เลือกตั้งและการเมือง
'พิธา' จ่อยื่นอุทธรณ์คดีแฟลชม็อบ คาใจระยะชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน ถามระยะห่าง 150 ม.วัดจากตรงไหน
โดย chiwatthanai_t
5 ก.พ. 2567
68 views
ศาลสั่งจำคุก 4 เดือน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพวก รวม 8 คน คดีแฟลชม็อบ รออาญา 2 ปี ปรับ 20,200 บาท ยืนยันอุทธรณ์สู้คดีต่อ
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมอดีตผู้สมัคร สส.พรรคอนาคตใหม่อีก 2 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลแขวงปทุมวัน กรณีชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมแฟลชม็อบที่สกายวอล์กปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ คดีกู้ยืมเงินจากนายธนาธร 191 ล้านบาท
ทำให้ทั้งหมดตกเป็นจำเลยในข้อหา ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งจัดการชุมนุม ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยกีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานีรถไฟ ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะ ไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ ชุมนุมสาธารณะในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากพระราชวัง และร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในตอนที่มาถึงนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้มาให้กำลังใจด้วยและเปิดเผยก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า ทีมทนายรวมถึงกลุ่มจำเลยทั้งหมดมั่นใจในคำพิพากษาว่าชนะคดีนี้ เพราะเป็นการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นการชุมนุมโดยสันติ แต่หากผลคำพิพากษาเป็นลบ ก็ได้เตรียมแผนรองรับ เตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัวจำเลย และยื่นอุทธรณ์ได้ จึงไม่น่ากังวล และไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ไม่กระทบต่อการเมือง แต่จะกระทบต่อสิทธิการแสดงออกของประชาชนหลังจากนี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยประกาศเชิญชวนผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมผ่านเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ของกลุ่มจำเลยเองย่อมรู้อยู่แล้วว่า หากประกาศโพสต์เชิญชวนจะต้องมีประชาชนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก ดังนั้นจำเลยจึงเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ศาลเห็นว่าจำเลยไม่สามารถรับผิดชอบต่อการชุมนุมไม่ให้กีดขวางการสัญจรของประชาชนต่อระบบขนส่งสาธารณะ และการชุมนุมอยู่ในเขตพระราชฐานใกล้กับพระราชวังสระปทุมในระยะ 150 เมตร
พิพากษาจำคุก 4 เดือนปรับ 10,000 บาท เมื่อคำนึงถึงอายุประวัติสถานะทางสังคมความมีชื่อเสียง และมีผู้ติดตามจำนวนมากจำเลย ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และการชุมนุมเป็นการแสดงออกแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงเห็นควรให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
ส่วนกรณีที่จำเลยไม่แจ้งการชุมนุม และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปรับพินัย ศาลสั่งปรับ 10,000 บาท ร่วมกันโฆษณาหรือแสดงความคิดเห็นแก่ประชาชนโดยใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต 200 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับ 20,200 บาท
นายกฤษฎางค์ นุสจรัส ทนายความ กล่าวภายหลังศาลพิพากษาว่า จำเลยยังติดใจในประเด็นเรื่องของระยะ 150 เมตรของเขตมาตรฐานว่าวัดจากจุดไหน ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวมีการ เทียบเคียงกับคดีอื่น ที่มีการชุมนุมสถานที่เดียวกัน จุดเดียวกัน แต่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้มีคำพิพากษายกฟ้องนมใกล้เขตพระราชฐานในระยะ 150 เมตร
ส่วนประเด็นเรื่องของการไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ศาลแขวงจังหวัดเชียงรายเคยมีคำวินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องแจ้งพนักงานสอบสวน แต่หากโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็ถือว่าเจ้าหน้าที่รับรู้แล้ว ซึ่งคดีนี้ตำรวจรับรู้ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2562 แล้วว่ามีการชุมนุม เนื่องจากจำเลยมีการโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะทนายคิดว่าจำเลยควรที่จะอุทธรณ์คดี
ในเรื่องนี้นายพิธา บอกว่า จากการหารือกับจำเลยคนอื่นอาจจะต้องยื่นอุทธรณ์คดีเพราะมีประเด็น ข้อเท็จจริงเรื่องของระยะของการชุมนุม ใกล้เขตพระราชฐาน ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของ 150 เมตรว่าวัดจากจุดไหน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับคดีอื่นๆ พร้อมระบุว่าการที่ศาลตัดสินในลักษณะนี้ ไม่ทำให้พระก้าวไกลเสียเครดิตทางการเมือง เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในข้อเท็จจริง
ทางด้านนายปิยบุตร คดีนี้มีหลายประเด็นในการยื่นอุทธรณ์ต่อเพื่อให้ศาลสูงพิจารณา ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมของกฎหมายก็อยากจะฝากให้พรรคก้าวไกลไปพิจารณาแก้ไขในสภาต่อไป
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Vhkj7UVhQZs