เลือกตั้งและการเมือง
“จุลพันธ์ “ฟาด “ปชน.-ภท. “ต้องรับผิดชอบร่วมกัน มอง MOA เป็นดีลที่พังพินาศที่สุด ผิดหวัง” เท้ง “ปล่อยหนูเข้าป่า
4 ชั่วโมงที่แล้ว
60 views
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เกินความคาดหมายที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่ถึงวาระ 3 เพราะตนเป็นคนหนึ่งที่พูดมาโดยตลอด เราเห็นมาตั้งแต่ต้นว่า MOA ที่ทำมาจากภูมิใจไทยและพรรคประชาชนมีแต่ทางล้มเหลว เพราะเป็นดีลการเมืองที่พังพินาศที่สุดเท่าที่เคยมีมา และขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และเมื่อเข้าสู่ดีลนี้กันแล้วมีแต่ไปสู่ความผิดพลาด สุดท้ายปรากฏชัดเมื่อวาน (11 ธ.ค.) ซึ่งเราก็สงสัยมาโดยตลอดถึงเรื่องความจริงใจของรัฐบาลที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตรงจุดนี้ตนไม่แน่ใจว่าพรรคประชาชน เพิ่งเห็นหรือไม่อย่างไรเพราะเราพยายามเตือน พยายามบอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้วสุดท้ายก็ปรากฏชัด เมื่อวานที่ประชุมรัฐสภา ทางพรรคภูมิใจไทยโหวตให้กับ สว. โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถไปคุยกับ สว.ได้ หรือไปควบคุมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องยกมือให้เพื่อหวังว่าวาระ 3 จะผ่าน
ซึ่งหากจะมีคนเชื่อก็มีแต่พรรคประชาชน เพราะพรรคการเมืองอื่นก็เห็นอยู่แล้วว่าการเคลื่อนไหวของสว.ชุดนี้ มีความเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทยอย่างไร และจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องประหลาด ซึ่งนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนก็ได้พูดเมื่อวานว่าที่เข้าสู่ MOA ฉบับดังกล่าว เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทย มีอำนาจเหนือที่จะเจรจากับ สว. ชุดนี้ ฉะนั้น นายณัฐพงษ์ คงเชื่อเหมือนกับตนว่ากระบวนการฮั้ว สว. นั้นมีจริง
เมื่อถามว่าดูเหมือนว่าพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยโยนกันไปโยนกันไปมาเรื่องฉีก MOA นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องรับผิดชอบทั้งคู่ สำหรับพรรคเพื่อไทยต้องแสดงความผิดหวังกับรัฐบาลก่อน เพราะสภาวะประเทศขณะนี้ ทั้งสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา เรื่องน้ำท่วมที่ยังแก้ไขไม่เสร็จ รัฐบาลกลับปัดทิ้งภาระความรับผิดชอบ และเลือกที่จะหนีการตรวจสอบผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยุบสภา ทิ้งให้ประชาชนเดือดร้อนต่อไป แต่แน่นอนว่ากลไกภาครัฐยังสามารถเดินต่อไปได้ ทหารก็ดูแลชายแดนไป แต่รัฐบาลปัดความรับผิดชอบของตนเอง ยุบสภาหนีการตรวจสอบ
ในขณะที่ความผิดหวังที่ 2 ของพรรคเพื่อไทยคือพรรคประชาชน ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกับนายณัฐพงศ์จริง ที่มาขอให้พรรคเพื่อไทยชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐธรรมนูญมาตรา 151 และสุดท้ายมาพูดคุยกันว่าหากการลงมติในวาระที่ 2 มีปัญหาหรือแพ้ นายณัฐพงษ์ ก็เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ ก็จะมาร่วมกับพรรคเพื่อไทย ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งตอนที่นายณัฐพงษ์พูดในสภา ตนอยู่ด้านนอก แต่เมื่อได้ยินก็รีบเข้ามาทันที เพราะตอนที่นายณัฐพงษ์พูด ก็ชัดเจนว่า หากญัตติโหวตแพ้ก็ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และส่งสัญญาณว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ซึ่งต้องใช้คำว่า ปล่อยหนูเข้าป่า เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้กับรัฐบาลสามารถที่จะยุบสภาได้ทัน เพื่อที่จะไม่ต้องตรวจสอบกัน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาล ไม่ต้องโดนตรวจสอบ ซึ่งเราผิดหวัง เพราะทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ และอีกหลายพรรคการเมือง ที่มาลงชื่อไว้กับผม ก็พร้อมที่จะตรวจสอบ เรารอพรรคประชาชนว่าจะเอาอย่างไร” นายจุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนตามเกมการเมืองไม่ทันทั้ง MOA หรือการชิงยุบสภาก่อนที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตามไม่ทันหรือเห็นว่าวิธีการนี้ดีกว่า ตนไม่ทราบ ท่านอาจจะเลือกให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งแทนการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งการตรวจสอบรัฐบาลมีปัญหาเยอะ ทั้งเรื่องของกรณีเขากระโดง ฮั้วสว. การทุจริตคอรัปชั่น MotoGP และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยและคนไทยไม่ได้อะไรเลย คนที่ได้ทั้งหมดเต็มๆ คือ พรรคภูมิใจไทยที่ได้สะสมกำลัง เสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มอนุรักษ์นิยม และได้โยกย้ายข้าราชการเตรียมไว้สำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งคนไทยไม่ได้อะไร กลับต้องมาเผชิญกับรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ที่บริหารงานน้ำท่วมล้มเหลว งานชายแดนจนกระทั่งลุกลาม ซึ่งทั้ง 2 พรรคที่อยู่ในเอ็มโอเอต้องรับผิดชอบทั้งคู่
เมื่อถามว่า สถานการณ์แบบนี้เหมือนปล่อยให้รัฐบาลลอยตัวเหนือความผิด โดยไม่ถูกตรวจสอบหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ถูกต้อง ความจริงแล้วกระบวนการถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาก็เดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ต่อได้ สภาก็มีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาใหม่ หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย หลุดออกจากตำแหน่ง ซึ่งยังสามารถเสนอชื่อเข้ามาได้ ไม่ได้ผิดอะไร และการแก้ไขปัญหาประเทศก็เดินหน้าต่อ เมื่อมีรัฐบาลใหม่มาก็ประสานงานต่อแค่นั้น แต่ตอนนี้คือมีสุญญากาศ
เมื่อถามย้ำว่า เป็นการเตะหมูเข้าปากหนูใช่หรือไม่ พรรคเพื่อไทยจะตั้งเกมรับมืออย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ตั้งเกม เพราะเราเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว วันนี้ต้องบอกประชาชนว่าอย่าสิ้นหวัง วันนี้ต้องใช้เวทีการเลือกตั้งนำพาประเทศกลับสู่ความถูกต้อง พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นตัวเลือก
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องสู้กับกระแสคลั่งชาติ และสถานการณ์ชายแดน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กระแสใดก็ตามเราก็ต้องฟันฝ่า และต้องแสดงความจริงใจของเราให้กับประชาชน จุดยืนของเพื่อไทยเรามั่นคง
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนมีผลกระทบกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าเมื่อวานนี้ สส. ของพรรคภูมิใจไทย เดินพูดทั้งวัน ว่า จะจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ไม่สามารถจัดเลือกตั้งพร้อมกันทั้งประเทศ มีกลไกตามรัฐธรรมนูญไม่มีอะไรติดขัด เพราะรัฐธรรมนูญกำหนด ว่า ต้องเลือกตั้งภายใน 45 - 60 วัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 1 ก.พ.หรือ 8 ก.พ. 2569 แต่ถ้าจะให้ทันตามกรอบเวลา การตั้งคำถามประชามติ คงต้องเป็นวันที่ 8 ก.พ. และเมื่อมีประกาศให้เลือกตั้งทั้งประเทศแล้ว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งก็เขียนชัดเจน ว่า ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจำเป็น แต่ละหน่วยเลือกตั้งสามารถเลื่อนการเลือกตั้งในแต่ละจุดนั้นได้ แต่ไม่กระทบการเลือกตั้งภาพรวม ซึ่งยังมองไม่ออกว่า รัฐบาลมีความประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างที่ว่า จะดำเนินการด้วยกฎหมายช่องใด แต่ต่อให้ดำเนินการจริง ก็สามารถทำได้ถ้ามีช่องทางทางกฎหมาย แต่นั่นคือความพังพินาศของท่าน เพราะประชาชนคนไทยคงไม่รอด้วย
เมื่อถามว่าที่มีการตั้งข้อสงสัยสถานการณ์การชายแดนที่เกิดขึ้น มีการเอื้อต่อการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ประเด็นนี้อย่าคิดมาก ตนเองก็ติดตามข่าวสาร แต่นาทีนี้สิ่งที่ต้องทำ คือ การส่งกำลังใจให้ทหารที่บริเวณชายแดน และประชาชนที่ต้องประสบภัย และต้องอพยพ ซึ่งตัวแทนของพรรคเพื่อไทยเองก็อยู่ในพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่าการชิงยุบสภาก่อน จะส่งผลต่อการปราบสแกมเมอร์หรือไม่นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กระบวนการการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หน่วยงานรัฐก็ต้องดำเนินการต่อไป อย่าให้สะดุดติดขัดตามกรอบกฎหมายที่มี ในส่วนของรัฐบาล การรักษาการก็สามารถดำเนินการภารกิจที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้ ไม่ใช่ต้องยุติไปทั้งหมด เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็ไปสานต่อ ซึ่งไม่ทำให้การแก้ปัญหานั้นหยุด
เมื่อถามว่าจะได้เห็นความจริงใจสุดท้ายของรัฐบาล ในการเดินหน้าทำคำถามประชามติหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร สุดท้ายพวกเราที่อยู่ในสภาก็คุยกัน เพื่อที่จะเร่งกระบวนการในการผ่านญัตติเรื่องคำถามประชามติ คำถามที่ 1 ว่า เห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่งจบด้วยดี
“ตอนนี้ไม่ได้ถามถึงความจริงใจรัฐบาล เมื่อมีคำถามประชามติส่งไปจากรัฐสภาไปยังรัฐบาล ตามกฎหมายรัฐบาลต้องดำเนินการ ดังนั้น ไม่ต้องไปถามหาความจริงใจ ผมว่า ความจริงใจเขาหมดตั้งแต่เข้าสู่ MOA และกระบวนการลงมติมาตรา 256 / 28 เมื่อคืนนี้แล้ว วันนี้ไม่ได้มาถามหาความจริงใจ แต่ขอให้ทำตามกฎหมาย คือ คำสั่งที่รัฐสภาส่งไปให้ถาม ก็ไปถามซะ” นายจุลพันธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากจะมีการเรียกประชุมสส.พรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีกรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค รวมถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายยศนัน วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่คาดว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรคในวันนี้ด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้อง จุลพันธ์ ,พรรคประชาชน ,ยุบสภา ,อนุทิน