เลือกตั้งและการเมือง

ศาลสั่งจำคุก "ปารีณา" 4 ปี 1 เดือน คดีรุกป่าราชบุรี ล่าสุดยื่น 1 ล้าน ได้ประกันตัว

6 ต.ค. 2568

63 views

คดีรุกที่ป่า ของอดีต สส.ปารีณา ไกรคุปต์ แม้ว่า ตอนนี้ คุณปารีณา จะถูกศาลฎีกา พิพากษาในคดีทางจริยธรรม ตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังมีคดีอาญา ล่าสุดวันนี้ศาลพิพากษาจำคุก อดีต สส.ปารีณา 4ปี 1เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ที่สุดได้รับการประกันตัวไปสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ ต่อไป



ศาลจังหวัดราชบุรี อ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัทปารีณา ไกรคุปต์ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวน ,พระราชบัญญัติป่าไม้, ประมวลกฎหมายที่ดิน และพระราชบัญญัติน้ำบาดาล



กรณีร่วมกันบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวน ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ระหว่างปี 2555 ถึง ปี2565 จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 681 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา การปลูกสร้างโรงเรือน เลี้ยงไก่ สร้างบ้านพัก ปักเสาไฟ สร้างแทงค์น้ำ และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ คิดเป็นเงินค่าเสียหายของรัฐรวม 35,369,459.10 บาท



โดย จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ



ทั้งนี้ศาล ชี้ว่า แม้ที่ดินที่เกิดเหตุมิได้เป็นป่าโดยสภาพ และไม่เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐโต้แย้งการที่มีบุคคลเข้ายึดถือครอบครอง หรือแจ้งให้จำเลยทราบว่า ที่ดินที่เกิดเหตุเป็นป่า จึงไม่ทราบว่าการครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุเป็นความผิดก็ตาม แต่จำเลยทั้งสองย่อมทราบดีว่าที่ดินที่เกิดเหตุยังเป็นที่ดินที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของหรือได้ใช้สิทธิใดๆตามกฎหมายที่ดิน ที่ดินพิพาทจึงยังคงเป็นป่าตามคำนิยามของ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484



การที่จำเลยทั้งสองยึดถือครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุทั้ง 4 แปลงจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันยึดถือครอบครองป่าเพื่อตัวเองหรือผู้อื่นเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และฐานร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 100,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี แต่เรนื่องจากทาง นำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน

50,000 บาทและจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี



ส่วนความผิด ฐาน ประกอบกิจการน้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาตคงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 10,000 บาทและจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน



รวมปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 60,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน ให้ริบของกลาง ให้จำเลยทั้งสอง คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากป่าและที่ดินของรัฐที่เกิดเหตุ ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล อุดและกลบหลุมบ่อน้ำบาดาล



ทั้งนี้ ทนายความของ น.ส.ปารีณา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.ปารีณาตีหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท และได้รับการปล่อยตัวเพื่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป



ย้อนกลับไป คดีนี้มีผู้กล่าวหา น.ส.ปารีณาหลายราย หนึ่งในนั้นคือ คุณวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ พร้อมเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2562 ขอให้ดำเนินคดีกรณีมีการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และ ที่ดิน ส.ป.ก. กว่า 1,706 ไร่ ที่สถานีตำรวจภูธรจอมบึง จ.ราชบุรี



หลังจากเจ้าตัวแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช. ถือครองที่ดิน ในพื้นที่ ต.รางบัว 29 แปลง โดยระบุเอกสารสิทธิ์ เป็น ใบ ภ.บ.ท.5 (ใบภาษีบำรุงท้องที่) จนกลายเป็นประเด็น ถูกตรวจสอบ ทั้งทางอาญาและทางจริยธรรม



ซึ่งในส่วนของคดีอาญา ทาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) แจ้ง 4 ข้อกล่าวหา เมื่อ 2 พ.ย. 2563 คือ



1. ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนชาติ



2.ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เนื้อที่เกิน 25 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต



3.ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน



4. ความผิดตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิหรือไม่มีสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต



ขณะที่ คดีทาง จริยธรรม วันที่ 10 ก.พ. 2564 ป.ป.ช. มีมติว่า น.ส. ปารีณา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณี ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ



จากนั้น วันที่ 7 เม.ย. 2565 ศาลฎีกาพิพากษาว่า น.ส. ปารีณามีความผิดฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่ง สส. ทันที และ ถูกติดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต จบชีวิตทางการเมือง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/DUDmsasJX1I

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ