นายกฯ เผยรายชื่อ ครม.ครบ 100% เตรียมทูลเกล้าฯ สัปดาห์นี้ บอกประชาชนรอรับ "โครงการคนละครึ่ง" ได้เลย

นายกฯ อนุทิน เดินหน้าเตรียมความพร้อมเข้าปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ได้นำทีมว่าที่ ครม.เศรษฐกิจ ไปพบกับสภาอุตสาหกรรม บอกทูลเกล้าฯรายชื่อ ครม.ใหม่สัปดาห์นี้ จากนั้นจะเร่งแก้ปัญาเศรษฐกิจ ยืนยันยังไม่เปิดด่านไทยกัมพูชา



นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และว่าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง / นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ / นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม / นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ เพื่อร่วมหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ร่วมกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง



ทั้งนี้ ในช่วงที่เดินทางมาถึง นายกฯอนุทิน ได้แนะนำ นายสุชาติ และนายธนกร ให้กับนางศุภจี พร้อมกล่าวว่าให้ทำความรู้จักกันไว้เพราะนี่คือรัฐมนตรีของเรา



และเมื่อเข้าห้องประชุมแล้ว นายเกรียงไกร ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ได้มอบกระเช้าแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมอวยพรวันเกิดย้อนหลังให้ (วันเกิด 13 ก.ย.) และกล่าวต้อนรับ



จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการประชุมว่า ในวงหารือวันนี้เป็นพี่น้องกันทั้งนั้นรู้จักกันมานาน หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศต้องขับเคลื่อน ให้ปัญหาได้รับการแก้ไข และจะมีการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ แต่จะไม่ปล่อยเวลาให้เสียประโยชน์ จึงได้ประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจต้องไปคู่กัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงในมิติอื่นๆ เช่น หากเศรษฐกิจดีคุณภาพชีวิตก็จะดี สังคมก็จะมีความสงบสุข



และย้ำว่าสไตล์ของพวกตน คือ ต้องทำงานเร็ว นโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นมุ่งเน้น แก้ไขเศรษฐกิจระยะสั้น วางรากฐานเพื่อการต่อยอด ให้มีความมั่นคงต่อไปในระยะยาว ปัญหาเฉพาะหน้า ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา และระบุว่า การเปิดด่านจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้



อีกประเด็นสำคัญที่นายกฯอนุทินพูด คือ แม้รัฐบาลชุดนี้เข้ามา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะทำให้เห็นว่า เป็นตัวอย่าง ว่า ความเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาล สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้



"ที่ผ่านมาผมอยู่มา 6 ปี เห็นปัญหาเยอะแยะ ที่สำคัญ การหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เช่น พรรคนี้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม แต่นายกฯเป็นคนละพรรคกัน ก็ไม่สนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะกลัวคะแนนตกไปที่พรรคอื่น ขอเรียนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของผม เพราะถือคติ คนละพรรคแต่พวกเดียวกันสำคัญกว่า พรรคเดียวกันคนละพวก



...ผมอยู่ภาคเอกชนมาก่อน มีความเชื่อมั่น ถ้าเศรษฐกิจดี ประเด็นอื่นเป็นเรื่องเล็ก จะบอกว่าคนมีกินมีใช้ หรือมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้" ซึ่งเป็นประโยคของอดีตนายกฯแพทองธาร ทำให้ผู้ร่วมประชุมหัวเราะขึ้นมา

จากนั้น นายกฯ อนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ ย้ำเรื่องการทูลเกล้าฯรายชื่อคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ ยืนยันว่าตอนนี้ได้รายชื่อครบ 100% แล้ว และ นิ่งแล้ว บอกประชาชนรอรับ "โครงการคนละครึ่ง" ได้เลย



นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ100% แล้ว ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯภายในสัปดาห์นี้



และเมื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมา ก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที



โดยตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงนโยบายขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนได้รับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลได้พิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือ ตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้



นายกฯ อนุทิน ย้ำว่า ตอนนี้มีความพร้อมในการเข้าไปทำงานแล้ว รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังไมค์เตรียมพร้อมแล้ว เมื่อสามารถเข้าไปบริหารราชการแผ่นดินได้ จะดำเนินการทันที



ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนค่อนข้างคาดหวังกับโครงการคนละครึ่ง ทั้งนโยบาย 60 -40 และ 50 -50 จะสามารถเปิดกระเป๋ารอได้เลยหรือไม่ นายกฯ บอกรอได้ครับ รอได้ครับ



ทั้งนี้ นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงการมาหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่า มารับฟังสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ รวมถึงปัญหาและข้อกังวล รวมถึงศักยภาพของประเทศ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบอุตสาหกรรมของประเทศไทย การค้าที่มีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น รวมถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา และเรื่องของการทำให้ ความเข้มแข็งในกลุ่มประเทศอาเซียน และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง การขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมและย้ำว่า ช่วงนี้ยังคงไม่มีการดำเนินการเปิดด่านไทยกัมพูชาอย่างแน่นอน



ส่วนเรื่องค่าเงินบาทที่แข็ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเร่งแก้ไขเรื่องนี้ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย



ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่ามีการส่งออกทองคำไปกัมพูชามากผิดปกติ นายกฯ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายเอกนิติไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีอะไรผิดปกติก็จะดำเนินการ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/8n_tNgcQN1c