เลือกตั้งและการเมือง
'สนธิ' ยื่นหนังสือจี้ ป.ป.ช.ตรวจสอบที่ดิน 'ชูวิทย์' เป็นที่ดินสาธารณะหรือไม่
โดย panisa_p
9 พ.ค. 2566
43 views
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่อนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ถ.นนทบุรี 1 อ.เมืองนนทบุรี ขอให้ตรวจสอบที่ดินของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ บริเวณถนนสุขุมวิทซอย 10 ว่ากลายเป็นที่ดินสาธารณะไปแล้วหรือไม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปช.ลงมารับเรื่องร้องทุกข์
นายสนธิ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลมาจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย และจากการตรวจสอบด้วยตัวเอง ทุกคนก็ให้เหตุผลว่า สวนชูวิทย์ กลายเป็นสาธรณะสมบัติ 100% ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณชูวิทย์พูด ซึ่งตนเองได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตคลองเตย ขอให้ชี้แจงถึงประเด็นข้อสงสัยนี้ และขอให้กรุงเทพมหานคร ประชุมตรวจสอบให้มีมติชัดเจน ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. โดยให้เวลา 30 วัน จนถึงวันนี้เลยกำหนดแล้ว แต่ผู้ว่าฯ กทม.ก็ยังไม่มีคำตอบให้ จึงต้องมาร้องต่อ ป.ป.ช. เรื่องนี้ถือเป็นกรณีแรก ที่ทำให้ตนและคุณปานเทพ มายื่นคำร้องกับ ปปช. ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน พร้อมฝากบอกถึงคุณศรีสุวรรณ จรรยา ไม่ต้องกลัวว่า ตนจะมาแย่งอาชีพ เพราะจะทำครั้งนี้เพียงครั้ง
ด้านนายปานเทพ เผยว่า หลักฐานที่ได้มาถือว่าแน่นหนา เริ่มจากคดีรื้อบาร์เบียร์บนที่ดินสวนชูวิทย์ ในปี 2546 พอปี 2548 นายชูวิทย์ได้เปิดสวนชูวิทย์ขึ้น โดยยืนยันว่า ที่ตรงนี้เป็นของตนเองและตระกูล แต่จะขอเสียสละที่ตรงนี้ให้เป็นสวนของ กทม. ต่อมาในปี 2549 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยกฟ้องจำเลยส่วนใหญ่ มีจำเลยถูกพิพากษาจำคุกเพียง 1 คน
กระทั่งปี 2555 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้นายชูวิทย์ และพวก 66 คน มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และใช้กําลังประทุษร้าย พิพากษาจำคุกคนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา พอถึงวันพิพากษาศาลฎีกา ในปี 2558 นายชูวิทย์ยื่นคำให้การเป็นแถลงใหม่ ว่าสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะ และจะไม่ทำกิจการใด ๆ อีก
โดยยืนยันว่าเป็นสวนสาธารณะแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา หลีงจากนั้นเดือนเดียวกันคุณชูวิทย์ยื่นเอกสารแถลงครั้งที่ 2 คราวนี้มีทั้งแผนที่ ภาพถ่ายว่าสวนสาธารณะผืนที่เรียกว่าสวนชูวิทย์เป็นสวนสาธารณะทั้งหมด หลังจากนั้นเสร็จในที่สุด วันที่ 28 ม.ค.2559 ศาลฎีกาก็ได้อ่านคำพิพากษา และก็ได้ลงวันที่ 29 ธ.ค.2559 ลดโทษคุณชูวิทย์ จาก 5 ปี เหลือ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา 1.เรื่องคำสารภาพไม่มีผล แต่ว่ามีการชดใช้เงินให้กับฝ่ายโจทย์และผู้เสียหายจนพอใจ แต่คุณชูวิทย์ได้นำที่ดินที่พิพาทมาก่อสร้างเป็นสวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนพักผ่อน ไม่ได้นำที่ดินพิพาทไปก่อสร้างศูนย์การค้าย้อนยุคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้เสียรายได้จำนวนมาก คุณชูวิทย์รู้ผิดที่ได้กระทำไป ศาลลดโทษจาก 5 ปี เหลือ 2 ปี ด้วยเหตุนี้
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/gxttIBIojWo