เลือกตั้งและการเมือง

"สุชาติ" ยันค่าฝุ่น PM 2.5 ปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เผยเผาลดลง-เข้มจับรถควันดำ

2 ธ.ค. 2568

27 views

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ว่า ขอยืนยันว่ากรมควบคุมมลพิษ ได้เฝ้าติดตามและดูทิศทาง ของฝุ่น PM 2.5 ที่เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้การเผาลดลง เพราะมีมาตรการเกี่ยวกับ การนำฟางข้าวมาแลกปุ๋ย เพื่อลดการเผา ซึ่งปีที่ผ่านมา สามารถลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 30% และในปีนี้ได้ตั้งเป้าให้มากกว่าเดิม โดยร่วมมือกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้รถยนต์เก่าสามารถนำมาเปลี่ยนไส้กรอง ในราคาถูก และในวันนี้เวลาประมาณ 14:00 น. จะมีการตรวจสอบควันดำบริเวณท่าเรือคลองเตย ร่วมกับผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ ที่มีมาตรการนำเข้าข้าวโพดที่ไม่เผาจากประเทศเพื่อนบ้าน

นายสุชาติ กล่าวย้ำว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 จะลดลงอย่างแน่นอน เนื่องจากฝุ่น PM ส่วนใหญ่เกิดจาก ท่อไอเสียของรถยนต์เก่า

ขณะเดียวกันในส่วนของอ้อย ที่ยังเป็นปัญหา โรงงานต่างๆได้มีการนำรถตัดอ้อยเข้าไปช่วย เพื่อลดการเผาไหม้ เนื่องจากขาดแคลนแรงงานหลังจากมีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา

นายสุชาติ ยังกล่าวถึง Hotspot มีเพียง 1-2 จุด ซึ่งมีจำนวนที่น้อยมาก เนื่องจากมีชุมชนต่างๆที่อยู่รอบอุทยานมาช่วยเฝ้าระวัง และมีภาคเอกชนช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันไฟป่า ซึ่งยืนยันว่ากรมควบคุมมลพิษดูแลอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ยังนำดาวเทียมมาตรวจสอบจุด Hotspot ทำให้ทราบว่าลมมาในทิศทางใด จะได้สามารถเตือนภัยโดยระบุพิกัดพื้นที่ได้

นายสุชาติ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรานับเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้ต่อสู้เรื่อง PM 2.5 มาประมาณ 2 สัปดาห์ หากเปรียบเทียบสถิติย้อนหลังแล้ว ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังกล่าวถึงการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอเข้าพบประธานาธิบดีศรีลังกา ก่อนวันที่ 8 ธันวาคม เพื่อนำสัตวแพทย์ไปตรวจสุขภาพ พลายประตูผา และพลายศรีณรงค์ ว่า เมื่อวันก่อนได้มีการพูดคุยกับเอกอัครทูตศรีลังกา ประจำประเทศไทย ซึ่งได้ทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบกับประธานาธิบดีศรีลังกา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตอบรับ และอยู่ระหว่างการประสานของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องยอมรับในเรื่องระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องรอการอนุญาต หากไปแล้วไม่ได้รับการอนุญาตก็ไม่มีประโยชน์

คุณอาจสนใจ

Related News