เลือกตั้งและการเมือง

“สุชาติ” ลุกแจงปมตึก SKYY9 ชี้ไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น “ไอซ์” ซัดวันที่มีตำแหน่งอยู่ จะพูดอะไรก็พูดไป

30 ก.ย. 2568

60 views

“สุชาติ” ลุกแจงปมตึก SKYY9 บอก สส.อภิปรายจนต้องเพ้อละเมอทุกวัน ลั่นถ้าวันหนึ่งได้เป็นรัฐมนตรีจะรู้ ไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น “ไอซ์ รักชนก” ซัดกลับวันที่มีตำแหน่งคุ้มกะลาหัว จะพูดอะไรก็พูดไป เตือนอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะ หากมีอันเป็นไปจริงๆ จะเดือดร้อน

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการชี้แจง หลังถูกนายอนุสรณ์พาดพิงว่า การอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติและข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงเรื่องตึก ทำตัวนอนละเมอเพ้อไปถึงตึก SKYY9 ทุกวัน ซึ่งการลงทุนของบอร์ดประกันสังคมไม่ใช่ 7,000 ล้าน เป็นลงทุนเป็นหลักล้านล้าน ซึ่งมีทั้งบอร์ดลงทุน บอร์ดประกันความเสี่ยง ที่แต่งตั้งมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งฝ่ายค้านหลายคน หากได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะรู้ว่าอำนาจรัฐมนตรีไม่ได้ลงไปลูกในเรื่องการลงทุน ทำได้แค่กรอบกำหนดว่าทำได้อย่างไร

ส่วนที่กล่าวถึงคุณสมบัติตึกที่ซื้อมาเป็นเรื่องของบอร์ดที่พิจารณาการลงทุน รัฐมนตรีมีอำนาจตรงส่วนนั้น สิ่งต่างๆ หากใครทำผิดต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งตนน้อมรับทุกเรื่อง ถ้ามีการเกี่ยวพันกับตน ซึ่งอยากให้เรื่องนี้จบไปเสียที เพราะเป็น 1-2 ปีที่พูดวนไปวนมา ขณะที่กองทุนประกันสังคม ขอฝากถึงประชาชนผู้ประกันตนว่า มีเงิน 2.6 ล้านล้าน ซึ่ง 30 ปีที่มีกองทุน มีเงิน 1.6 ล้านล้าน จากนายจ้าง 5% ลูกจ้าง 5% และรัฐบาลสมทบอีก 2.75% แต่อีก 1 ล้านล้าน มาจากการลงทุนดอกผล ไม่เช่นนั้นวันนี้คงไม่มีใครกล้าเป็นบอร์ดการลงทุน เพราะกลัวเรื่องการร้องเรียน และได้เบี้ยประชุมเพียงไม่กี่พันบาท ซึ่งตัวแทนที่อยู่ในบอร์ดมีหลากหลายหน่วยงานคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะเข้ามาทำผิด

และระบุด้วยว่า รัฐมนตรีจะทราบจากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าการลงทุนเท่าไหร่ และหากไม่มีใครมาเป็นบอร์ดกองทุนประกันสังคม เงิน 2.6 ล้านล้าน ต้องฝากไว้ที่ธนาคารซึ่งได้ดอกเบี้ยเพียง 70 สตางค์ ถึง 1 บาท แล้วจะนำเงินตรงไหนมาจ่ายสิทธิประโยชน์ให้มากขึ้นสำหรับผู้ประกันตน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนทั้ง 13 ล้านคน ถ้ากองทุนประกันสังคมไม่มีการลงทุน จะไม่มีเม็ดเงินมาเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น การเพิ่มเงินดูแลบุตรแรกเกิด โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ที่ต้องจ่ายให้กับคนที่ว่างงาน ซึ่งมาจากดอกผลของกองทุนประกันสังคมทั้งนั้น

ส่วนเรื่องรถสิบล้อจะเป็นชื่อใคร ตนไม่มีรถสิบล้อสักคน ซึ่งอาชีพพรถสิบล้อหรือรถบรรทุกถูกว่าจ้างไปที่ไหนก็ต้องไป ส่วนบ่อดินจะผิดหรือถูกต้องไปดำเนินคดีกับต้นทาง มาดำเนินคดีกับรถบรรทุก ซึ่งใครมีรถบรรทุกหรือรถโดยสารแล้วบรรทุกคน 40 คน จะรู้หรือไม่ว่ามีใครพกอาวุธผิดกฎหมายหรือพกยาเสพติด ยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างใครแต่พูดถึงความเป็นจริง

ขณะที่เรื่องของอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ตนไม่รู้จักชื่ออะไร ดังนั้นจึงอยากให้ท่านให้ความเป็นธรรม ส่วนที่กล่าวหาว่ารถบรรทุกซึ่งเป็นผู้ชำนาญการของตนไปวิ่ง ชื่อมังกร น้ำเค็ม ในชลบุรีเวลาทำเสื้อหรือทำสติกเกอร์ต่างๆ คนที่เป็นพวกเราเอาไปติดได้หมด หากเป็นส่วยผิดกฎหมาย ใครจะบ้าเอารูปตัวเองไปติด มันต้องเป็นรหัส และที่บอกว่ารถไปบรรทุกของมีพิษจากท่าเรือ ต้องถามว่าผ่านด่านศุลกากรของท่าเรือมาได้อย่างไร และมีการว่าจ้างไปที่ไหน เช่น ไปบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จะสามารถเปิดดูได้หรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นผู้เอกซเรย์ จึงจะรู้ว่าของข้างในเป็นอะไร เรามีเพียงแค่ใบวิ่งรถเพื่อไปรับของ

และเรื่องของคดีเก็บผลไม้ป่า เป็นคดีค้ามนุษย์เป็นคดีนอกราชอาณาจักร กรมสอบสวนคดีพิเศษและอัยการสูงสุดทำหน้าที่รวมร่วมกันกับทางเจ้าหน้าที่ฟินแลนด์ ผลสรุปออกมาทั้งหมดว่าผู้ต้องหาคือใคร ซึ่งข้าราชการกระทรวงแรงงานไม่เกี่ยวข้อง ส่วนข้อกล่าวหาที่เรียกร้องไปยังป.ป.ช. ตั้งไต่สวนเรียกรับมติชี้มูลไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และคงไม่ผ่านด่านการตรวจมาเป็นรัฐมนตรี

และกราบเรียนถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สิ่งใดถ้าตนทำผิดกฎหมายขอให้ดำเนินคดีตนได้ทุกเรื่อง แต่ขออย่ากล่าวหากันลอยๆ เราลูกผู้ชายด้วยกัน เจอกันที่หน้าห้องน้ำเหตุใดจึงไม่ถาม ซึ่งสามารถพูดคุยกันได้

จากนั้นนายอนุสรณ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงขึ้นชี้แจง ว่า อย่างที่นายสุชาติบอกว่ารู้จักกัน และที่ตนอภิปรายในวันนี้ไม่ได้ไปกล่าวหาใคร ตนไม่ได้ตัดสินใคร เพียงแต่ถาม แล้วท่านก็ตอบ คำถามของตนถามจบรัฐมนตรีตอบ ก็อยู่ที่ประชาชนและสมาชิกรัฐสภาว่าจะเห็นอย่างไร ไม่มีประเด็นและต้องขอบคุณสำหรับคำตอบของรัฐมนตรีสุชาติ ยังยืนยันตนรู้จักกับนายสุชาติ และมีสโลแกนของท่านพวกกันสำคัญเสมอ เมื่อถามมาก็ตอบไปอย่างตรงไปตรงมา

นายอนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่าสำหรับประเด็นที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจง ตนเองไม่ได้ไปกล่าวหาอะไร เพียงแต่ถามว่ากรณีที่เป็นประเด็นปัญหาซึ่งมีคนจะไปร้องท่าน รวมถึงพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) ก็จะมาในประเด็นนี้ คำถามของตน ไม่ได้ถามตามลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ว่าเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ แต่ตนกำลังอภิปรายเพื่อถามไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลผู้ที่ตั้งท่าน ว่าการแต่งตั้งลักษณะนี้ ถือว่าเป็นการแต่งตั้งที่สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ จะสุจริตเป็นที่ประจักษ์ประจักษ์ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือถามท่านก็ตอบ

ส่วนประเด็นที่ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า ตนไปคุยกับท่าน ตนต้องบอกว่าการทำงานเมื่อท่านเป็นผู้ใหญ่ และดูแลงานของรัฐบาลในอดีต มี สส. มีประเด็นปัญหา ก็พูดคุยกันว่านโยบายที่รัฐบาลผลักดันเป็นอย่างไร คุยกันหลายเรื่องจริง และตนต้องขออภัยหากทำให้เข้าใจว่าจะตนย้ายไปอยู่กับท่าน เราอยู่ในสภาพูดคุยกันเรื่องงาน เรื่องนโยบาย ยืนยันในรัฐสภาแห่งนี้ว่า “อนุสรณ์เสื้อแดง ย่อมแรงฤทธิ์ ไม่เคยคิดจะโยกย้ายไปแห่งไหน อยู่ที่นี่คือพรรคดี ประชาธิปไตย อยู่เพื่อไทย เพราะหัวใจคือประชาชน”

นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิงถึงนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าท่านเป็นรัฐมนตรีมากี่กระทรวงแล้ว ไม่รู้ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญทำอะไรดีๆ ได้หลายอย่าง ไม่ได้เอาไว้แค่หาผลประโยชน์อย่างเดียว ตนแม้จะไม่เคยเป็นรัฐมนตรีสักกระทรวง แต่รู้ว่าตำแหน่งอันสูงค่านี้ ที่ท่านได้เป็นมาไม่รู้กี่กระทรวง สามารถนำไปทำอะไรที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนได้มาก

“วันนี้ท่านยังมีตำแหน่งคุ้มกะลาหัวอยู่ จะพูดอะไรท่านก็พูดไป วันหนึ่งหมดอำนาจหมดบารมีแล้ว ที่อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เยอะๆ วันหนึ่งหากมีอันเป็นไปจริงๆ เดี๋ยวจะเดือดร้อน”

ทำให้มีผู้ประท้วง เช่นเดียวกับ นายมงคล สุระสัจจะ ที่ทำหน้าที่ประธานทักท้วงอยากให้ถอนคำที่ไม่เหมาะสม อย่างคำว่าคุ้มกะลาหัว แต่นางสาวรัชนก ยืนยันจะไม่ถอนคำดังกล่าว แต่ประธานก็ยังขอร้องให้ถอนคำดังกล่าว จนที่สุดนางสาวรัชนก ก็ยอมถอนคำพูดดังกล่าว

คุณอาจสนใจ

Related News