ต้องตกไปโดยปริยาย แต่คณะกรรมการคัดกรองของ รฟม. ก็ยังให้ผ่านเข้ามาป่วนการประมูลได้


โครงการนี้ BTS ถูกเตะออก เพราะคู่ค้าผู้รับเหมา คือ “ซิโนทัย” ยังไม่มีผลงานที่สร้างเสร็จเรื่องอุโมงค์ และราง กับรัฐไทย วางแผนได้เนียนดีแท้  แถมอิตาเลียนไทยยังเสนอราคาแบบไม่อยากทำ คือเอาเงินรัฐ 100,000 กว่าล้าน ทั้งที่ รฟม. กำหนดให้ใช้เงินจากรัฐได้ไม่เกิน 91,000 ล้าน


ในขณะที่ BEM กับ ช.การช่าง เสนอ 70,000 ล้าน ได้งานแบบ “ไฮโลเปิดถ้วยแทง” ล็อกคอตีเข่าไว้สองชั้น  จึงเหลืออยู่เจ้าเดียว คือ “ช.การช่าง” และ “ช.การช่าง” คือผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BEM แต่ผู้เสียหายคือ “ประชาชน” ที่ถูกรีดเอาภาษีไปจ่าย คนไทยจึงต้องเรียนรู้ว่า ใครทำอะไรเอาไว้  ในวันเลือกตั้ง ทำอะไรไม่ได้ก็อย่าไปเลือกให้กลับมาทำงานอีก  พวกนี้มันเป็น “นกสองหัว” ไม่มีอุดมการณ์ใดๆ ยอมแหกทุกกฎ ขอเป็นรัฐบาลอย่างเดียว


คนกรุงเทพฯ ต้องจำเรื่องนี้ได้ เป็นแบบที่เคยพลาดเรื่อง “แอร์พอร์ตลิงค์” มาแล้ว 30,000 กว่าล้าน เมื่อหลายสิบปีก่อน จนวันนี้ยังไม่ฟื้นตื่นมาจากยาสลบ

ส่วนใครคิดว่า ผมได้เงินแม้แต่บาทเดียวกับการออกมาแฉโครงการนี้ ขอให้ผมวิบัติฉิบหายไป  ผมไป “สภา” เอาข้อมูลให้ “โรม” ก็หาว่าผมเป็นพวกฝ่ายค้าน  พอไป “ทำเนียบ” เอาข้อมูลร้อง “นายกฯ” ก็หาว่าผมเป็นพวกรัฐบาล  มันทั้ง “สิ้นคิด” และ “สิ้นชาติ”

ช่างหัวมัน หากยังไม่รู้ว่าประชาชนอย่างผมจะทำเพื่อชาติก็ไม่เป็นไร  แต่อย่าได้เลือกพวก “เมากัญชา”  พี้กันให้เต็มที่ แต่อย่าไปเพี้ยนเลือกมันเลยครับ

จากนั้น คุณชูวิทย์ คอมเม้นท์เพิ่มเติมว่า คิดว่าใหญ่ หาว่าผมไม่ล้างหน้า ผมเลยไปทั้งล้างหน้า ทั้งแปรงฟัน ให้มันดู แถมฝากน้ำยาบ้วนปากให้มันด้วย เผื่อว่าปากมันเหม็น เพราะอมอะไรไว้เยอะ

กระซิบไว้หน่อย คงจะได้ไปกินปลาดิบที่เขากระโดงเร็วๆ นี้

-------------------------------------------------------------------------------------

วานนี้ (24 ก.พ.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่บริเวณกระทรวงคมนาคมเพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ กล่าวถึงกรณีที่พบการทุจริตในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยระบุว่ามีการรับเงินทอนจำนวนเงิน 3 หมื่นล้านบาท และมีข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจน

ครั้งนี้นายชูวิทย์ เดินทางมาพร้อมกับพร็อพมากมาย เช่น  สเปรย์ ที่บอกว่าเอามาดับกลิ่นเหม็นเงินทอน ส่วนอีกมือเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อบอกส่าเอามาฆ่าเชื้อคนโกง เมื่อไปถึงเดินเข้าไปด้านในกระทรวงคมนาคม ซึ่งตอนนแรก รปภ.ไม่ให้เข้า แต่นายชูวิทย์ตอบกลับไปว่า “ผมคือประชาชน ทำไมไม่เปิดประตูให้ผม” จากนั้น รปภ.จึงเปิดประตูให้เข้าไป เมื่อเข้าไปได้ปรากฏว่านายชูวิทย์ได้นำสเปรย์ที่เตรียมไปด้วยฉีดพ่นในกระทรวง พร้มอบอกว่า “เหม็นกลิ่นเงินทอน 3 หมื่นล้าน” ก่อนที่จะเดินออกมายังบริเวณหน้ากระทรวง

ขณะเดียวกันวานนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมติดภารกิจราชการต่างจังหวัด จึงได้มอบหมายให้ คุณสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการ รมว.คมนาคม และคุณภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. มารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแทน ก่อนที่ชูวิทย์จะแจ้งว่าไม่มีหนังสือมายื่นให้กระทรวงคมนาคม

โดยในช่วงก่อนที่จะเริ่มกล่าวถึงประเด็นการทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม นายชูวิทย์ได้ล้างหน้าพร้อมกับแปรงฟัน และบ้วนปาก บอกว่าตนล้างหน้ามาแล้ว ย้ำชัดว่าประชาชนอย่างตนล้างหน้าเรียบร้อย ที่ไปที่มาสำหรับการต้องล้างหน้า แปรงฟัน บ้วนปากเนื่องจากก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยาม เคยให้สัมภาษณ์ถึงตนว่าไม่ยอมล้างหน้า

จากนั้นตัวแทนของนายศักดิ์สยามได้มายืนรอรับหนังสือร้องเรียน แต่นายชูวิทย์ปฏิเสธแล้วบอกว่าไม่มีหนังสือมาร้องเรียน เนื่องจากกระทรวงคมนาคมเป็นต้นตอของการทุจริต ตนเองจะยื่นหนังสือร้องเรียนให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรงแต่เพียงผู้เดียว


โดยช่วงนี้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เรียกได้ว่าเป็นการปะทะคาคมเดือด ระหว่างนายชูวิทย์และคุณสุขสมรวย โดยนายชูวิทย์ปฏิเสธที่จะให้หนังสือร้องเรียน และถามตัวแทน รมว.คมนาคมว่าเป็นใคร เป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า ก่อนอีกฝั่งจะบอกว่า เป็นเลขาฯ รมว.คมนาคม

จากนั้น นายชูวิทย์ ได้หยิบขวบน้ำยาบ้วนปาก ขึ้นมาบ้วนปากให้ เลขา รมว.คมนาคม ดูว่าไม่ได้ใส่ยาพิษมา จากนั้น เลขา รมว.คมนาคม  ได้ถามสื่อมวลชนว่าอยากได้เอกสารจากคุณชูวิทย์หรือน้ำยาบ้วนปาก ซึ่งมีเสียงตอบกลับเล็กน้อยว่า “น้ำยาบ้วนปาก” จากนั้นทำให้ตัวแทน รมว.คมนาคม เดินกลับเข้ากระทรวงไปทันที


จากนั้น คุณสุขสมรวย วันทนียกุล เลขา รมว. คมนาคม กล่าวว่า จากการสอบถามนายชูวิทย์เรื่องเอกสาร ข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ยืนยันว่าจะไม่ยื่นกับตน แต่จะไปยื่นกับนายกรัฐมนตรีแทน


ซึ่งตนได้เรียนกับทางนายชูวิทย์ไปแล้วว่าหากมีเอกสารการโอนเงิน 3 หมื่นล้านบาทจริง ทางเราพร้อมรับและเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน แต่หากยังไม่ยื่นตอนนี้ก็รอและให้เวลาไปยื่น


เมื่อถามว่าจากนี้จะดำเนินการอย่างไร เลขา รมว.คมนาคม ระบุว่า “ก็ไม่รู้จะดำเนินการยังไง ความหมายอย่างที่บอก คุณชูวิทย์ทำอย่างนี้ ข้อกฎหมาย เรื่องของการหมิ่นประมาทมันฟ้องกันได้ แต่ไม่รู้จะทำไปทำไม”

จากนั้นนายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแดง แถลงข่าวถึงขั้นตอนการประกวดราคา โดยตั้งข้อสังเกตว่าจะเกิดการทุจริตในกระบวนการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ร่างขอบเขตการทำงาน หรือ TOR ภายหลังจากที่มีการเปิดซองราคาไปแล้ว


ทั้งนี้ การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มเสร็จสิ้นไปแล้วส่วนแรก แต่ที่ยังเป็นปัญหาคือส่วนที่ 2 ซึ่งยังไม่ได้ก่อสร้าง เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการเลือกบริษัทที่ก่อสร้าง ซึ่งส่วนนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อล็อกสเปกให้บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ 2 บริษัท จากแต่เดิมเมื่อครั้งกำหนดรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนที่ 1 ยึดหลักถูกและดี แต่พอมาส่วนที่ 2 กลับกลายเป็นว่าให้ยึดจากบริษัทที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าและอุโมงค์มาก่อนแล้วในประเทศไทย และให้ใช้ดุลพินิจในการเลือกบริษัท ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง 2 บริษัทที่ก่อสร้างโครงการขนาดนี้ได้


นายชูวิทย์ยังกล่าวต่อว่า มีทั้งอดีตนักการเมืองและนักการเมืองเข้าไปพูดคุยเจรจาผลประโยชน์ในเรื่องดังกล่าวกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมือง


นายชูวิทย์ยังได้กล่าวต่อหน้าองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินด้วยว่า ไม่เคยคิดจะมาเรียกและขอเงินใคร แต่มาเพื่อปกป้องประเทศชาติ ให้ทุกคนไปดูว่าโครงการนี้ใครได้เงินทอนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ใครที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ขอไม่ให้เจริญใดๆ ทั้งสิ้น


นายชูวิทย์ กล่าวยืนยันว่าการออกมาพูดเรื่องดังกล่าวเพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและเงินในกระเป๋าของประชาชน พร้อมสาบานว่าตนเองไม่เคยรับเงินใครมาพูดแม้แต่บาทเดียวเพื่อมาแฉข้อมูลดังกล่าว ยืนยันการตั้ง"ขบวนการชน"ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับการทุจริตทุกวงการ พร้อมกับสาปแช่งไปยังคนที่โกงประเทศและเอาเงินทอนโครงการดังกล่าวขอให้พบกับการวิบัติและล่มจมแต่หากไม่ได้ทำก็ขอให้พบกับความเจริญ


ส่วนกรณีที่หลายวันก่อน นายศักดิ์สยาม บอกว่าจะฟ้อง ว่า “ผมไม่กลัวหรอก ถ้ากลัวผมไม่มาหรอก แต่ถ้าจะฟ้องระวะงตอนเลือกตั้งก็แล้วกัน พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส. ใน กทม. สักคน เพราะผมจะถล่มคุณ และคุณอย่างมากก็จะได้คะแนนเหมือนปี 54 ทั้ง กทม. ได้ไป 8,000 กว่าคะแนน หรือน้อยกว่านั้นเพราะเรื่องกัญชา

ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าว นายชูวิทย์ จะนำเอกสารหลักฐานไปยื่นให้นายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์ดำรงธรรม แต่การยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีก็เป็นไปตามขั้นตอนเท่านั้น ไม่ได้คาดหวังว่า นายกรัฐมนตรีจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เพราะอยู่มานานถึง 8 ปีแล้ว การจะมาแก้ไขปัญหาช่วงนี้คงเป็นเรื่องยาก  พร้อมมองว่าการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.เหมือนถูกล่ามโซ่ไว้แล้ว ตนเองดูระบบการเมืองออกหมด  

----------------------------------------

ด้าน กระทรวงคมนาคมได้แถลงกับสื่อมวลชน ถึงประเด็นดังกล่าว หลังจากที่นายชูวิทย์ เดินทางกลับ โดยนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รฟม. ได้ดำเนินการกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาล อย่างเคร่งครัด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้แนวทางสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก็มีการเปิดโอกาสให้เอกชนทั้งไทย และต่างประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วม จึงมิได้เป็นไปตามที่นายชูวิทย์ฯ กล่าวอ้างว่า มีการล็อคสเปค


นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวก็มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งหากผลการตัดสินเป็นอย่างไร รฟม. ก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินทุกประการ จึงขอให้นายชูวิทย์ฯ รวมทั้งสื่อมวลชน และประชาชนทุกฝ่าย เคารพกระบวนการยุติธรรม และไม่ดำเนินการที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดศาล และหากสื่อมวลชน หรือประชาชน มีข้อสงสัย ก็ยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลต่อไป



https://youtu.be/_qrGwLoL3J8

คุณอาจสนใจ

Related News