เลือกตั้งและการเมือง

ประชุม “กมธ.แก้ รธน.” ล่ม หลังองค์ประชุมไม่ครบ ก่อนโหวตเคาะองค์กรทำรัฐธรรมนูญใหม่

7 พ.ย. 2568

153 views

วันนี้ (7 พ.ย. 2568) ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ ... พ.ศ.... รัฐสภา ที่มีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. ซึ่งกำหนดวาระประชุมเพื่อลงมติตัดสินในเนื้อหาของร่างมาตรา 256/1 ว่าด้วยองค์กรที่มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าจะให้มี เฉพาะคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น หรือให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเริ่มประชุม เวลา 09.30 น. พบว่าที่ประชุมสามารถเปิดประชุมและให้กมธ.ที่เสนอแนวทางต่างๆ ได้นำเสนอแนวคิดและรายละเอียดให้กมธ.ได้พิจารณาและซักถามในรายละเอียดต่างๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เปิดให้สมาชิกอภิปรายเนื้อหาเสร็จสิ้นจนถึงเวลา 12.00 น. แล้ว ประธานในที่ประชุม ระบุว่า ให้มีการลงมติตัดสินเพื่อให้ได้พิจารณาในเนื้อหาอื่นต่อไป แต่ปรากฏว่าก่อนลงมติต้องตรวจสอบองค์ประชุม แต่พบว่า มีกมธ.อยูในห้องประชุมเพียง 20 คนจาก กมธ.ทั้งสิ้น 43 คน จึงถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ต้องปิดประชุม และนัดประชุมใหม่ในวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. โดยกำหนดให้นัดลงมติทันที


โดยนายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ กมธ.พิจารณาในส่วนของมาตรา 256/1 เรื่ององค์ประกอบขององค์กรที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องลงมติ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถลงมติในมาตรานี้ได้ เพราะกมธ.ที่มาประชุม ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อในมาตรานี้ได้ ทั้งที่เป็นมาตราสำคัญ หากลงมติได้จะทำให้การพูดคุยในมาตราถัดไปเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วมากขึ้น


ทั้งนี้ ยืนยันว่ากมธ.เร่งพิจารณาอย่างเต็มที่ และพยายามให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาเดิม แต่วันนี้เกิดอุปสรรคในแง่ขององค์ประชุม จึงเลื่อนการลงมติไปในวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน โดยเมื่อเปิดประชุมจะอยู่ในวาระแรกคือลงมติทันที ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้กรรมาธิการทุกท่านเข้าประชุม เพื่อหาฉันทามติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เดินหน้าต่อไปได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด


ด้านนายเอกพร กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดในหลายแง่มุม แต่อยากเรียนว่าตอนที่เริ่มประชุมครั้งแรก กมธ.ทุกคนมีความเห็นพ้องกันว่าอยากที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จทันเวลา และมีการวางแผน 2 รูปแบบคือ หากสามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น เราก็จะเสนอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน แต่หากไม่สามารถทำได้ทัน ใช้เวลาตามปกติ ในสมัยประชุมสามัญวันที่ 12 ธันวาคม ระยะเวลาในการลงมติ แม้จะต้องเว้นระยะเวลา 15 วัน ก็ยังทันช่วงเดือนมกราคม ยืนยันว่าเป็นไปตามกำหนด


นายเอกพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เราเห็นพ้องต้องการว่าจะมีคณะทำงานก่อนที่จะนำประเด็นต่างๆ เข้ามาหารือหรืออภิปรายในที่ประชุม กมธ. อีกทั้งประเด็นที่จะต้องมีการลงมติในวันนี้ มี 2 ทางคือ 1.ออกไปตามร่างของพรรค ปชน. และ 2.สร้างส.ส.ร. ซึ่งเป็นการเสนอโดยสมาชิกพรรค พท. แม้จะเลือกทางใดทางหนึ่งก็อยู่ในกรอบที่เราตกลงกันตั้งแต่แรก แต่การที่ไม่สามารถลงมติได้ในวันนี้ มาจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มีกมธ.ส่วนหนึ่งติดภารกิจที่ต่างประเทศ และสส.ต้องลงพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่ามีใครไม่อยากลงมติ หรือเล่นเกมการเมือง แต่การทำงานของกมธ.ที่พิจารณาประเด็นว่า จะให้มีองค์กรทำรัฐธรรมนูญใหม่แบบใด ระหว่างเป็นไปตามร่างหลักของพรรคปชน. กับการมี ส.ส.ร. เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาออกแบบให้มีคุณภาพ


เมื่อถามถึง สาเหตุที่องค์ประชุมไม่ครบครบ น.ส.พนิดา กล่าวว่า กมธ.ท่านอื่น ๆ มีภารกิจเร่งด่วน เช่น กลับไปดูพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม และการป้องกันเรื่องพายุ ทำให้ไม่สามารถลงมติได้ในเวลา 12.30 น. ตามที่ประธาน กมธ.กำหนดไว้


เมื่อถามว่า มีประเด็นอื่น ๆ ที่ขัดแย้งกันมากทำให้ไม่สามารถลงมติได้ ด้วยหรือไม่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า อาจมีความแตกต่างหลากหลายในประเด็นนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถได้ข้อสรุป และยังไม่สามารถมีฉันทามติได้ว่ารูปแบบที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของผู้เขียนร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร โดยจุดนี้อาจเป็นจุดที่ทำให้หลายคนมีความกังวล และเชื่อว่าคณะทำงานของ กมธ. อาจสามารถหาข้อสรุปได้และมีการลงมติในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เพื่อที่จะสามารถเดินหน้าต่อในมาตราต่อไปที่จะมีผลจากการกำหนดในมาตรา 256/1 (1)


เมื่อถามว่า สัดส่วนของ กมธ.ที่หายไปมีจำนวนเท่าไหร่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า จริง ๆ เป็นสัดส่วนของหลายพรรค มีทั้งสส. และ สว. ที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ซึ่งวาระสำคัญแบบนี้ถ้าองค์ประชุมไม่ครบก็อาจจะมีปัญหาในอนาคต เพราะหากลงมติแล้วเสียงปริ่มน้ำก็อาจจะเกิดปัญหา จึงจำเป็นต้องปิดการประชุมในวันนี้ แล้วพิจารณาใหม่ในวันพุธหน้า


เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องมีส่วนในความรับผิดชอบด้วยหรือไม่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า จริงๆ กมธ.ทุกท่าน มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเป็นความคาดหวังของประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


ด้านนายนรเศรษฐ์ กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่ขอเจาะจงว่าเป็น สส.จากพรรคไหน หรือจะเป็น สว. และเชื่อว่า กมธ.เข้าใจอยู่แล้วว่ามาตรานี้มีความสำคัญอย่างไร เราคุยกันมาหลายวัน ไม่ใช่ว่าเราจะมาปุ๊บปั๊บจะลงมติ เรามีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ซึ่งขอเรียกร้องไปว่าภารกิจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน


เมื่อถามว่า ไม่ได้มีการวอล์กเอาท์ใช่หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า มีบางส่วนที่อยู่ในห้องประชุม แต่เมื่อถึงเวลาที่เราจะลงมติแล้ว เราก็ไม่ได้มีการสังเกตว่าท่านใดบ้างที่มีการวอล์กเอาท์ มีเพียงการนับองค์ประชุม และปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ พบว่ามีเพียงประมาณ 20 กว่าคน ขาดไป 2 คน


ต่อข้อถามว่า การลงมติไม่ได้ปุ๊ปปั๊ป เป็นไปได้หรือไม่ว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะมีธงในใจแล้ว นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนสามารถประเมินได้ ส่วนตัวตนคิดว่า กมธ.ทุกคนมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมาตลอดคือ สิ่งใดที่ยังมีความคิดเห็นที่ต่างกันสามารถใช้พื้นที่ใน กมธ.ในการพูดคุยเพื่อหาฉันทามติร่วมกันเพื่อที่จะสามารถเดินต่อไปได้


นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าความเห็นที่ยังไม่ตกผลึกสามารถนำมาพูดคุยกันได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของร่างและ กมธ.มีหน้าที่ที่จะชี้แจงอยู่แล้ว หากท่านต้องการเวลา ตนคิดว่าเราก็สามารถที่จะพูดคุยกันได้อย่างมีวุฒิภาวะ เข้าใจว่าบางท่านอาจมีภารกิจในพื้นที่ แต่ก็อยากให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน


เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าการประชุมครั้งต่อไป อาจจะเกิดปัญหาอีก นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าในช่วงสัปดาห์หน้า ประเด็นนี้ได้มีการถกเถียงกันไปพอสมควรแล้ว และเป็นประเด็นที่จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนและถกเถียงกันในประเด็นย่อยได้ต่อไปอีกในหลายประเด็น และหากเราสามารถมีฉันทามติร่วมกันได้ในสัปดาห์นี้ ตนคิดว่าจะ


ทำให้งานสามารถคืบหน้าต่อไปได้ แต่หากเป็นสัปดาห์หน้าตนคิดว่าเราจะพยายามให้ได้ฉันทามติภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน หากกมธ.ท่านใดที่ยังมีข้อกังวลอยู่ ตนคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือพื้นที่ กมธ.จะเป็นพื้นที่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และมีหลายวิธีที่จะสามารถทำให้การผลักดันในประเด็นนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้


เมื่อถามว่า สัปดาห์หน้ายังมีปัญหาอยู่ ไทม์ไลน์ที่วางไว้จะต้องขยับหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า เราจะพยายามเดินตามไทม์ไลน์เดิมที่ทาง กมธ.เซ็ตเอาไว้ แต่ไม่ได้ฟิกตายตัว ซึ่งหากมีประเด็นที่เราต้องใช้เวลาในการพูดคุยแลกเปลี่ยนหรือพิจารณาเพิ่มเติม ไทม์ไลน์ก็อาจจะมีการขยับได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ