'ชัชชาติ' รับลงพื้นที่ถี่ ส่งสัญญาณ ผอ.เขต กระตือรือร้นแก้ปัญหาชาว กทม.

วานนี้ (27 พ.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ชุมชนเคหะบางบัว เขตหลักสี่ พร้อมด้วยว่าที่ ส.ก. พรรคเพื่อไทย หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเรื่องการวางท่อระบายน้ำกีดขวางการจราจร รวมถึงปัญหาการจัดการขยะ โดยมีทางผอ.เขตหลักสี่ ร่วมลงพื้นที่ด้วย ซึ่งทาง ผอ.เขต รับปากว่าจะดำเนินการเคลื่อนย้ายออกเร็วที่สุดอาจจะเป็นสิ้นเดือนนี้



ส่วนปัญหาขยะ จะให้รถเก็บขยะเข้ามาเก็บถี่ขึ้นจากเดิมสัปดาห์ละครั้ง เป็นสัปดาห์ละ 2 หน และออกแบบถังขยะให้เหมาะสม



นายชัชชาติ ยอมรับว่า การลงพื้นที่ทุกวันในช่วงนี้ เป็นการส่งสัญญาณถึง ผอ.เขต ให้กระตือรือร้นลงมาดูแลปัญหา และเร่งแก้ไขให้ประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ว่าฯ ลงมาดูเอง และมองว่าไม่จำเป็นต้องคาดโทษ ผอ.เขต หลังบางพื้นที่มีประชาชนร้องเรียนแต่ไม่มีความคืบหน้าจนผู้ว่าฯต้องลงมาดูเอง แต่ต้องปรับวิธีคิด อดีตไม่ว่ากัน แต่ปัจจุบันต้องเน้นเรื่องทำงานเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายจักลไกการประเมินรายปีรายอยู่แล้ว อีกทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการประเมิน ผอ.เขต ผ่านแพลตฟอร์มที่จัดทำไว้ให้ด้วย



นายชัชชาติยังกล่าวถึงกรณีที่พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้เป็นความเห็นของผู้ว่าฯ คนใหม่นั้น ว่า ต้องดูอดีตที่ผ่านมาด้วย อย่าโยนมาที่ผู้ว่าฯทั้งหมด ตอนนี้พูดไม่ได้มาก เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดสัญญา และเกรงจะกระทบกับเอกชนด้วย ซึ่งสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญมี 3 ประเด็นหลักซึ่งที่มาของหนี้สิน ค่าจ้างการเดินรถ และการต่อสัญญาสัมปทานเหตุใดจึงไม่เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ



ส่วนจะมีการเปิดสัญญาสัมปทานทันทีที่ กกต. รับรองเลยหรือไม่นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่าจะ ต้องขอดูขั้นตอนก่อน เพราะเข้าใจว่าในสัญญาหน้าแรกระบุไว้ว่าห้ามเปิดเผยสัญญาต่อบุคคลภายนอก แต่เชื่อว่าน่าจะเปิดสัญญาได้ เพราะประชาชนเป็นคนจ่ายค่าสัญญานี้ผ่านค่าโดยสาร ประชาชนมีสิทธิที่จะรู้



นายชัชชาติ มั่นใจว่าการจัดทำนโยบาย 200 กว่าข้อมาถูกทาง เพราะได้สัมผัสกับข้าราชการและประชาชนมากขึ้น คนอ่านนโยบายมากขึ้น เริ่มพูดถึงเยอะขึ้น มั่นใจว่าวิธีนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม แต่ยอมรับว่าปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นถือเป็นปัญหาที่ยากที่สุดเนื่องจากฝังรากลึกอยู่ใน กทม. จึงต้องการพูดคุยกับองค์การต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) เพื่อเอาคนนอกมาช่วยดูด้วยและฉายไฟลงไปในกรุงเทพธนาคม



ส่วนข้าราชการจะอ่านนโยบาย 200 กว่าข้อ หมดหรือไม่น้ัน นายชัชชาติ สองร้อยข้ออ่านไม่ยากหรอก เพราะเราเสียเวลาเล่นไลน์มากกว่าอีก



โดยในช่วง 2 สัปดาห์แรกต้องการเดินสายหาพันธมิตร ทั้งองค์การต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) กรมทางหลวง รฟม. ฯลฯ เพื่อจับมือกันเดินไปด้วยกัน ตอนนี้สนุกกว่าแต่ก่อนมาก เพราะเห็นแสงสว่างว่าจะไปต่อได้ มีคนพร้อมจะเดินร่วมกันเยอะขึ้น ชีวิตมีความหวังมากขึ้น



ต่อมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเดินทางลงพื้นที่ เขต สัมพันธวงศ์ พบ ว่าที่ สก.เขตสัมพันธวงศ์ นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเยี่ยมชมโครงการ ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ ชุมชนเก่า ย่านเยาวราช ที่เป็นชุมชนซึ่งเกิดจากการอนุรักษ์ของชาวชุมชนและรวมตัวกันพัฒนาเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ แสดงออก สำหรับศิลปะดนตรีรวมถึงวิถีชุมชน



โดยนายชัชชาติระบุ ว่า โครงการอนุรักษณ์ในลักษณะนี่คล้ายกับนโยบายของตน ที่ต้องการ สร้างพื้นที่ส่วนรวมส่วนกลางหรือพื้นที่สำหรับการแสดงออกให้กับชุมชน โดยตั้งใจจะขยายต่อไปทุกชุมชนในมีครบทั้ง50 เขต แต่ขอให้แต่ละชุมชนต้องค้นหาอัตลักษณ์ของตนเอง ไม่ควรทำในแบบเดียวกัน ไม่เช่นนั่นอาจเป็นอะไรที่ซ้ำๆ แล้วก็จะไม่เกิดประโยชน์



สำหรับพื้นที่กิจกรรมแบบนี้เป็นอีกทางเลือกของคนกรุงเทพ สำหรับการเลือกพักผ่อน เพราะมีหลายกิจกรรม ทั้งดนตรี ทั้งกิจกรรมกลุ่ม หรืองานศิลปะ แน่นอนว่าลักษณะนี่เป็น Softpower ที่สามารถกระตุ้นเรื่องของเศรษฐกิจในชุมชนได้ด้วย

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/R9llI1-hzwU