เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' ปราศรัยใหญ่ที่ประชุม 'ก้าวไกล' ย้ำจุดสำคัญ ปิดสวิตช์ 3 ป.-แก้ไข รธน.

โดย weerawit_c

29 ม.ค. 2566

99 views

วานนี้ (28 ม.ค.) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล ได้มีการเปิดแคมเปญ "กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม" โดยมีตัวแทนพรรคก้าวไกลแสดงวิสัยทัศน์ 4 คน คือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล / นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค / นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางขุนเทียน และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค



เวทีการปราศรัยเริ่มต้นที่นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากเราดูข่าวที่รวบรวมปัญหาประเทศย้อนหลังไป 20-50 ปีที่แล้ว จะพบว่าปัญหาที่กำลังเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เราเผชิญมาหลาย 10 ปี แต่ถ้าเราต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม พรรคก้าวไกลเท่านั้นคือคำตอบ



ขณะที่นายรังสิมันต์ ปราศรัยเปิดกลุ่มนโยบาย “การเมืองดี” โดยระบุว่าประเทศไทยที่การเมืองแบบเดิม ไม่เคยมีอะไรเป็นของประชาชน อำนาจไม่ใช่ของประชาชน ระบบราชการไม่ใช่ของระชาชน และชาติไม่ใช่ประชาชน แต่การเมืองดี ที่ก้าวไกลจะทำให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน พร้อมย้ำว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาการเมืองก่อน ก็แก้ปัญหาปากท้องให้แก่ประชาชนไม่ได้



ส่วนนายณัฐชาเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง ซึ่งนโยบายเด่น เช่น ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 450 บาททันที และให้มีการขึ้นค่าแรงตามเงินเฟ้อทุกปี ต่อด้วยนโยบายอุดหนุนงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ให้ประชาชนในทุกเขตเมืองในประเทศไทย



จากนั้นนายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย เริ่มต้นถามสมาชิกว่าอยากเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนไปหรือไม่ หลังจากนี้ ยาวไปๆ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” แต่ก่อนจะมีอนาคต มีเรื่องจะฟ้องทุกคน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวบูลลี่ตนว่าผู้ปราศรัยก่อนหน้า อายุ 30 ปีกันหมด มีแต่นายพิธาที่อายุ 42 ปี ตนจึงบอกไปว่า ตนนี่แหละ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30



นายพิธา กล่าวว่า ขอให้สโลแกนของพรรคก้าวไกลอยู่ในสมองของทุกคน จะก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้าได้ จะต้องมีนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจ สร้างงาน ซ่อมประเทศเพื่อคนไทยทุกคน สังคมไทยจะมีอนาคตได้ ต้องเป็นอนาคตของทุกคน 99% ไม่ใช่อนาคตของคนเพียงแค่ 1 % ตอนนี้เศรษฐกิจเติบโตแต่ความเหลื่อมล้ำลดลง คนอื่นเวลามองเห็นปัญหาเป็นปัญหา แต่ตนเห็นปัญหาเป็นงาน เงิน โอกาส และทองคำ



นายพิธา เปิดภาพ รถเมล์ควันดำ / ผืนดินที่แตกระแหง / ภาพน้ำประปาสีขุ่น พร้อมระบุว่า ตนเห็นอนาคตในการสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า การสร้างแบตเตอรี่ การสร้างอุตสาหกรรมเกษตร หากพลิกมาเป็นโอกาสได้ จะหมายถึงงานเป็นล้านตำแหน่ง เป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เป็นวิธีการคิดแบบก้าวไกล



“อันนี้คือสิ่งที่ผู้นำคนต่อไปต้องทำให้ได้ ต้องเป็นผู้นำที่ปัญหามา ปัญญามี ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้ให้กลุ่ม และไม่ได้มีไว้ให้ดอง” นายพิธากล่าว



นายพิธา ย้ำถึงปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน ว่า แรงงานผู้สูงอายุไม่สามารถทำสินค้าเกษตรได้ มองตาปริบๆ เห็นนายทุนร่ำรวย เห็นคนขายปุ๋ยร่ำรวย ไม่สามารถพลิกปัญหาให้เป็นโอกาสได้ ต้องได้รับแก้ไข อุตสาหกรรมอย่างโดรนการเกษตร 80% สามารถทำได้ในประเทศไทย เป็นการสร้างเทคโนโลยีด้วยตนเอง



ส่วนภาคบริการ นายพิธา ย้ำถึงปัญหาผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุและเด็กเล็กที่ต้องได้รับการดูแล ก็ยังสามารถสร้างงานภาคบริการได้เป็นหมื่นตำแหน่ง ซึ่งการแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ตนกล่าวมา จะเป็นไปไม่ได้ หากการศึกษาไทยยังล้าหลัง เราต้องปฏิวัติการศึกษาไทย เติมเต็มความฝันเด็ก พร้อมกับเติมเต็มความฝันประเทศไปด้วยกัน



“ที่พูดมาทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้ หากการศึกษาไทยยังล้าหลัง ตอนนี้มีทั้งเงิน ทั้งเวลา ใส่เข้าไปในระบบการศึกษาไทย แต่สิ่งที่ออกมาเราอยู่อันดับท้ายๆ” นายพิธากล่าว



นายพิธา ระบุต่อว่า ภาวะโลกร้อนจะเป็นความท้าทายหลักของทุกประเทศบนโลก ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า จะหนักขึ้นเรื่อยๆ การลดปริมาณคาร์บอนในปริมาณที่กำหนด ตามที่ทางการไทยได้ลงนามไว้ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะไม่ได้รับการแก้ไขหากเราไม่กล้าชนกับกลุ่มนายทุน



นายพิธา ย้ำว่า หากเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาของในอดีตได้ จากการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต จะกลายเป็น การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม ซึ่งปัญหาในอดีตเป็นมรดกการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเรื่องของการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน เป็นเรื่องการเมืองวนลูป แผ่นเสียงตกร่องที่รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แพ้เลือกตั้ง ยุบพรรคการเมืองแบบนี้ไปเรื่อยๆทุกๆ 5 ปี



“ประเทศไทยไปต่อมากกว่านี้ได้อย่างไร หากทหารยังอยู่ในการเมือง และยังอยู่ในมรดกของลุงแก่ๆที่มันบ้าอำนาจอยู่ กลับบ้านไปเลี้ยงหลานได้แล้วลุง” นายพิธากล่าว



นายพิธา ระบุว่า ประเทศไทยจะไปไกลได้มากกว่านี้อย่างไร ถ้าการบริหารยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และแต่ละพื้นที่ไม่สามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้



“ไหนๆก็พูดถึงลุงแล้ว เขาอยู่กับเรามา 8 ปี เขาบอกว่าเราจะทำตามสัญญา ตอนนี้บอกขอไปต่อ ไปต่อที่นี่ ไปต่ออย่างไร ไหนใครจะไปเดิมๆแบบลุง” นายพิธากล่าว



นายพิธา ย้ำว่า ภารกิจที่สำคัญที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้คือการปิดสวิตช์ 3 ป. ล้างมรดก คสช.ให้สูญพันธุ์ไปจากการเมืองไทยให้ได้ โดยเราต้องทำ 2 อย่างคือเอาพรรคทหาร อย่างพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติออกไป และเอารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ออกไปจากสังคม



“ผมเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ 100 วันแรก ทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน” นายพิธากล่าว



นายพิธา กล่าวทิ้งทายว่าตนพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำรัฐบาล ก่อนจะโบกมือทักทายสมาชิกและลงจากเวที


https://youtu.be/MVb7T5a52nM

คุณอาจสนใจ

Related News