เลือกตั้งและการเมือง

"ช่อ พรรณิการ์" ฟ้องเพจดัง-คนแชร์เฟกนิวส์ ปมเรียกร้องทหารกางแผนการรบไทย-กัมพูชา

3 ชั่วโมงที่แล้ว

73 views

นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางมายัง สน.ทองหล่อ นำหลักฐานข้อความในเฟซบุ๊ก เพื่อมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอมในโลกออนไลน์ ที่ว่า "จะรบกันไปถึงเมื่อไหร่ ทหารต้องกางแผนที่ออกมาและเปิดเผยแผนการรบให้ประชาชนประชาชนทราบ ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2568" ในข้อหา หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการที่มาแจ้งความเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ปกป้องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยจะฟ้อง 4 แอคเคาท์ และบุคคลที่แชร์ต่อ

โดย นางสาวพรรณิการ์ ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยพูดข้อความ ในวันและเวลาดังกล่าว เพราะวันที่ 17 ธันวาคม 2568 เพราะวันดังกล่าวตนเองไม่ได้ไปออกรายการไหน ตนเองนั่งทำงานตลอดทั้งวัน และไม่ได้สัมภาษณ์กับใครเลย ฉะนั้นข้อความนี้เป็นข้อมูลเท็จ และเป็นข่าวปลอม ที่จงใจให้เกิดความเสียหาย เพราะมีคนนำไปแชร์ต่ออีกหลายคน ซึ่งบุคคลที่แชร์ต่อมีทั้ง นักการเมืองที่มีตำแหน่งเป็นอดีตโฆษกพรรค / แอคเคาท์ IO ทหาร / และอดีตนักดนตรี ที่มีการนำไปแชร์ต่อและลงแคปชันที่บิดเบือน ด่าทอตนเอง ที่ว่าขายชาติ

นอกจากนี้ ยังมีการนำคลิปจากรายการที่ตนเองไปออกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งวันนั้น ตนเองวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนายอนุทิน และตอนนั้นสถานการณ์ชายแดนยังไม่มีการรบระลอกใหม่ และยังไม่มีการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ซึ่งคำพูดที่ถูกนำมาบิดเบือนนั้น คือช่วงที่ว่าต้องการให้ “รัฐบาลอนุทินกางแผนปราบสแกมเมอร์ และที่บอกว่า จะรบให้จบนั้น จบอย่างไร แต่ไม่ต้องบอกรายละเอียดแผนที่การรบ ไม่อยากทราบ เพราะถ้าต้องบอกละเอียดจะทำให้คู่กรณีทราบ” ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกนำไปตัดต่อบิดเบือนคำพูดที่ตนเองพูดทันทีว่า ไม่อยากทราบ แต่ก็ถูกตัดต่อออกไป

นางสาวพรรณิการ์ ขอให้ประชาชนไตร่ตรองว่าทำไมพรรคประชาชน ถึงจับคู่ให้เป็นอยู่ฝั่งฮุนเซน ทำไมถึงใส่ร้ายให้เป็นคนพวกขายชาติ ให้ไทยเสียเปรียบ อยากจะขอให้ประชาชนมองย้อนกลับไป ตั้งแต่พรรคก้าวไกล ที่ฮุนเซนกลัวว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้ง จึงปล่อยเฟกนิวส์ว่า พิธาจะผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกประเทศ ตนเองมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศไทยในปี 2566 ซึ่งเรื่องนั้นก็จบไปเพราะว่าพรรคก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ตนเองอยากจะสื่อว่า พรรคประชาชน เป็นคนที่ออกมาเปิดโปงเรื่อง เบน สมิธ และการที่เปิดโปงภาพถ่ายกับนักการเมืองต่างๆแทบจะหมดประเทศที่ถ่ายรูปคู่กับฮุนเซน แต่ทำไมคนที่ออกมากลับถูกกระบวนการใส่ร้ายป้ายสีสร้างเฟกนิวส์ ตนเองจะขอความเป็นธรรมและขอให้พี่น้องประชาชนไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับ เพราะในระยะเวลาที่ใกล้สู่การเลือกตั้ง จะมีเฟกนิวส์ หรือ ขบวนการ IO ออกมาเรื่อยๆ รวมถึงขอฝากไปถึง กกต. ให้เข้ามาจัดการเรื่องเฟกนิวส์ข้อมูลเท็จให้เหมือนกับการซื้อเสียง กกต.ควรจับการซื้อเสียง

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงทหารแนวหน้าหรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ บอกว่า ขอพูดตรง ๆ จากใจว่า ในขณะที่พี่น้องทหารแนวหน้าต้องเผชิญความเสี่ยง เหยียบกับระเบิดแทบทุกวัน ต้องเสียสละชีวิตและรอคอยอยู่ที่บ้าน มีทหารจำนวนไม่น้อยที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสู้รบที่ผ่านมา แต่กลับยังมี “IOทหาร” บางกลุ่มที่กระทำการเช่นนี้ ตนอยากถามว่า ได้คำนึงถึงพี่น้องทหารแนวหน้าที่พลีชีพไปหรือไม่ และสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น คือหน้าที่ของทหารจริงหรือไม่  หน้าที่ของทหารที่แท้จริงซึ่งพี่น้องประชาชนทั้งประเทศชื่นชม คือการเสียสละ ปกป้องประเทศชาติ ต้องจากครอบครัว ลูก เมีย และบ้านเรือน ไม่ใช่การปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังให้กับพรรคการเมือง ซึ่งไม่ใช่ภารกิจของทหารแต่อย่างใด

ในฐานะที่ตนเองเป็นกรรมาธิการด้านความมั่นคง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาแล้วกว่า 2 ปี ตนได้ทำงานร่วมกับทหารในทุกระดับ และพบว่าทุกคนมีจุดยืนร่วมกัน คือ ผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครตั้งคำถามว่าจะต้องปกป้องประชาชนหรือไม่ เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปกป้อง และต้องสนับสนุนให้ทหารแนวหน้ามีกำลังรบและงบประมาณที่เพียงพอ เนื่องจากอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อ เราไม่มีเงินนอกระบบหรือเงินผิดกฎหมายเหมือนบางฝ่าย เราทำทุกอย่างเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านอาหารของทหารแนวหน้า

สถานการณ์ชายแดน แม้วันนี้อาจหยุดการสู้รบ แต่ในอนาคตก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งอีก ชายแดนจะปลอดภัยได้อย่างไร ขณะที่กับระเบิดยังคงมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการกู้ให้หมด ตนและคณะกรรมาธิการจึงพยายามผลักดันการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบตรวจจับ เพื่อลดความเสี่ยง และลดจำนวนทหารที่ต้องออกลาดตระเวนในพื้นที่อันตราย

ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ในทุกการให้สัมภาษณ์ ตนไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไม่เคยพูดถึงการลบข้อมูลแผนที่หรือข้อมูลอ่อนไหวใด ๆ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล และยืนยันว่า ไม่มีใครต้องการไปเข้าข้างฮุน เซน แต่อย่างใด

เมื่อถามว่าการมาฟ้องนั้น เป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเสรีหรือไม่ ว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่ถูกด่ามากที่สุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกด่า แต่ไม่เคยฟ้องใคร ยกเว้น นางสาวปารีณา ที่มากล่าวหาว่า ตนเองเป็นพวกเดียวกับที่วางปาระเบิดกรุงเทพฯ ครั้งนั้นที่ฟ้องก็บอกว่าเป็นเรื่องที่รุนแรง จึงฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์รวมถึงครั้งนี้ก็จะเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองและ ปกป้องการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่เป็นจริง เพราะเฟกนิวส์ครั้งนี้ไม่ใช่ฟรีสปีด ตนเองจะฟ้องหมด ไม่ว่าใครที่เป็นคนแชร์

ส่วนกรณีที่เพจของ “ดังพันกร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้านคน ได้มีการแชร์ข่าวปลอมนี้ด้วยนั้น นางสาวพรรณิการ์ ระบุว่า ได้เข้าไปคอมเมนต์ชี้แจงในเพจคุณดังแล้ว และหวังว่าประชาชนที่เข้าไปติดตามในเพจคุณดัง จะได้เห็นข้อเท็จจริง ส่วนตัวคุณดังจะว่าอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของคุณดัง และยืนยันว่าตนจะไม่ฟ้องคุณดังแน่ สบายใจได้

คุณอาจสนใจ

Related News