เลือกตั้งและการเมือง

“ธรรมนัส” รับ ระบายน้ำกระทบปชช.ท้ายเขื่อน มั่นใจไม่หนักเท่าปี 54 กทม.-ปริมณฑล ไม่เลวร้ายไปกว่านี้

11 พ.ย. 2568

41 views

“ธรรมนัส” เผย จำเป็นต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนหลัก ยอมรับกระทบประชาชนท้ายเขื่อน แต่จะพยายามระบายออกภายใน 1 สัปดาห์ มั่นใจสถานการณ์น้ำไม่หนักเท่าปี 2554 ส่วนพื้นที่ “กทม.-ปริมณฑล” ยืนยันสถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 11พ.ย.68 ) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ ร่วมกับสำนักกรมชลประทานที่ 1-17 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) เพื่อวิเคราะห์ วางแนวทางการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาที่หลสบจังหวัดน้ำท่วมวิกฤติอยู่ในขณะนี้

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า จำเป็นต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนหลัก โดย ณ วันนี้เขื่อนภูมิพลได้ระบายน้ำออก 48 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน เมื่อรวมกับเขื่อนกิ่วลมระบายออก 6 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่ากับว่า จะมีน้ำไหลมารวมที่ลำน้ำเจ้าพระยา 54 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งผลมีอัตราไหลของน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาจะเพิ่มขึ้น 3,537 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำในลุ่มเจ้าพระยาตอนนี้ถือว่าสูงมาก จึงต้องระบายน้ำออกทั้ง 2 ฝั่ง ซ้ายขวา เพื่อไม่ให้เกิดการล้นตลิ่ง

โดยกรมชลประทานได้ระบายน้ำ 2 ด้านรวมกัน 637 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้สมดุลกับน้ำที่ไหลลงมา และควบคุมระดับน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย จำเป็นต้องระบายน้ำ 2,900 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งยอมรับว่าจะกระทบต่อ ประชาชนท้ายเขื่อน แต่จะพยายามระบายออกภายใน 1 สัปดาห์ ในช่วงนี้ที่น้ำทะเลหนุนลดลง จะเร่งระบายออกให้เร็วที่สุด

โดยได้สั่งการให้กรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่ม เพื่อเร่งระบายน้ำตอนปลายลุ่มเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย ที่ จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยลดผลกระทบที่เกิดกับประชาชน พร้อมยืนยืนว่าแม้จะระบายน้ำต่อเนื่อง แต่สถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม. จ.ปทุมธานี นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ และไม่เหมือนกับสถานการณ์น้ำท่วมปี 54 แต่ขณะเดียวกันจะแบ่งระบายน้ำเข้า กทม.บ้างบางส่วน แต่ยืนยันจะไม่กระทบกับความเป็นอยู่ของชาวกทม.

ในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากการคาดการณ์ของกรมชลประทาน ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม นี้ จะใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ ที่สถานี C2 ที่นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำ เหลือ 1,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยคลี่คลายน้ำล้นตลิ่งในจังหวัดตอนล่าง และจะเข้าสู่ภาวะปกติ ต้นเดือนมกราคม ปี หน้า คือ ปริมาณ 700 ลบ.ม./วินาที

คุณอาจสนใจ

Related News