เลือกตั้งและการเมือง

"เอกนัฏ" โต้ทันควัน! ไม่เคยร่วมขบวนการล้ม "พีระพันธุ์" ท้า "สุชาติ" เปิดชื่อใครตามเก็บ "ชุดสุดซอย"

โดย panisa_p

11 มิ.ย. 2568

104 views

"เอกนัฏ" โต้ทันควัน! ไม่เคยร่วมขบวนการล้ม "พีระพันธุ์" ท้า "สุชาติ" เปิดชื่อ ใครตามเก็บ หลังชุดสุดซอย ยันโปร่งใส มีสื่อลงพื้นที่ทุกครั้ง ลั่นพรรคไม่แตก ไม่หวั่นซ้ำรอย พปชร.กับกล้าธรรม เหตุตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าเพื่อไทยไม่เอาด้วย นายกพูดชัดปัญหาภายในให้ใช้มติพรรคแก้ปัญหา


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงกรณีที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวหาว่า มีการเรียกเก็บตามหลัง ชุดสุดซอย ว่า ไม่เป็นความจริง เป็นข้อกล่าวหาที่หนักมาก อยากให้พูดชัดๆ บอกมาเลยว่าใครเป็นคนไปเก็บ ตนก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนไปเก็บ ใครเป็นผู้ตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นนายหน้า อำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มทุนธุรกิจสีเทา ในพื้นที่อีซีชี ขอให้ส่งข้อมูลหรือประกาศออกมา ไม่ว่าจะใหญ่มาจากไหนตนไม่ยอม พร้อมจัดการ



ยืนยันการทำงานของชุดสุดซอยทุกครั้งที่ไปมีการพาสื่ิอไปด้วยตลอด ทุกอย่างเปิดเผยไม่ใช่ไปแอบจับแบบลับๆ แล้วไปตบทรัพย์ พฤติกรรมแบบนี้ตนไม่เคยมี ไม่เคยทำ แต่บางทีบางคนเค้ามีนิสัยสันดานแบบนี้ก็คิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกัน พร้อมบอกมีกระบวนการลักลอบขนฝุ่นแดง ที่เอกสารกรมศุลกากรกับอุตสาหกรรมจังหวัด ไม่ตรงกัน ขณะนี้อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอยู่ ถ้ามีเจ้าหน้าที่ไปเก็บให้ส่งข้อมูลให้ตน



พร้อมกันนี้ นายเอกนัฎ บอกลักษณะการพูดของนายสุชาติเป็นการพูดคลุมเครือไม่ชัด ว่าใครไปเก็บ การกล่าวหาชุดสุดซอย ไปเก็บหรือชุดตามหลังไปเก็บ เป็นการพูดลอยๆ ซึ่งเรื่องนี้มีขบวนการลงขัน จะเอาตนออกจากตำแหน่ง เพราะไปกระทบผลประโยชน์ ถ้าทุบจากข้างนอกมันไม่สะเทือนก็ต้องแทงจากข้างใน

ต้องหาตัวคนในพรรค ที่พยายามยุแยงสร้างความแตกแยก หวังที่จะให้ตนออกไปแล้ว เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนทำแบบนี้เป็นการดิสเครดิตกัน

ที่ผ่านมาก็ชัดเจนในวงการรู้กันดีว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง สิ่งที่มันเกิดขึ้นในอีอีชี ทุนเถื่อนทุนเทา ทุนดำ ว่าเกิดขึ้นเพราะใคร ซึ่งตนไล่จับไม่เคยเว้น และประกาศในสภาไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับสูงเป็นนักการเมือง

หรือจะเป็นอดีตรัฐมนตรีหรือคนในพรรคเดียวกันจับหมด ซึ่งตนไม่ได้หมายถึงใครแต่เป็นการพูดกว้างกว้าง และเรื่องนี้ส.ส. ฝ่ายค้านเคยแฉมีภาพสติกเกอร์อยู่หน้ารถซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นภาพของใครไม่ใช่ภาพของตนแน่นอน



ส่วนปัญหาภายในพรรค เป็นเรื่องการเมืองตนเข้าใจได้ แต่การกล่าวหาพูดให้สังคมรู้สึกว่าชุดสุดซอยทำจริงหรือไม่เป็นการกล่าวหาที่รุนแรง หรือแม้จะตั้งใจพูดไม่ชัด แต่ให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้น



พร้อมยืนยันตนไม่เคยมาพูดอะไรก่อนหน้าที่จะมีการส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรี รวมถึงมีการลงขันซื้อสื่อโจมตี หรือเปิดโอกาสให้นักการเมืองที่จะล้มตน กระจายข่าว มีการเตรียมแสดงพลัง รวมถึงจะมีการแจกกล้วย เป็นข่าวลือที่เกิดขึ้นจริง



นายเอกนัฎ บอกด้วยว่า ปัญหาทั้งหมดนักการเมืองขาดความน่าเชื่อถือเพราะบางทีพูดความจริงพูดไม่หมดตนไม่รู้ว่าการเซ็นเอกสาร สส. ไปเซ็นเมื่อไหร่ เซ็นอย่างไร แต่เมื่อ สส . มาปฏิเสธว่าเขาไม่เคยเซ็นรับรอง ตามเนื้อความเอกสารให้ปรับ ครม. ไม่เคยเซ็นรับรองด้วยข้อความแบบนี้ ตนก็ต้องข้อสังเกต ถ้าสุชาติ รับรองลายเซ็นเป็นลายเซ็นจริง ได้อ่านใจความที่ปรากฎในหนังสือหรือไม่ ที่กล่าวหาว่ารัฐมนตรีไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่สุจริต เท่ากับเป็นการกล่าวหาตนเอง และอาจจะกระทบต่อคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของท่านด้วย



ขณะเดียวกันยอมรับว่าได้โทรศัพท์ไปหานายสุชาติ หลังมีภาพกลุ่มส.ส. ปรากฏในสื่อ โดยมีเนื้อหา คุยกันเพื่อย้ายพรรคเป็นสิ่งผิดปกติที่คนในฐานะเลขาพรรค ต้องโทรถามทุกคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนายสุชาติไม่รับโทรศัพท์ตนจึงได้โทรหาคนใกล้ชิดนายสุชาติ โดยไม่ได้พูดเรื่องจะล้มหัวหน้าพรรค เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว และนานสุขาติ รู้ดีว่าตนกับหัวหน้าพรรค พยามที่จะร่วมมือ เพื่อแก้ปัญหามาโดยตลอด สิ่งที่เขากล่าวหาไม่ใช่ความจริงแล้ว แล้วเค้าจะรู้ได้อย่างไรว่าตนจะพูดอะไร สำคัญที่สุดในการทำงานคือเรื่องศรัทธาของประชาชนไม่ใช่มาก่อความวุ่นวาย เรียกร้องผลประโยชน์หรือเล่นเกมการเมืองแบบนี้แล้วมาบอกว่าตนเป็นคนเริ่มก่อน



นายเอกนัฎ บอกด้วยว่า วันนี้นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูดชัดว่าจะไม่ยุ่ง เพราะเป็นเรื่องภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องเป็นไปตามมติพรรค ซึ่งกรรมการบริหารพรรค ก็ยินดีรับฟังความเห็นของส.ส.อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าไปรวมตัวกันตั้งแก๊งค์ แล้วล่ารายชื่อใครได้มากที่สุดเข้าวิน ระบบแบบนี้ทำการเมืองพังแน่นอน



ส่วนกลัวหรือไม่ว่าจะเป็นโมเดลแบบพรรคพลังประชารัฐกับพรรคกล้าธรรม นายเอกนัฎ บอก มันไม่เกิดขึ้นถ้าตบมือข้างเดียว ถ้าวันนี้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคหลัก เค้าไม่เล่นด้วยกับเรื่องแบบนี้ ซึ่งแต่ละพรรคแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยเองถ้าเค้าทำแบบนี้เค้าก็เดือดร้อนในมุมของผู้บริหารพรรคเพราะเป็นตัวแทนของสมาชิกทั้งประเทศต้องพยามทำให้พรรคเดินหน้าไปตามอุดมการณ์ ตามจุดยืนที่ประกาศไว้ไม่ใช่ว่าพวกมากลากไป ใครไปกินข้าวกัน ดูแล สส. ดี รวมตัวกันแล้วได้เป็นรัฐมนตรี จะพรรคไหนก็พังได้เหมือนกันหมด ซึ่งเขาพูดชัดว่าให้เป็นมติพรรคชัดเจน



อย่างไรก็ตามนายเอกนัฎ ยืนยันพรรคไม่แตกแน่นอน แต่จะสติแตกแทน

ยอมรับว่าเมื่อความวุ่นวายเกิดขึ้น ใจเราอย่าไปวุ่นวายกับมัน ต้องมีสติ ตราบใดที่ตนเป็นเลขาธิการพรรค ในใจตน มี สส 36 คน ไม่เคยแบ่งแยกใครอยู่ฝั่งไหน ว่า ฝั่งเฮ้ง ฝั่งขิง ฝั่งตุ๋ย ไม่ว่าใคร จะพยายามยุยงให้เกิดความแตกแยก คนที่มีรายชื่อในเอกสารรู้ดี ก็ยังคุยกันอยู่ ส่วนกับนายสุชาติ ตนก็อยากคุย เพื่อให้ยืนยันตรงไปตรงมาว่าจะสู้กันอย่างไรก็ต้องรักรักษากติกา ไม่อยากให้กล่าวหาใส่ร้ายใคร เช่นเดียวกับนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส. นครศรีธรรมราช ต้นก็คุยกันตลอดแต่ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่รับสายเข้าใจว่ายุ่งหรืออาจจะติดธุระ



ส่วนนายสุชาติ บอกขอให้ปล่อย สส . ที่ไม่อยากอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว นายเอกนัฎ บอก บ้านเมืองมีกฎหมาย มีกติกาของพรรค ถ้าอุดมการณ์ ไม่ตรงกับพรรค ก็มีสิทธิ์ลาออกจากสมาชิก หรือรอ ใกล้การเลือกตั้งก็สามารถที่จะไปสังกัดพรรคใหม่ ใหม่ แต่เงื่อนไขที่ประชาชนเลือกเรามา ไม่ใช่เฉพาะตัว สส .แต่ผูกติดกับ นโยบาย ความเชื่อมั่นของพรรค ต้องรักษามันไว้จนครบเทอมตามมารยาท ถึงเวลาเลือกตั้งใหม่ ก็ย้ายก็ไปเรื่องปกติจะอ้างติดกุญแจกุญแจล็อคโซ่เป็นไปไม่ได้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/vpbHBTXAmZ8

แท็กที่เกี่ยวข้อง  เอกนัฏ ,สุชาติชมกลิ่น

คุณอาจสนใจ

Related News