เลือกตั้งและการเมือง
อัยการสูงสุด เปิดไทม์ไลน์คดี ‘ทักษิณ’ ผิด ม.112 - พ.ร.บ.คอมฯ
โดย attayuth_b
6 ก.พ. 2567
127 views
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจง ‘ทักษิณ’ โดนคดี ม.112 ตำรวจอายัดตัวสอบคำให้การแล้ว รออัยการสูงสุดพิจารณาคำสั่ง ยันราชทัณฑ์ยังไม่มีคำสั่งพักโทษ
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด วันนี้ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าคดีของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องหาในคดี ม.112 โดยระบุว่า วันที่ 16 ก.พ.59 อัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชการอาญาจักร จาก ปอท. โดยระบุว่า นายทักษิณมีความผิดในข้อหาร่วมกันหมิ่น ดูหมิ่น แสดงอาฆาตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูง หรือมาตรา 112 และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.58 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้และไทยเกี่ยวพันกัน เนื่องจากความผิดนี้ผิดตามกฎหมายไทยแต่เกิดนอกราชอาณาจักร ทาง อสส. มีความเห็นสั่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 19 ก.ย.59 แต่ผู้ต้องหาหลบหนี อสส. จึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับ และศาลออกหมายจับมีอายุความ 15 ปี นับแต่วันเกิดเหตุ เท่ากับว่าจะหมดอายุความ 21 พ.ค.73 กระทั่ง 22 ส.ค.66 นายทักษิณ เดินทางกลับไทยแล้วเข้ามอบตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนอายัดตัว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
ต่อมาวันที่ 17 ม.ค.67 นายบุญธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนที่ดูแลคดีร่วมกับตำรวจ เข้าแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมพฤติการณ์ทางคดีให้นายทักษิณ ทราบแล้วที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ แต่นายทักษิณ ให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการในวันเดียวกัน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานกิจการอัยการสูงสุด เพื่อทำเรื่องพิจารณาถึง อสส.ให้พิจารณาและมีคำสั่งทางคดีต่อไป
ตามขั้นตอนการตรวจสอบสำนวนของพนักงานอัยการ ถ้าเป็นสำนวนที่สมบูรณ์ครบถ้วน ต้องมีคำให้การทั้ง 2 ฝ่าย และพยานหลักฐาน ถ้าสำนวนครบจะสามารถมีความเห็นสั่งคดีได้ แต่ถ้าสำนวนคดีไม่สมบูรณ์ เช่น ผู้ต้องหาหลบหนีจะไม่สามารถสั่งคดีได้ แต่จะมีความเห็นว่า "เห็นควรสั่งฟ้อง" จนกว่าจะได้พยานหลักฐานครบ ถึงจะมีการพิจารณาแล้วมีความเห็นอีกครั้ง
ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นได้ 3 แนวทางคือ สั่งสอบเพิ่มหากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ถ้าสำนวนสมบูรณ์และมีความเห็นว่าน่าจะมีความผิด ก็จะ "สั่งฟ้อง" และถ้าหากดูแลพยานหลักฐานที่รวบรวมมาดูแล้วไม่น่าจะเข้าความผิดจะความเห็น "สั่งไม่ฟ้อง"
ส่วนขั้นตอนการอายัดตัวนายทักษิณ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกอัยการสูงสุด ยืนยันทางกรมราชทัณฑ์ยังไม่มีคำสั่ง และตำรวจได้แจ้งอายัดตัวทักษิณไปแล้ว ซึ่งราชทัณฑ์รับทราบ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 หากมีการพักโทษกรมราชทัณฑ์ต้องแจ้งย้อนกลับมาที่ตำรวจ เพื่อที่ตำรวจจะไปรับตัวนายทักษิณ มาดำเนินคดี ว่าจะให้ประกันหรือไม่ประกัน หรือควบคุมตัวอย่างไร จากนั้นต้องแจ้งกลับมาที่อัยการว่ามีการควบคุมตัวนายทักษิณอย่างไร
ส่วนความกังวลว่า นายทักษิณ จะยื่นคำร้องเพื่อประวิงเวลาเหมือนคดีทายาทบริษัทเครื่องดื่มบำรุงกำลังจนคดีหมดอายุความหรือไม่ ทางอัยการสูงสุดได้แก้ไขเกณฑ์ใหม่เมื่อปี 2563 แล้ว หลังเกิดกรณีของทายาทเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ว่า หากจำเลยจะยื่นคำร้องต้องมายื่นด้วยตัวเอง จากเดิมที่ให้ใครมายื่นก็ได้ และหากเป็นประเด็นที่เคยสอบสวนแล้ว ไม่มีประเด็นใหม่ ก็ไม่จำเป็นต้องสอบสวนหรือพิจารณาใหม่ ให้ถือว่าเป็นการยื่นคำร้องเพื่อประวิงเวลาให้ล่าช้า พนักงานอัยการสามารถสั่งยุติคำร้องได้ทันที
หากนายทักษิณ ได้เข้าโครงการพิจารณาพักโทษของกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ อธิบายขั้นตอนว่า ทางกรมราชทัณฑ์ต้องแจ้งพนักงานสอบสวนล่วงหน้า 7 วัน ว่ามีประสงค์รับตัวนายทักษิณหรือไม่ ถ้าประสงค์ก็มารับตัวไป ถ้ามารับตัวก็เอาไปควบคุมหรือจะให้ประกันหรือไม่ แต่ถ้าพนักงานสอบสวนไม่รับตัวก็จะได้รับตัวกลับบ้าน หรือสถานที่ตามที่ราชทัณฑ์กำหนด และก็ไปรายงานตัวที่กรมคุมประพฤติตามกำหนด หากอัยการมีคำสั่งให้ไปรับตัวมาฟังคำสั่ง อัยการจะมีหนังสือไปถึงตำรวจให้ไปเอาตัวมารายงานตัวกับอัยการอีกที
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/C1pg4MB76YI