เลือกตั้งและการเมือง
"อภิสิทธิ์" ชูวิสัยทัศน์ "ทำอย่างไรไทยหายจน" เปิด 27 นโยบาย ลั่นพูดแล้วต้องทำเป็น
4 ชั่วโมงที่แล้ว
11 views
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้านเศรษฐกิจ และ ดร.การดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล แถลงข่าวเปิดวิสัยทัศน์ พันธกิจและนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ “ทำอย่างไรไทยหายจน”
เริ่มต้นด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ช่วง 15 ปีที่ผ่านมา การทุจริตของไทย อยู่ลำดับที่ 78 เทียบกับกว่า 180 ประเทศ แต่ปัจจุบันไทย พบว่าการทุจริตของไทย อยู่ลำดับที่ 107 ถือว่าแย่กว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่างอินโดนีเซีย และเวียดนาม ทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนได้
ส่วนในภาคธุรกิจนั้น การจะเติบโตขึ้นได้ จะต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ช่วง 15 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในไทยทรุดลงเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศ
สุดท้ายคือบทบาทของประเทศในเวทีโลก ในอดีตเรามีบทบาทในอาเซียนอย่างมาก แต่ปัจจุบันบทบาทของไทยเรามีบทบาทในทุกด้านน้อยมาก ดังนั้นเราต้องกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน
ดร.การดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ระบุว่า ในอดีตเราเคยมีความหวังกับประเทศไทย อยากให้ลูกหลานมีอนาคตที่ดี แต่ปัจจุบัน เราอยู่ในภาวะวิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้งภาวะสังคมผู้สูงอายุและเด็กเกิดน้อยลง ดังนั้นในปัจจุบันเราต้องการผู้นำที่มีความเข้าใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน
วิกฤติโลกเดือด การเกิดภัยพิบัติช้ำแล้วช้ำเล่า อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นวันนี้เราต้องเข้าใจเชิงวิทยาศาสตร์ เข้าใจข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาและป้องกันได้ตรงจุด และวิกฤติโลกแยกขั้ว ไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทย เพราะปัจจุบันการดำเนินไปของโลกปัจจุบัน มีการแข่งขันสูง อย่างเช่น การการขึ้นภาษีทางการค้า ผู้นำประเทศ ต้องเข้าใจเรื่องนี้ เพราะต้องใช้ดิจิทัลและเทคโนโลยี ต้องนำข้อมูลมาใช้ในการทำงาน เรื่องของ เทคโนโลยี ที่มี AI เข้ามาช่วยในการทำงาน ดังนั้นต้องมีการเตรียมพร้อมทักษะของประเทศ และเตรียมความพร้อมของคนทุกวัยในโลกดิจิทัล
ด้าน นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าเป้าหมาย 4 เป้าหมาย ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ได้แก่ บ้านเมืองสุจริต เน้นว่าความทุจริตคือต้นทุนสำคัญที่ทำลายเศรษฐกิจและสังคม โดยเสนอให้ใช้ เทคโนโลยี AI และการเปิดเผยข้อมูลเช่น ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง เพื่อให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ
ด้านเศรษฐกิจมีการตั้งเป้าหมายผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างน้อยร้อยละ 5 ภายใน 4 ปี จากปัจจุบันที่เติบโตเพียงร้อยละ 2-3 หากทำสำเร็จจะช่วยเพิ่มรายได้ประเทศปีละ 6 แสนล้านบาท ซึ่งหมายถึงเงินในกระเป๋าประชาชนที่เพิ่มขึ้นเกือบหมื่นบาทต่อคน และรัฐจะมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นเกือบแสนล้านบาทเพื่อนำมาสวัสดิการ
ส่วนด้านความยุติธรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเร่งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งเป็นชนวนของความขัดแย้งและอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสุดท้ายคือเป็นผู้นำในภูมิภาค โดยผลักดันให้ไทยกลับมามีบทบาทนำในอาเซียนอีกครั้ง เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับมหาอำนาจ รวมถึงร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านจัดการปัญหาข้ามพรมแดน เช่น สแกมเมอร์ และยาเสพติด
นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่น ๆ เช่น การปฏิรูปพลังงานโดยเปิดให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้วขายไฟคืนให้รัฐได้ รวมถึงการปรับระบบซื้อขายไฟฟ้าให้โปร่งใสเพื่อลดค่าครองชีพ ยกเลิกกฎระเบียบที่ยุ่งยากซับซ้อนปฏิรูปกฎหมาย มีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จภายในระยะเวลา 4 ปี เช่น ดัชนีความโปร่งใส การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้ไทยกลับมาอยู่ในระดับที่ดีขึ้น
นายอภิสิทธิ์ ระบุต่อว่า เป้าหมายและวิธีคิดทั้งหมดนี้คือคำตอบที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสภาพเดิม ด้วยนโยบายสำคัญ 27 เรื่อง ทั้งช่วยประชาชนหายจนเรื่องรายได้ หายจนเรื่องคุณภาพชีวิต หายจนเรื่องปัญญาด้วยการปฏิรูปการศึกษา หายจนตรอก มีการบริหารจัดการที่ดี พร้อมระบุว่า พูดแล้วทำไม่พอต้องคิดก่อนพูด และพูดแล้วต้องทำเป็นด้วย
เช่นเดียวกับ นายกรณ์ สรุปช่วงท้าย พรคคประชาธิปัตย์จะส่งเสริมการเรียนฟรี ภายใต้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเรียนฟรีจริงๆ และเด็กสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่อยากเรียนได้ เรียกว่าบุฟเฟ่การศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาภาษาอังกฤษ ด้วยการส่งเสริมให้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาล ด้วยครูที่เป็นเจ้าของภาษา รวมถึงการลดหนี้ กยศ. ที่จะทำให้เด็กไทยมีความก้าวหน้าในโลกที่เปลี่ยนแปลงได้
เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน โดยเฉพาะเกษตร สามารถออกแบบการเกษตรได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยี ที่สามารถคำนวณต้นทุนและกำไรได้
นายอภิสิทธิ์ สรุปว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เลือกนโยบายที่สำคัญๆ มาทั้งหมด 27 เรื่อง ที่ประชาชนสามารถไปหาข้อมูลได้ในช่วงปีใหม่นี้ได้ เพราะไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายกรณ์ และ ดร.การดี อวยพรปีใหม่ทิ้งท้าย สั้น ๆ ว่า 2569 ปีใหม่ขอให้ไทยหายจน
ดร.การดี สรุปย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ออกแบบนโยบาย เพื่อทุกคนทุกวัยที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนโต
แท็กที่เกี่ยวข้อง อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ,พรรคประชาธิปัตย์ ,เลือกตั้ง69