เลือกตั้งและการเมือง

"ทูตประศาสน์" ยันประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ราบรื่นที่สุดแล้ว อัดกันเบาๆ พร้อมแจง 5 ขั้นตอน ปักปันเขตแดน

โดย panwilai_c

16 มิ.ย. 2568

48 views

กระทรวงการต่างประเทศ จัดแถลงผลการประชุม JBC เชิญ ท่านทูตประศาสน์ ประธาน JBC ฝ่ายไทย มาเล่าเบื้องหลังการหารือ เปิดใจว่า ครั้งนี้เป็นการหารือร่วมกันที่ราบรื่นที่สุด แต่ก็มีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่บ้าง เช่น การไม่ให้เอเรื่องข้อพิพาท 4 พื้นที่เข้าหารือในที่ประชุม มองว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก พร้อมยืนยันว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามที่กัมพูชาอ้างถึง



กระทรวงการต่างประเทศ จัดแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) โดยมี นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ร่วมแถลง



เริ่มจาก นายนิกรเดช ระบุว่า ประเทศไทยยึดมั่นใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาเขตแดนไทยและกัมพูชาด้วยความสุจริตใจ แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบสนองและเลือกเสนอพื้นที่ทั้ง 4 จุดไปสู่การพิจารณาของ ICJ ส่วนเรื่องมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการ รวมถึงคำขู่ล่าสุดที่จะปิดด่านและห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย หากไทยไม่เปิดด่านทั้งหมด นายนิกรเดช ย้ำว่าไทยปฏิบัติตามหลักสากลในการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีและจะไม่ยื่นคำขาดต่อกัน โดยไม่ได้มีการหารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน และมาตรการของไทยที่ผ่านมาเป็นการตอบโต้ในระดับรัฐบาล ไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชน



ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางกัมพูชาออกการแถลงข่าวเรื่องนี้ต่อเนื่อง จึงอยากทราบว่า เป็นไปได้หรือไม่ทีทางการไทยจะชี้แจงหรือแถลงตอบโต้ทันทีบ้าง นายนิกรเดช บอกว่า เมื่อสักครู่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไปหลังจากที่ฝั่งกัมพูชาโพสต์โซเชียลมีเดียไม่ถึง 20 นาที ก่อนย้ำว่า ประเทศไทยเราคิดคำนวณก่อนตอบไม่ได้ใช้อารมณ์ เราพยายามใช้วิจารณญาณและความมีสติในการตอบ ดังนั้นการตอบโต้ไม่ใช่ทางออกเสมอไป แต่ว่าการให้คำตอบที่คิดมาแล้วดีแล้ว และดูดีว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเชิงลึก ตนคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น กว่าเรื่องความเร็ว



ส่วนที่หลังประชุมเสร็จเมื่อวานไม่แถลงข่าวทันที เพราะ ต้องรอให้คณะเดินทางกลับมาก่อน เมื่อกลับมาแล้วจะเรียกสื่อมวลชนแถลงตอน 4 ทุ่มก็มองว่าไม่น่าจะเหมาะสม จึงออกแถลงเป็นเอกสารก่อน จากนั้นวันนี้จึงเชิญหัวหน้าที่ JBC ฝ่ายไทย มาแถลงข่าวให้ข้อมูล



ขณะที่ท่านทูตประศาสน์ ประธาน JBC ฝ่ายไทย เล่าว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 5 ที่ท่านทูตเข้าร่วมการประชุม ยืนยันว่า จากประสบการณ์ของท่าน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้ ท่านทูตประศาสน์ อธิบายว่า ขั้นตอนการทำงานของเจบีซีที่กำหนดไว้ในปี 2546 มีการทำงาน 5 ขั้นตอน



1.ตรวจหาหลักเขตแดน ที่ปักไว้ในอดีต จาก 74 หลัก ตอนนี้มีการเห็นชอบร่วมกันแล้ว 45 หลัก – เห็นต่าง 29 หลัก

2.ถ่ายภาพทางอากาศ เพื่อทำแผนที่

3.เดินสำรวจแนวเขตแดน

4.ส่งทีมทำงานปักหลักเขตแดน

5.ทำแผนที่ฉบับใหม่ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน



ซึ่งการประชุมเมื่อวานนี้ เห็นชอบกันว่าให้ใช้ไลดาร์ (โดรนติดกล้อง) บินสำรวจเขตแดนจากนี้ก็ต้องคุยว่าจะสำรวจอย่างไร



ผู้สื่อข่าวถามท่านทูตประศาสน์ ว่า ในที่ประชุมมีการพูดถึงแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตามที่กัมพูชาแถลงออกมาหรือไม่ ท่านทูตยืนยันว่า ไม่มีการพูดถึงแผนที่ดังกล่าวเลย ท่านทูตอธิบายว่า การจะบินสำรวจครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 1ต่อ 200,000 หรือ 1 ต่อ 50,000 เลย เพราะ สิ่งที่กำลังทำกันอยู่เป็นการจัดทำแผนที่ทางอากาศใหม่ ที่ทำร่วมกัน 2 ฝ่ายเพื่อให้เกิดการยอมรับ



ท่านทูต ยืนยันว่า ที่ประชุม JBC เป็นการพูดคุยกันเรื่องเทคนิค เรื่องชวนทะเลาะไม่ได้มีการพูดคุยกัน ท่านทูตบอกว่า เคยเจอมาหนักกว่านี้อีก การประชุมเมื่อวานจึงถือว่า ราบรื่นมาก อัดกันเบาๆ ในที่ประชุมอัดกันอยู่ 2 ชั่วโมง ซึ่งสำหรับตัวท่านทูต ระบุว่า ถือว่าเบามาก



ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณี 4 พื้นที่ข้อพิพาท ว่าสรุปได้มีการพูดคุยกันในการประชุม JBC หรือไม่ ท่านทูตประศาสน์ บอกว่า ท่านนายกฯฝั่งเขาลงโพสต์ก่อนวันประชุมเลยว่าห้ามพูดเรื่องนี้ในที่ประชุม ทำให้ตอนที่คุยกันในกลุ่มเล็ก ฝั่งกัมพูชา ยกขึ้นบอกว่าเค้าจะไม่พูด ท่านทูตประศาสน์เล่าว่า เขาได้พูดกับที่ประชุมวงเล็กว่า จะขอคุยเรื่องนี้ แต่จะไม่พูดถึงเรื่องที่กัมพูชาจะไปยื่นร้องศาลโลก จะขอพูดเฉพาะแนวทางในอดีตที่ที่ประชุมเคยคุยกันเรื่องการกำหนดมาตรการชั่วคราวร่วมกัน การกำหนดระยะห่างจุดที่ ปรากฏว่าเจรจากันว่าจะพูดนานเกือบชั่วโมง ในวงเล็ก แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่า พูดไม่ได้ เขาได้รับคำสั่งชัดเจนว่า พูดไม่ได้ เรื่องนี้จึงไม่ได้ระบุลงไปในรายงานการประชุมเลย



ท่านทูต บอกว่า ในเมื่อฝั่งนู้นเอาเรื่องในกลุ่มเล็กออกมาพูด ผมจึงขอเอาเรื่องในกลุ่มเล็กมาเล่าบ้างแล้วกัน และคิดว่าไม่ได้เสียหาย เราไม่ได้งี่เง่าไปถูกเขาหลอก จริงๆ อัดกันแรงพอสมควรแต่ก็ถือว่าน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา



ส่วนนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ระบุถึงกรณีที่ทางฝ่ายกัมพูชาจะนำข้อพิพาทขึ้นศาลโลก ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่า เนื้อหาเป็นอย่างไร



เพราะ ยังไม่เห็นรายละเอียดคำร้องของกัมพูชา ฟ้องร้องว่าอย่างไร และใช้ฐานอำนาจอะไรมาฟ้อง แต่ยืนยันว่า กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการเตรียมการรับมือไว้ และได้มีการศึกษาข้อมูลประเด็นทางกฎหมาย ทุกความเป็นไปได้ทางกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้น และมีที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นที่ปรึกษาให้กับเรา ด้วยหลักการในการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก ทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมรับอำนาจของศาลเสียก่อน ซึ่งในกรณีของไทยชัดเจนว่าเราไม่รับอำนาจของศาลตั้งแต่ปี 2503 เช่นเดียวกับอีก 118 ประเทศ ที่ไม่ได้รับอำนาจศาลโลก

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ