เลือกตั้งและการเมือง

“พริษฐ์” ลั่น” ปชน. “ตั้งทีมชำแหละ “รัฐบาลอนุทิน” ยันสอบเข้มเหมือนเดิม จี้ “ภูมิใจไทย” จริงใจเดินหน้าคุย สว. หนุนแก้ รธน.

19 ก.ย. 2568

26 views

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงหน้าคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่า บทบาทของพรรคประชาชนทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเวทีแรกที่เป็นเวทีสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ คือเวทีการอภิปรายเรื่องคำแถลงนโยบาย โดยทางพรรคประชาชนมีการตั้งทีม และเตรียมผู้อภิปรายในระดับหนึ่งแล้ว แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่


1. การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญา ตามเงื่อนไข MOA และตรวจสอบกรอบเวลาการทำงานของรัฐบาลตามเงื่อนไข 4 เดือน รวมถึงรายละเอียดแก้ไขรัฐธรรมนูญ

2. เดินหน้าตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ทั้งกรณีฮั้ว สว. และที่ดินเขากระโดง ซึ่งขณะนี้มีทีมที่ถูกตั้งขึ้นมานำโดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมอภิปรายในเรื่องดังกล่าว

3. ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างโครงการคนละครึ่งที่มีการแย้มออกมาจะมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะสามารถเพิ่มการบริโภคได้จริง ไม่ใช่เป็นการย้ายการบริโภค จากร้านค้าที่อยู่นอกโครงการมาอยู่ในโครงการเท่านั้น รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 69 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง หรือตนเอง ที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประชาชน

4. ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อครม. ที่ประกาศมา และเมื่อดูจากรายชื่อแล้วก็เป็นไปตามโผ ซึ่งมีทั้งรายชื่อใหม่ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น กรณีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ในทีมหรือภายใต้การบังคับบัญชาของอดีตตำรวจท่านหนึ่งที่เป็นสว.อยู่ และถูกตั้งคำถามคดีฮั้วสว.อยู่ และมีหลายรายชื่อที่เป็นชื่อเดิม เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เรายังคงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมเรื่องคุณสมบัติ และศักยภาพในการทำงาน


เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องกัญชาหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในหมวดหมู่ที่ 2 ที่สังคมตั้งข้อครหา นอกจากเรื่องเขากระโดงกับฮั้วสว.แล้ว ก็คงจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน ทั้งจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาและคดีการเมือง ซึ่งภายหลังจากนายอนุทิน เป็นนายกฯ หลายคนมีความกังวลเพราะจะเห็นว่ามีประชาชนหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการประกันตัว รวมถึงการดำเนินคดีและจำคุกที่มีโทษสูง 10-20 ปี เป็นหลายประเด็นที่ต้องจับตาดูว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นเช่นไร


เมื่อถามว่าให้คะแนน ครม.ชุดใหม่เท่าไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเจอคำถามนี้ในฐานะสส. ฝ่ายค้าน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร จึงขอใช้มาตรฐานเดิมคือไม่ให้ตัวเลข เพราะท้ายที่สุดคนที่ให้ตัวเลขได้ดีที่สุดคือประชาชน พร้อมย้ำว่าต้องตรวจสอบนโยบายในระยะเวลา 4 เดือนว่าจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ตรงจุดหรือไม่ และมีหลายรายชื่อ ที่เราตั้งคำถามถึงความเหมาะสมอยู่ และหากเป็นรายชื่อของบุคคลเหล่านั้นก็ให้คะแนนเท่ากัน ประชาชนคิดว่าควรให้คะแนนแบบไหนในสมัยก่อน ในเวลานี้ก็น่าจะเป็นคะแนนพอ ๆ กัน


เมื่อถามถึงการวางตัวรัฐมนตรีชุดใหม่ที่สังคม กังวลและตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคดีความของพรรคแกนนำรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคประชาชน ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือตรวจสอบรัฐบาลก่อนหน้าอย่างไรก็จะตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน แบบนั้นเช่นกัน และคิดว่าให้การกระทำในช่วง 4 เดือนข้างหน้า เป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงความจริงใจของพรรคประชาชน


เมื่อถามว่า หน้าตาของครม. ชุดใหม่ ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต จะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในการไม่ปฏิบัติตาม MOA หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า MOA ไม่ได้พูดถึงเรื่องของรายละเอียดครม. เพราะเราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบ ครม.อนุทิน จะไม่น้อยไปกว่า ครม. ชุดก่อน กลไกที่ผ่านมาเราใช้กลไกของสภา ในการตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ถามสด การยื่นญัตติด่วนด้วยวาจา หรือกลไกกรรมาธิการ ไปจนถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นเรายังคงใช้มาตรฐานเดิมในการตรวจสอบการทำหน้าที่ครม.นายอนุทิน


เมื่อถามย้ำว่า การทำงานการเมืองของพรรคประชาชนในขณะนี้ไม่ได้อุ้มพรรคภูมิใจไทยอยู่ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้อุ้มใครอยู่ทั้งนั้น และความจริงแล้วตนอยากชวนให้คิดว่าเราทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือครม.ของนายอนุทิน มีเสียงในสภาน้อยกว่าครม.ชุดก่อน


ดังนั้น หากพรรคฝ่ายค้านแม้จะมีความเห็นที่ต่างกันในบางประเด็น แต่ถ้าจุดที่เรามีร่วมกันในการตรวจสอบรัฐบาล จะทำให้ฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบครม.นายอนุทินมากกว่าที่เราเคยมีในครม.ชุดก่อนด้วยซ้ำ และเรื่องของกฎหมายในสภามีการพิจารณากฎหมายหลายฉบับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาจากพรรคประชาชน หรือพรรคอื่น ที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลในเวลานี้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เรามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย


“ลองจินตนาการหาก ครม. เสนอกฎหมายอะไรมา แล้วพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยไม่เห็นชอบ กฎหมายก็จะผ่านไม่ได้ ผมเข้าใจในความรู้สึกของพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีคำถามหรือมีความเห็นต่างกับพรรคประชาชนในบางประเด็น แต่ก็อยากจะเชิญชวนด้วยความจริงใจว่าอะไรที่เห็นตรงกัน ให้มาร่วมกันตรวจสอบจะทำให้ฝ่ายค้านมีพลัง” นายพริษฐ์ กล่าว


เมื่อถามถึงเรื่องความกังวลว่าจะมีการแปลงร่างจากเสียงรัฐบาลข้างน้อย ไปเป็นเสียงข้างมากหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ลองเอาคณิตศาสตร์มากางกันดู ถ้าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย สามารถรักษาความเป็นเอกภาพของสส.พรรคตนเองได้ เอาแค่สองพรรครวมกันเป็น 280 เสียง หรือหากบวกพรรคประชาชาติอีก 10 เสียง ได้ประมาณ 290 เสียง บวกลบคูณหารแล้วรัฐบาลรวมกันได้มากสุดแค่ 210-220 เสียง


ดังนั้น ตราบใดที่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ของตนเอง ในการรักษาเอกภาพของ สส. ตนเองได้เราก็ไม่มีความกังวล เรื่องรัฐบาลเสียงข้างมากจากคณิตศาสตร์ที่เป็นอยู่ในวันนี้


เมื่อถามว่าพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับนิติสงครามมาตลอดแต่เมื่อดูรายชื่อ ครม.ชุดใหม่แล้ว ก็มีคนที่เป็นสายล่อฟ้ารวมถึงอาจจะมีการยื่นองค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนพรรคประชาชนเหมือนเดิม เราตรวจสอบรัฐบาลก่อนอย่างไร ก็จะตรวจสอบรัฐบาลนี้เช่นนั้น และเรื่องการใช้องค์กรอิสระในการตรวจสอบ ก็ยังเหมือนเดิมคือหากมีการกระทำใดที่เป็นการทุจริต เรามองว่าเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องที่มีนิยามชัดเจน สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายได้ ทั้งกลไกขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก็มีการดำเนินการมาตลอด


ย้อนไปตั้งแต่สมัยของพรรคก้าวไกล ในกรณีการตรวจสอบของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือกรณีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของสภาฯ ในกรณีของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เราก็มีการใช้กลไกองค์กรอิสระในการตรวจสอบการทุจริต แต่สิ่งที่เรามีจุดยืนแตกต่างกันออกไป คือมาตรฐานจริยธรรม เพราะเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างนิยามไม่เหมือนกัน และอาจนำไปสู่การใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจได้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เรามีมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดยืนเดิมที่เราจะใช้ในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ไม่ว่าหน้าตานายกฯ หรือครม. เป็นอย่างไร


นอกจากนี้ยังกล่าวถึงผลการประชุมเมื่อวานนี้ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมเมื่อวานนี้ (18 ก.ย. 68) ว่า มีตัวแทนจากพรรคการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และ สว. เกี่ยวกับการความคืบหน้าในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขมาตรา 256 หมวด 15/1 ซึ่งเมื่อวานพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มาร่วมประชุม ในห้องกรรมาธิการฯแต่ได้หารือนอกรอบในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร และยืนยันไทม์ไลน์เดิมว่าทั้ง 3 พรรคจะยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในสัปดาห์หน้า


โดยคาดว่าจะพิจารณาวาระ 1 ได้ต้นเดือน ตุลาคมและวาระ 2-3 ในเดือนธันวาคมพร้อมยุบสภาในเดือนมกราคม และจัดทำประชามติรอบแรกในการเลือกตั้งสส.ทั่วไป คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน และทั้ง 3 พรรคการเมืองเห็นตรงกัน 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีการตั้งกลไกที่ยึดยงกับประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วม และสองโมเดลส.ส.ร.ของทั้ง 3 พรรค ที่จะมีตัวแทนระดับพื้นที่และตัวแทนระดับประเทศ


โดยขอให้ประชาชนจับตาดูในอีก 3 ประเด็นเพิ่มเติม คือ 1. กลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด และใกล้เคียงกับการเลือกตั้งทางตรงมากที่สุด 2. วิเคราะห์บทบาทของสว. 3.โมเดลสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องไม่นำไปสู่โมเดลการกินรวบ


เมื่อถามว่า ได้ตั้งข้อสังเกตหรือมองเจตนาของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ว่าเหตุใดไม่เข้าร่วมประชุมกรรมาธิการด้วยทั้งที่อยู่ในห้องประชุมสภา นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนก็ได้สะท้อนความเห็นเรื่องนี้ไปตรงๆ กับตัวแทนของพรรคภูมิใจไทย ว่าทางที่ดีควรที่จะมาเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะจะได้เป็นการสื่อสารสองทางไม่ใช่แค่มานำเสนอแต่จะยังให้ความมั่นใจให้กับประชาชนที่จับตาเรื่องนี้อยู่ อีกทั้งจะได้รับฟังเสียงสะท้อนและตอบข้อซักถามจากฝั่งสว.


ซึ่งก็ยอมรับว่าตนก็ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมประชุม กมธ.เมื่อวานนี้ ทั้งที่ภูมิใจไทยมีคณะทำงานเรื่องนี้ หากมีการส่งบุคคลจากคณะทำงานดังกล่าวมาก็จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน แต่อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยก็ให้คำมั่นว่าจะมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า และคำถามเรื่องนี้ควรที่จะโยนไปถามพรรคภูมิใจไทยด้วย


เมื่อถามต่อว่าในฐานะที่พรรคประชาชนลงนามMOA กับพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดเจนจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มองเจตนาของพรรคภูมิใจไทยอย่างไรที่ไม่ส่งแม้แต่ตัวแทนเข้าร่วมประชุมกรรมาธิการ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องวัดที่ผลสัมฤทธิ์ ว่าสุดท้ายแล้วการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญให้จัดทำประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งหน้าตาม MOA จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ ซึ่งหากคำพูดของตัวแทนพรรคภูมิใจไทยที่ให้คำมั่นกับตนไว้ว่าสัปดาห์หน้าจะยื่นร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ยังถือว่าเป็นไปตามไทม์ไลน์อยู่ แต่หากเมื่อวานนี้พรรคภูมิใจไทยส่งตัวแทนมาร่วมก็จะเป็นเรื่องที่ดีแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและจริงใจในเรื่องนี้


เมื่อถามว่าจากการพูดคุยเบื้องต้นกับพรรคภูมิใจไทยได้มีการพูดคุยถึงรูปแบบของ ส.ส.ร.หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขอให้พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้ให้รายละเอียดหากตนพูดไปก็จะกลายเป็น ตนเป็นผู้อธิบายแทน แต่จากการพูดคุยเบื้องต้นก็มีรายละเอียดคล้ายๆ กับพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย คือมีกลไกมาเสริมของรัฐสภาและมีกลไกที่มาจากตัวแทนประชาชน ซึ่งในส่วนของพรรคประชาชนก็มองว่าสามารถทำให้โมเดลของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยดีขึ้นได้มากกว่านี้โดยพยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด และมีการทบทวนบทบาทของสว. ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงป้องกันไม่ให้มีการกินรวบหรือการผูกขาด


เมื่อถามถึงท่าทีของสว. ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นตัวแทนจากคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองของวุฒิสภา ซึ่งมีท่าทีสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้วแต่ขณะนี้ยังไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนของสว.เสียงข้างมาก ซึ่งยังไม่เคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย และในสมัยการประชุมนี้ยังไม่เคยมีการลงมติเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญเลย จึงขอเชิญชวนสว.มาร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ และเรียกร้องไปถึงพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย แกนนำรัฐบาลให้ทำงานเชิงรุกพูดคุย กับสว.เพื่อให้ได้เสียง 1 ใน 3 เห็นชอบ


ส่วนที่มีข้อเสนอว่าให้พรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทยไปพูดคุยกับสว. เพื่อให้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะเดินสายพูดคุยกับสว. ซึ่งในส่วนของพรรคประชาชนทำเต็มที่และพร้อมทำต่อไป แต่เวลานี้ตนอยากจะเรียกร้องไปยังพรรครัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ให้ทำตรงนี้เช่นกัน


เมื่อถามว่าส่วนตัวแล้วเห็นท่าทีของสว. ต่อเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรบ้างหลังจากที่พรรคภูมิใจไทยขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นสว. ออกมาแสดงความเห็นมากนัก อาจจะยังสรุปทันทีทันใดไม่ได้ แต่หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ก็คาดว่าวาระหนึ่งจะสามารถพิจารณาได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ และจุดวัดใจแรกของสว.อยู่ที่การพิจารณาวาระแรกว่าจะได้เสียง 1 ใน 3 หรือไม่ ดังนั้นพรรคภูมิใจไทยควรเร่งทำความเข้าใจกับสว.


เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสว. พรรคประชาชนยังมีความกังวลใจเรื่องเสียงสนับสนุนจากส ว. อยู่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล และมีความคิดเห็นทางการเมืองที่คล้ายกับสว.จำนวนไม่น้อย อยากเห็นพรรคภูมิใจไทยทำงานเชิงรุก ในการทำความเข้าใจกับสว.เรื่องนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ