เลือกตั้งและการเมือง

“นายกฯ” ปลื้ม ไทยเนื้อหอม มีมิตรประเทศมาหารือมากมาย โวภาคธุรกิจสหรัฐฯประทับใจ "คนละครึ่งพลัส" ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ

31 ต.ค. 2568

120 views

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี วานนี้ (30 ต.ค.) ว่าได้พบกับมิตรประเทศทั้งหลายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้


โดยช่วงเช้าได้หารือกับบริษัท SK bioscience ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์กลางวิจัยและพัฒนาผลิตวัคซีนที่มีสัญญา ร่วมทุนกันกับทางองค์การเภสัชกรรมในเรื่องของการที่จะไปสร้าง โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่และเป็นโรงงานสำรอง ในกรณีที่ประเทศไทยพบสภาวะวิกฤตทางสาธารณสุข จะมีโรงงานผลิตวัคซีนโดยที่เราตั้งเป้าร่วมกันว่า ถ้ามีวิกฤตโรค ระบาดหรือโรค อุบัติใหม่เมื่อใด จะสามารถเข้าถึง หรือผลิต วัคซีนได้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 4 เดือน


ส่วนการพูดคุยกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้สร้างความมั่นใจให้กับ เขาว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่พร้อมรับการลงทุน จากทุกประเทศในโลกนี้ โดยเราพร้อมอำนวยความสะดวก ในการประกอบธุรกิจ และพร้อมขจัด กฎหมายที่ทำให้เกิดความล่าช้า และพร้อมที่จะหารือรับฟังข้อเสนอต่างๆ ของผู้ที่จะมาลงทุนในประเทศไทย แสดงให้เห็นความพร้อมของประเทศไทย ที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ของกติกาโลกใหม่ เช่นการผลิตที่ใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ พลังงานที่ไม่ได้ผลิตจากคาร์บอน เป็นพลังงานธรรมชาติ พลังงานที่เป็นมิตร และโอกาสในการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งดูแล้วพวกเขามีความมั่นใจ และคิดว่าประเทศไทย เป็นโอกาสที่เขาจะมาลงทุน เพื่อสร้างรายได้ และสร้างงานให้กับคนไทยด้วย


ส่วนโครงการคนละครึ่งพลัส ที่รัฐบาล กำลังดำเนินการและได้รับเสียงชื่นชม จากภาคเอกชนสหรัฐนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เขาแสดงความชื่นชมว่าเราสามารถ หาวิธีที่จะทำให้มีการเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงแม้จะเป็นในระยะสั้น แต่เป็น สิ่งที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ใช่การแจกตังค์เฉย ๆ ซึ่งเป็นโมเดลที่เขารู้สึก ว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย สร้างการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ซึ่งเขารู้สึกประทับใจ


เมื่อถามถึงการใช้โอกาสพูดคุยประเด็นอาชญากรรมออนไลน์หรือสแกมเมอร์ กับประเทศต่างๆ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้นเวลามีโอกาสพูดคุยหารือทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับมิตรประเทศ จะต้องนำเรื่องนี้ขึ้นมาให้เขาได้เห็นว่าเรา มีความตั้งใจ และเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราป้องกัน และปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี อย่างเช่น Cybercrime หรือ Call Center สแกมเมอร์ อาชญากรรมเหล่านี้ได้จะสร้างความมั่นใจให้กับคนที่จะมาลงทุนในประเทศไทยหรือนักท่องเที่ยว ถ้าเราเป็นประเทศที่ยังมีข่าวออกไปว่า มีพวกหลอกไปทำสแกมเมอร์ หลอกข้ามพรมแดนไป เขาอาจไม่อยากมา จึงต้องทำเรื่องนี้ให้เกิดความมั่นใจ


นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ปีนี้เทรนของประเทศไทย ดูดีขึ้นเยอะเรามีมิตรประเทศที่เข้ามา ขอหารือกับเรามากมาย และมี หลายประเทศตอบรับการหารือกับเราทันที และเรียกว่าเราทำงานชั่วโมงต่อชั่วโมง ตั้งแต่อาเซียนที่กัวลาลัมเปอร์ และเมื่อมาประชุมเอเปคที่เกาหลี ได้มีโอกาสพบ กับคนที่คุ้นเคยกันมา มีเรื่องอะไรที่ต้องมาเตือนความจำทบทวนความจำ เราสามารถใช้เวทีนี้พูดย้ำไปอีกทีได้ และเป็นสิ่งที่เกิดความสัมพันธ์ความคุ้นเคยในระดับหนึ่งแล้ว การพูดคุยจะออกมาในรูปแบบให้ความร่วมมือกันมากขึ้น หรือแม้แต่การหารือ เรื่องการเร่งทำความเข้าใจตามเงื่อนไขในถ้อยแถลงที่ไทยมีกับกัมพูชาก็ได้มีการหารือกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งทำให้เราได้แจ้งถึงความพร้อมของประเทศไทยในทุกมิติ


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่ายังได้พบ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้อีกครั้ง รวมถึงเจอนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กลางถนน ก็จำกันได้ แต่หากมีการเจรจาอะไรกันเราต้องนึกถึงผลประโยชน์ ของประเทศชาติเป็นสำคัญ แต่จะเป็นการพูดคุยกันได้เข้าใจเร็วขึ้น มีโอกาสได้พูดคุยทำความเข้าใจกันมากขึ้นและส่วนใหญ่จะพูดเรื่องการค้า การลงทุน


นายกรัฐมนตรียังระบุว่า วันพรุ่งนี้ (31ต.ค.) จะได้พบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน แบบเต็มรูปแบบ จะพูดคุยเรื่องการค้า การลงทุนและความร่วมมือของ2ประเทศ


นายกรัฐมนตรียังระบุถึงการพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่าได้ขอให้ พิจารณา เพิ่มโควต้าของแรงงาน สำหรับคนไทย ที่เข้ามาได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่เข้ามาแบบ นักท่องเที่ยวและไม่ยอมกลับ พอมีปัญหาขึ้นมา ทำให้เกิดภาพที่ดูไม่ดี ซึ่งตนได้ยืนยันกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่าแรงงานไทยเป็นแรงงานที่น่ารักขยันขันแข็งตั้งใจทำงาน ไม่มีข้อจำกัดในเชื้อชาติศาสนาประเพณี ต้องการ ทำงานได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และผลิตผลงาน ที่ดีออกมา ตรงนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีเช่นกันในการที่มาพบกัน ซึ่งได้ให้เกียรติประเทศไทยได้กรุณาโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกันก่อนหน้านี้


ส่วนที่มีภาพร่วมวงรับประทานอาหารเย็นที่มีโอกาสพบปะพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศเช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รวมไปถึง นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประธานาธิบดีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ พูดคุยกันเกือบ 2 ชั่วโมงบนโต๊ะอาหารที่พูดคุยไม่กี่คนซึ่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้เป็นเชิญและถือเป็นการให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับเรา ซึ่งตนได้บอกว่าจะช่วยในเรื่องที่ประสบปัญหาหรือความไม่สะดวกในการที่อยู่ประเทศไทย เรายินดีให้เขามา เปิดนิคมอุตสาหกรรม ลงทุนเปิดสาขาธนาคาร ในประเทศไทย ซึ่งเขาทำตามกฎระเบียบของเราทุกอย่าง


ขณะที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ที่สามารถนำเสนอแนวทางของเรา โดยขณะนี้ หลายคนเป็นห่วงเรื่องกติการะหว่างประเทศ การค้าเสรีและไทยก็ได้เสนอแนวทางของภาพในภาพใหญ่ ซึ่งในการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไทยมีข้อเสนอหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งไทยเสนอเป็นเจ้าภาพในการประชุมปราบปรามสแกมเมอร์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไทยมีบทบาทนำในกรอบอาเซียน


“สิ่งที่เห็นได้ชัดคือหลายประเทศอยากฟังว่าเรามีแนวคิดอย่างไร มีอะไรที่จะเสนอตั้งแต่การประชุมอาเซียนซัมมิท มาจนถึงการประชุมเอเปก2025 มีการหารือทวิภาคี ซึ่งมาจากการที่หลายประเทศเห็นว่าไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และขับเคลื่อนบทบาทของเราในเวทีระหว่างประเทศด้วย” นายสีหศักดิ์ ระบุ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ