เลือกตั้งและการเมือง
"ฮุนเซน" โวยไทยตีข่าวปลดผบ.ทหาร แล้วแต่งตั้งตัวเองแทน ลั่นไม่จำเป็น ตนมีอำนาจเป็นรองแค่กษัตริย์
26 มิ.ย. 2568
161 views
ในวันนี้สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ลงพื้นที่ไปตามจุดต่างบริเวณชายแดนที่ติดกับไทย ทั้งที่จังหวัดอุดรมีชัย และพระวิหาร เพื่อให้กำลังใจทหารและประชาชนในพื้นที่
ในวันนี้หน้าเฟสบุ๊คของสมเด็จ ฮุน เซน เต็มไปด้วยภารกิจการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับบรรดาทหารในกองทัพที่ประจำตามแนวชายแดน สมเด็จฮุน เซน ซึ่งมาในชุดทหารเต็มยศ ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่จังหวัดอุดรมีชัยก่อน ทันทีที่เดินทางถึง ก็เข้าไปพูดคุยกับทหารและประชาชนในพื้นที่ จากนั้นก็ไปประชุมหารือกับผู้บังคับบัญชาของหน่วยที่ 2 และ 3 ที่เมืองสำโรง ในจังหวัดอุดรมีชัย ไปปลุกใจเหล่าทหารในกองทัพว่า อย่าได้กลัวการโจมตีจากศัตรูที่รุกรานเรา
นับเป็นการลงพื้นที่ชายแดนครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ทหารไทยกัมพูชายิงปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม
ในระหว่างหารือกับผู้บังคับบัญชาหน่วย 2 และ 3 สมเด็จฮุน เซนยังได้ประกาศยอมรับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดด้านการส่งกองกำลังบำรุงตามคำขอของผู้บัญชาการตามแนวชายแดนด้วย
ขณะที่โฆษกของรัฐสภายืนยันว่า ทหารกัมพูชาไม่ต้องกังวลเรื่องการสนับสนุนด้านการส่งกองกำลังบำรุง ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตย จากการบุกรุกของชาติใดก็ตาม
จากจังหวัดอุดรมีชัย สมเด็จฮุน เซนนั่งรถต่อไปยังจังหวัดพระวิหารท่ามกลางสายฝนที่โปรยรายลงมา ในโพสต์ระบุว่า ภารกิจที่อุดรมีชัยเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้กำลังเดินทางต่อไปยังจัวหวัดพระวิหาร ในโพสต์นี้ปิดท้ายด้วยข้อความว่า "ไม่ว่าสถานการณ์ใด สมเด็จ ฮุน เซนก็จะอยู่เคียงข้างกับกองทัพและประชาชนเสมอ"
ขณะที่กรณีการปิดจุดผ่านแดนของไทย ในวันนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวต่อกรณีนี้ โดยระบุว่าการปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว, ปิดอย่างกะทันหัน และขาดการประสานงานนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ทั้งหมด 6 ข้อด้วยกัน
1. ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการเดินทาง การปิดพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียวของไทย ทำให้บุคคลต่างๆ ทั้งแรงงาน, พ่อค้า, ผู้เดินทาง และครอบครัว ต้องติดค้าง ไม่สามารถข้ามพรมแดนด้วยเหตุผลอันชอบธรรมได้ การปิดพรมแดนนี้ได้ขัดขวางเสรีภาพในการเดินทาง ซึ่งเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองไว้ในตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ข้อ 13) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ข้อ 121)
2. ละเมิดสิทธิในการมีมาตรฐานการดำรงชีวิตอย่างเพียงพอ การปิดพรมแดนอย่างกะทันหันนี้ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างใหญ่หลวงต่อผู้ที่ต้องเดินทางข้ามพรมแดนเป็นประจำทุกวัน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการรายย่อยที่ข้ามพรมแดนเพื่อการดำรงชีพ พวกเขาจะสูญเสียแหล่งรายได้หลัก ซึ่งก่อให้เกิดความยากลำบากทางการเงิน, ความไม่มั่นคงทางอาหาร, ปัญหาด้านที่อยู่อาศัย และปัญหาสุขภาพจิต สิทธินี้ได้รับการรับรองโดยกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ข้อ 11)
3. ละเมิดสิทธิในการทำงาน การปิดพรมแดนของไทยได้ขัดขวางไม่ให้แรงงานที่เดินทางข้ามพรมแดนรายวันสามารถไปถึงที่ทำงานได้ การกระทำนี้เป็นการละเมิดสิทธิในการทำงาน ซึ่งระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ข้อ 23) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ข้อ 6)
4. ละเมิดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล แรงงาน, พ่อค้า และผู้เดินทางหลายพันคนที่มีเหตุผลอันชอบธรรมในการเดินทางต้องตกค้างและเกิดความสับสน เนื่องจากการปิดพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียวของไทยโดยไม่มีการแจ้งเตือนหรือประกาศล่วงหน้า สิทธินี้ได้รับการคุ้มครองโดยกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ข้อ 19)
5. ละเมิดสิทธิในสุขภาพและการศึกษา แม้ว่านักเรียนและผู้ป่วยจะยังได้รับอนุญาตให้ข้ามพรมแดนได้ แต่ก็ยังคงมีอุปสรรคและความยากลำบากในการเข้าถึงบริการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านเอกสาร สิทธิเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองโดยกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ข้อ 12, 13 และ 14)
6.การปิดด่านครั้งนี้ จะทำให้เกิดการค้ามนุษย์ ในแถลงการณ์ระบุว่า เมื่อช่องทางการข้ามแดนที่ถูกกฎหมายและปลอดภัยถูกปิด ประชาชน โดยเฉพาะแรงงานที่สิ้นหวัง จะถูกบีบให้ใช้เส้นทางการเข้าเมืองที่ไม่ปกติ ความสามารถที่จำกัดของเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองยิ่งเพิ่มความเสี่ยงสูงต่อการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์จากแรงงาน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้หญิง, เด็ก, ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/BMvO_02UdXo
แท็กที่เกี่ยวข้อง