เลือกตั้งและการเมือง

‘ประวิตร’ เปิดอกคุย ลั่นเดินช้าแต่คิดเร็วทำงานเร็ว อุบวิธีก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่จะทำทันที

โดย chutikan_o

12 เม.ย. 2566

299 views

สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่องสามได้จัดรายการ “กรรมการข่าวเปิดอกคุย” โดย และมี  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรายการ





โดยผู้ดำเนินรายการได้ถามว่า การก้าวข้ามความขัดแย้งทำไมต้องเป็น พล.อ.ประวิตร  



พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การก้าวข้ามความขัดแย้งต้องช่วยกันทั้งประเทศ ต้องสามัคคีกันนำพาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป  สิ่งที่จำเป็นคือเราต้องรักษาความสามัคคีกันในชาติ ส่วนเรื่องการเมืองไปว่าในสภา คนไทยทุกคนต้องนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เรื่องการเมืองไปว่ากันในสภา



เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร เคยอธิบายเรื่องอนุรักษ์นิยมเดิม กับเสรีประชาธิปไตย ว่าอนุรักษ์นิยมจะไม่ไว้วางใจนักการเมือง แต่นักการเมืองเลือกตั้งก็ชนะ



พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนก็เลยเสนอตัวมาเนื่องจากอยู่มาทั้งสองฝั่ง  และไม่ใช่ให้โอกาสตนคนเดียว แต่ให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การเป็นคนไทยถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะพาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ส่วนเลือก ส.ส. ไปแล้วก็ไปว่ากันในสภา จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร ก็เป็นเรื่องในสภา อย่าเอามาเป็นเรื่องนอกสภา





เมื่อถามว่าตอนนี้มีสองขั้วจะทำอย่างไร  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นขั้ว เป็นเรื่องคนแต่ละคน เรื่องการเมืองใครคิดอย่างไรก็คิดได้ ตนไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร



อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่า อยากเป็นนายกฯหรือไม่  “ถ้าเลือกผมก็เป็น ถ้าประชาชน  ไม่เลือกผมก็ไม่เป็น ถ้าผมเข้ามาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ไม่ได้ว่าอยากเป็น แต่จะเข้ามาทำงานให้ประชาชน”



ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า  ถ้าเป็นนายกจะก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างไร  พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า เอาอย่างนี้ตนบอกไม่ได้หรอก แต่เข้ามาจะทำทันทีแล้วกัน



“ผมมีของผมแล้วกัน”



เมื่อถามต่อว่า ทำไมต้องเก็บเป็นควมลับ



พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ไม่สามารถบอกทุกคนให้รู้ได้ เราต้องปรึกษาหารือกันในพรรค เพราะทุกคนก็มีความเห็นเดียวกันคือก้าวข้ามความขัดแย้ง  



“ผมบอกได้แต่ยังไม่บอก  ให้ผมได้เป็นก่อน  ก็ลองเลือกผมดูแล้วกันว่าผมจะทำอย่างไร”






เมื่อถามว่าจะมีการรัฐประหารหรือไม่  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ถ้าเป็นผม คงไม่มีใครรัฐประหาร”



ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่าจะไปบอกอีกฝั่งอย่างไร เพราะตัวเองก็ถูกมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งเป็น “สาม ป.” พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผมเป็นตัวขัดแย้งยังไง ผมยังไม่ขัดแย้งกับใคร “สาม ป.” เป็นเรื่องรู้จักกันมาแต่เด็ก “สาม ป.” ใครตั้งยังไม่รู้เลย  คือทั้งสามคนเป็นน้องของตน ตนก็ดูแลเขามาแต่เด็ก อยู่ร่วมกัน ทำอาหารให้กินบ้างทำงานร่วมกันมาอยู่ด้วยกันในกองทัพอย่างมีความสุข



เมื่อถามว่าที่ผ่านมาเคยบอกว่าตัดกันไม่ขาด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ความเป็นพี่น้องต้องตัดไม่ขาด ตนจะไปโกรธอะไรใคร




ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่าสมัยเป็นทหาร เรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ว่าอย่างไร



“เรียกไอ้ป๊อก ไอ้ตู่   ทุกวันนี้เรียกท่านนายกฯ  เวลาอยู่คนเดียวสองคนก็เรียกไอ้ตู่” พล.อ.ประวิตรกล่าว  




เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีคนในพรรคไม่ถูกกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคการเมืองก็มีความที่ไม่นั่นกัน แต่เรื่องเกลียดกันไม่มี  และสาม ป. ทางการเมืองไม่มีเลย



ผู้ดำเนินรายการถามว่า  วันนี้ก็อายุ 78 ปีแล้วทำไมถึงทำเอง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนอยู่ภายใต้สมาชิกพรรค เขาเห็นชอบให้ผมเป็นหัวหน้าพรรค ทุกอย่างนโยบายออกมาก็โดยการประชุม



“ผมใช้วิชาตัวเบา ผมเดินช้าแต่คิดเร็วทำงานเร็ว และหนักแน่น ตัวเบาไม่ใช่น้ำหนัก ผมไม่มีครอบครัว ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว” พล.อ.ประวิตรกล่าว



ผู้ดำเนินรายการได้ถามถึงเรื่องสุขภาพ ว่าไหวหรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า  หมอเขาตรวจแล้ว ผมฟิตเปรี๊ยะเลย เอาปี๊บมาเตะได้เลย



ทำให้ผู้ดำเนินรายการถามว่า เอาใบรับรองแพทย์ไหม ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็สวนทันควันว่า “เอาหมอมาเลยดีกว่า” พร้อมกล่าวต่อว่า คนที่เป็นใหญ่เป็นโตบางคนนั่งรถเข็นก็มี  ผมอยู่ได้อีกสี่ปีสบายๆ





เมื่อถามว่า นโยบายเพิ่มเบี้ยคนชราเป็นสามพัน สี่พัน และห้าพันบาท ทำไมไม่ทำตั้งแต่เป็นรัฐบาล  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ผมไม่ได้เป็นนายกฯ เราดูแล้วว่าเราพอมีเงิน แต่เราไม่ได้ให้ทั่วไป คนที่มีบำนาญไม่ได้ ให้แต่ชาวนาชาวไร่  คนที่ไม่ได้บำนาญจะจ่ายให้  เข้ามาจะให้เลย   “ถ้าผมเป็นนายกฯ ใครจะขัดได้ แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ ผมก็ผลักดันไม่ได้”



นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า บัตรประชารัฐ เป็นแนวคิดของพรรคพลังประชารัฐที่เสนอมาตั้งแต่ปี  2562  แต่ลุงตู่เขามาทำต่อ  ไม่ใช่ของใครก็ของพรรคพลังประชารัฐ  



เมื่อถามอีกว่าหากเป็นนายกฯ จะโดนด่าอย่างมาก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนจะไปห้ามใครที่จะด่าผมได้ไหม  ที่ด่าตนในสภาชั่วโมงนึง ก็บอกว่าที่ด่าผมไม่ใช่ความจริงทั้งหมด



เมื่อถามถึงการที่เคยบอกว่าไม่ใช่คนที่ปฏิวัติ และนายกรัฐมนตรีเป็นคนทำเอง  พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ท่านนายกฯทำเอง วันปฏิวัติวันไหน ตนยังไม่รู้เลย  ซึ่งหลังจากที่ปฏิวัติ นายกฯก็ตั้งตนเองเป็นที่ปรึกษา  เอานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์มาช่วยเอาใครมาช่วย



“ผมอยู่กับนายกฯ ตั้งแต่ ร้อยตรี ช่วยเหลือจุนเจือกันมาตลอดไม่ได้โกรธกันเลย เพียงแต่เราไม่คุยเรื่องพรรคการเมืองกัน เรื่องที่ปฏฺิวัติก็ไม่รู้ ผมก็ถามแต่แรก เขาก็บอกว่าไม่คิดหรอกพี่  เขาไม่ได้บอก” พล.อ.ประวิตรกล่าว





เมื่อถามว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และพรรค ก้าวไกล



โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาพูดกับผมว่าเป็นอย่างนี้ หากนโยบายไม่ตรงกันเราก็ไม่ร่วมกัน หากเราตกลงกันไม่ได้ เช่นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ



นอกจากนี้ยังได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับมาตรา  112 ว่า  ไม่แก้แน่นอน แตะไม่ได้ ถ้าใครแตะก็ไม่ร่วม



พล.อ.ประวิตรยัง ปฏิเสธว่าไม่เคยดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยคุย ไม่เคยเจอกันเลย  ที่บอกไปยืนขอตำแหน่ง ตนจะไปยืนค้ำโต๊ะนายกฯได้ไง ไม่มีพูดไปเรื่อย  



ส่วนเรื่องร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หากนโยบายตรงกัน ผมร่วมได้ทั้งนั้น

คุณอาจสนใจ

Related News