เลือกตั้งและการเมือง
ประชุม JBC มาราธอน ปรับการถือครองที่ดินบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว “เขมร” ยันไม่มีอำนาจปมสร้างรั้ว ต้องนำออกจากวาระ
23 ต.ค. 2568
380 views
วันนี้ (23 ตุลาคม 2568) เมื่อเวลา 00.12 น. บรรยากาศพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยครั้งนี้ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่โรงแรม มณีจันท์รีสอร์ต จันทบุรี เป็นเวลา 2 วัน คือ วันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 ซึ่งประธานทั้ง 2 ฝ่ายยังเป็นคนเดิม คือ ฝ่ายไทย เป็นนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ส่วนฝ่ายกัมพูชา เป็นนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้ง 2 ฝ่าย ได้สรุปการหารือ และร่วมกันลงนามในบันทึกผลการประชุม JBC วาระพิเศษร่วมกัน พร้อมมอบของที่ระลึกให้กันทั้ง2 ฝ่าย ก่อนปิดการประชุมในวาระพิเศษ และถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งการประชุมล่าช้าไป 6 ชั่วโมง
สำหรับผลสรุปหารือวันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้อ่านรายละเอียดที่ทำบันทึกร่วมกัน เป็นทั้งภาษาอังกฤษ และภาษากัมพูชา โดยระบุว่า ถือว่าการประชุมเป็นไปภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) ดำเนินการสร้างหลักเขตแดนใหม่เพื่อทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย จำนวน 15 หลัก ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว ให้กลับคืนสู่ที่ตั้งและตำแหน่งเดิม และทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่จมน้ำ จำนวน 3 หลัก โดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ร่วมกันในภายหลัง
รวมถึงทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference 2003 (TOR 2003) เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ส่วนที่เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ภูมิประเทศที่มีความเร่งด่วนในบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47
และเมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
การวางหมุดชั่วคราวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้นและจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทยและกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศ และทั้งสองฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543 และเพื่อให้ชุดสำรวจสามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวางและการยั่วยุที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
ขณะที่นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พร้อมด้วย นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าวผลการหารือ JBC ภายหลังพิธีปิด
โดยนายเบญจมินทร์ ระบุว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และนี่เป็นครั้งแรกของการประชุมเจบีซีและออกคำแถลงร่วมทั้งนี้เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความจริงใจในการเร่งการจัดทำหลักเขตแดนทางบก เพราะเป็นส่วนสำคัญในความพยายามของไทยเพื่อที่จะลดความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน
ด้านนายประศาสน์ ได้ย้ำถึงบันทึกการประชุมร่วมกันของสองฝ่าย และเพิ่มเติมว่าเรื่องรั้วชายแดน ตนได้ยกขึ้นพูดในคำกล่าวเปิดว่าไอเดียในการสร้างรั้ว เพื่อป้องกันปัญหา เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง ลักลอบเข้าเมือง รวมถึงการปิดกั้นยาเสพติด โดยกัมพูชาบอกว่าเขาไม่มีอำนาจที่จะมาหารือในการสร้างรั้ว จึงได้นำเรื่องนี้ มีการหารือกันเกินครึ่งชั่วโมง ก่อนจะนำออกจากระเบียบวาระการประชุม
จากนั้น นายเบญจมินทร์ กล่าวเสริมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเน้นเฉพาะเรื่องหลักเขตแดนกับภารกิจและอำนาจของเจบีซีและคณะกรรมาธิการจะต้องนำผลการเจรจาไปเสนอยังรัฐบาล ดังนั้นรายละเอียดรวมถึงเรื่องที่อาจจะไม่ได้อยู่ในกรอบเจบีซีกระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงในโอกาสถัดไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจากประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนในการเจรจาในวันนี้รวมทั้งรักษาพลวัตที่ดีของการประชุมอันจะนำไปสู่การลดทอนความตึงเครียดของสถานการณ์และการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต
เมื่อถามถึงบริเวณบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว เราได้มีการพูดคุยว่าอย่างไรบ้าง นายประศาสน์ กล่าวว่า เรามีการหารือเรื่องบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ตกลงว่าก่อนที่เราจะรู้ว่าเขาล้ำหรือไม่ เราก็ต้องวางหลักชั่วคราวระหว่างหลักที่เขาอ้างกับหลักที่เราอ้าง ระยะทางกำลังเจรจากันอยู่ว่าจะปักถี่แค่ไหน ซึ่งจะเห็นหลักเขตของเขาและหลักของเรา แล้วจะได้ส่งต่อให้กลไกที่เหมาะสม คือหารือกับทางรัฐบาล
“เขาใช้คำว่าปรับการถือครองที่ดิน ขอไม่ใช้คำว่าโยกย้ายหรือถอนทำลาย เพราะมันอาจจะมากกว่านั้นหรือแล้วแต่ แต่เราใช้คำกลางๆ ไป ปรับการถือครอง ปรับการครอบครองที่ดิน” นายประศาสน์ กล่าว
เมื่อถามว่าเรามีระยะเวลาหรือไม่ว่ากี่วันในการดำเนินการ นายประศาสน์ กล่าวว่า ยังไม่ขอลงรายละเอียด ซึ่งหากปักหลักเสร็จแล้ว จะเสนอให้รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะตัดสินใจว่าจะมอบหมายให้ใคร ของฝ่ายเราใครเป็นกลไกล ของฝ่ายเขาใครเป็นกลไก และหารือกันว่าจะทำแผนปฏิบัติการได้อย่างไรในการแก้ไขปัญหาการปรับตรงนี้ เพราะฉะนั้น กลไกในอนาคตต้องรอสำรวจให้เสร็จ ต้องใช้เวลาสักพัก ขอความเห็นใจ เพราะติดค้างมา 26 - 27 ปีแล้ว เราก็พยายามเร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
เมื่อถามว่าครั้งที่แล้วมีการคุยเรื่องหลักหมุดบ้านคลองแผง ตาพระยา หลักหมุดที่ 33-35 ที่มีการลุกลามของชาวกัมพูชาเช่นเดียวกัน วันนี้มีการพูดคุยถึงตรงนี้หรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่า ตนได้มีการเตรียมการประชุมฝ่ายไทย โดยหารือทางกองทัพและจังหวัด ว่ามีอะไรที่จะให้ยกเป็นเรื่องด่วนในขณะนี้ครั้งนี้สมัยวิสามัญเป็นเรื่องด่วนก็มีการตกลงกันว่าเรื่องด่วนเป็นบ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน ส่วนปัญหาอื่นรอในโอกาสต่อไป ตนได้รับความเห็นชอบว่าเอา 2 เรื่องนี้ให้จบก่อน ขอเอาเรื่องร้อนตรงนี้ก่อน ดับไฟให้ได้ตรงนี้ก่อน ซึ่งเป็นที่มาของการนัดเร็วที่สุดในครั้งถัดไปในเดือน ม.ค.
เมื่อถามว่ากัมพูชาจะมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ในการพูดคุยกับเราเรื่องบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว นายประศาสน์ กล่าวว่า เราไม่ลงรายละเอียด เพราะต้องนำไปเสนอรัฐบาล ซึ่งประเด็นนี้แลกเปลี่ยนกัน 2 ชั่วโมง เราพูดได้แค่นี้ว่าจะคุยกันแค่นี้ ตอนนี้เรายังยังไม่รู้เลยว่าเขตที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ์ พื้นที่จริงอยู่ที่ไหน ต้องไปปักเขตให้เห็นก่อนว่าที่เห็นต่างจะทำอย่างไรต่อ ทำทีละลำดับ หาตำแหน่งให้เสร็จ ได้แนวมาแล้วรัฐบาลก็จะแต่งตั้งว่าใครจะเป็นคนคุย จะคุยอย่างไร ยังอีกยาว แต่เราพยายามเร่งรัดเร็วที่สุดแล้ว ถึงได้ดึกขนาดนี้ ถึงเวลานั้น กว่าจะทำคู่มือเสร็จไม่ต่ำกว่า 6 สัปดาห์ ตอนนี้ตกลงหลักการไว้ถึงเวลาเราต้องระดมกำลังของเรา
แท็กที่เกี่ยวข้อง