เลือกตั้งและการเมือง

“กัณวีร์” ลั่นถึง “อนุทิน” อย่ากลับมาเป็นนายกฯ บริหารประเทศอีกเลย ลั่น ตกใจหลังได้ฟัง “สีหศักดิ์”

3 ชั่วโมงที่แล้ว

106 views

“กัณวีร์” หัวหน้าพรรคพลวัต เผย เห็นนโยบายต่างประเทศพรรคภูมิใจไทยแล้ว ขอไหว้เถอะ! “อนุทิน” อย่ากลับมาเป็นนายกฯ อย่ากลับมาบริหารประเทศอีกเลย ย้ำ เลิกยึดเหนี่ยวการทูตแบบเงียบๆ ยกความผิดพลาด MOU แรร์เอริ์ธ ลั่น ได้ฟัง “สีหศักดิ์” พูดถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วยิ่งตกใจ

วันที่ 26 ธ.ค.68 นายกัณวีร์ สืบแสง หัวหน้าพรรคพลวัต กล่าวถึงการเปิดตัวนโยบายของพรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า ฟังนายอนุทินอ้อนประชาชนว่าขอกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบเพื่อเอาเงิน 2,400 บาท ที่ติดคนไทยไว้ในช่วงตัวเองเป็นนายกฯ



"ผมเลยตั้งคำถามเร็วๆ ว่า แสดงคุณอนุทินฯ ติดเงินคนไทยจริงเหรอ เลยใช้นโยบายหาเสียงให้ถูกเลือกกลับมา แล้วจะคืนเงินให้ แต่ถ้ากลับมาไม่ได้ ใครจะคืน แล้วถ้าไม่คืน เงินมันไปไหน อยู่กับใคร ทั้งเอาเงินเป็นตัวประกันการกลับมาของตัวเอง แบบโจ่งแจ้ง และให้คนเลือกตัวเองกลับมา เพราะเงินที่ติดคนไว้ ฟังแล้วงงจริงๆ"

นายกัณวีร์ ระบุว่า เรื่องนี้ว่าแย่แล้ว แต่พอฟัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หากกลับมาได้ ขึ้นมาพูดเรื่องแนวทางทางการทูตไทย ที่ “ไทยต้องเป็นไทในเวทีระหว่างประเทศ” ฟังแล้วยิ่งทำให้เห็นถึงการทูตที่หนีไม่พ้นความอนุรักษ์นิยม ที่นายสีหศักดิ์ ได้ยัดมันเข้าไปในกระดูกดำทางการต่างประเทศผ่านนโยบายของพรรคภูมิใจไทย

“ความหมายของนโยบายนี้ ตามคุณสีหศักดิ์ฯ นะครับ คือ การยกระดับการต่างประเทศของไทยให้มีความเป็นอิสระ มีบทบาทเชิงรุก และสามารถสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศชาติได้อย่างแท้จริงในบริบทของโลกที่มีการแข่งขันสูง”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ความเป็นจริง มันคือภาพสะท้อนของการยึดเหนี่ยวจุดยืนทางการทูตแบบเงียบๆ ไม่เข้าข้างใคร แบบอนุรักษ์นิยมจ๋า ไม่กล้าฟันธงว่าไทยต้องการอะไรมากที่สุด ค่อยดูก่อนว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน และ people’ interests หรือความสนใจของพี่น้องคนไทยเป็นสิ่งมาที่หลังจากการ “คิดและตกผลึก” ของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แล้วอ้างว่า “เป็นความต้องการของพี่น้องคนไทยจริง

“ผมไม่เคยเห็นนะครับว่ารัฐบาลชุด (รักษาการ) นี้ ไปนั่งฟังชาวบ้านว่าต้องการอะไรก่อน ส่วนใหญ่เห็นพูดก่อนแล้วบอกว่าเป็นความต้องการของชาวบ้าน อาทิ ผู้อพยพใน 20 อำเภอ ของ 7 จังหวัด จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา”

นายกัณวีร์ ระบุว่า ปัจจุบัน ไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์โลกที่ผันผวน และยากที่ไทยจะสามารควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาด และหากไทยไม่กล้าบอกแนวทางอย่างชัดเจนว่า เราต้องการสิ่งนี้ ไม่เอาสิ่งนั้น สรุปสุดท้ายไทยก็ต้องกลับไปยืนจุดยืนเดิม คือ “วิ่งตามสถานการณ์” และ “ไม่กล้าตัดสินใจ” เหมือนเดิม

“ยกตัวอย่างเช่น MOU กับสหรัฐฯ เพื่อสำรวจและศึกษาแร่แรเอิร์ธในไทย ทำให้เกิดข้อกังขาจากสังคมว่า ทำไมถึงต้องรีบลงนาม โดยที่ไม่ได้ศึกษาและฟังความทุกข้าง โดยเฉพาะภาคประชาสังคมและผู้คนที่ได้รับผลกระทบต่อการทำเหมืองแร่แรเอิร์ธในเมียนมา ที่บริษัทของจีนเข้าไปหากำไรแต่กลับทิ้งสารพิษลงแม่น้ำ แล้วมันไหลผ่านแม่น้ำเข้ามาไทยผ่าน แม่น้ำกก-รวก-สาย จนถึงแม่น้ำโขง ทำให้พี่น้องทั้งชาวเมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนามได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และทำให้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ต่อต้านการขุดแร่แรเอิร์ธในเมียนมา แต่รัฐบาลคุณอนุทินฯ กลับเซนต์ MOU ศึกษาเพื่อพัฒนาการหาแรเอิร์ธในไทยเพิ่มเติมอีก ซึ่งเราต้องศึกษาฝั่งเราให้ดี ไม่ให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมเหมือนในเมียนมา”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ไม่ใช่ตนจะต่อต้านการหาแร่แรเอิร์ธ เพราะมีเม็ดเงินมหาศาล แต่รัฐบาลไทยไม่ดูถึงจุดภูมิรัฐศาสตร์ว่าสหรัฐฯ กำลังใช้ไทยเผชิญหน้ากับจีน เพราะจีนได้สัมปทานในเมียนมา สหรัฐฯ เลยใช้ไทยต่อสู้กันแบบเผชิญหน้า หากไทยต้องการแร่แรเอิร์ธจริงๆ แก้ไขเรื่องมลพิษข้ามแดนเสียก่อน ให้เหมืองในเมียนมาปราศจากสารพิษให้ได้ เพราะไทยเราก็นำเข้าแรเอิร์ธจากเมียนมาเป็นลำดับต้นๆ แถมส่งออกแร่แรเอิร์ธที่นำเข้าจากเมียนมาให้ทั่วโลกอีกต่างหาก

"วางแผนให้ดีครับ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันอย่างชาญฉลาด รักษามลภาวะร่วมกันในภูมิภาคเรานี้ให้ดีขึ้นก่อนจะสร้างโครงการที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมใหม่ๆ และอย่าถูกจูงจมูกจากมหาอำนาจพวกบ้าคลั่งการเผชิญหน้าโดยใช้สงครามตัวตายตัวแทนในประเทศคนอื่นๆ เสียที และทำไมมองไม่ออก เพราะนโยบายของพวกท่านวางแผนผิดจุด ทั้งๆ ที่ท่านพูดว่า “การต่างประเทศที่เข้มแแข็งจะพาเราฝ่าวิกฤต” ถูกครับ แต่จุดยืนของพวกท่านจะพาเราลงเหว และผิดทางตามที่ท่านได้ทำมาแล้วให้เห็นจาก MOU แรเอิร์ธกับสหรัฐฯ"

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า ตนได้ฟัง นายสีหศักดิ์ แล้วแอบตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการบอกว่า ผู้นำที่เข้มแข็งสามารถนำประเทศฝ่าวิกฤตได้ ซึ่งท่านก็เป็นนักการทูต น่าจะรู้ว่าแท้จริงผู้นำที่ชาญฉลาดต่างหากที่จะพาประเทศผ่านวิกฤตที่โลกมาล้อมไทยได้ต่างหาก จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา การที่มี “ผู้นำที่เข้มแข็ง” อย่างพวกท่าน ท่านเลยบอกว่า ต้องให้กัมพูชามีความจริงใจและความพร้อมถึงจะแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชาได้ ซึ่งเราต่างหากที่ต้อง “ฉลาดและสามารถหาศิลปะการสร้างสันติภาพให้ได้

"หากต้องรอให้เค้าพร้อม แล้วเมื่อไหร่จะเริ่มได้ การต่างประเทศที่ทันต่อโลก การต่างประเทศที่มุ่งสู่ประชาชน ท่านต้องหยุดการเป็นอนุรักษ์งานการต่างประเทศ แล้วท่านจะมองเห็นว่าต้องเป็นอย่างไร ยิ่งตอนท่านสีหศักดิ์ฯ จะกล่าวปิดยิ่งงงใหญ่ “การทูตเศรษฐกิจ” ท่านบอกว่า เพราะต้องกลับมาดูภายในประเทศ “foreign policy begins at home” ท่านย้ำว่า การทูตต้องตอบโจทย์สถานการณ์ภายในประเทศ อาทิ เศรษฐกิจ เศรษฐกิจต้องมีเป้าหมาย ต้องเข้าหา เข้าถึง ภาคเอกชน การทูตเศรษฐกิจ จะเป็นของภูมิใจไทย"

นายกัณวีร์ ย้ำว่า สุดท้ายท่านจะสะดุดขาตัวเอง เพราะต้องกลับมาดูภายใน แต่กลับมาหมกมุ่นอยู่กับตัวเองจนมากเกินไป การทูตศตวรรษที่ 21 คือ double-edged diplomacy ที่ต้องดูทั้งภายในและภายนอกว่ามีความคาดหวังอะไรจากไทยด้วย ซึ่งยากที่สุดถ้าตีโจทย์ไม่แตก

"เพราะฉะนั้นไหว้นะครับ อย่ากลับมาเป็นนายกฯ อีกเลย ไม่งั้นท่านพา รมว.การต่างประเทศคนนี้กลับมาอีก ประเทศบรรลัยตายครับ" นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ

คุณอาจสนใจ

Related News