เลือกตั้งและการเมือง

“ปอง อัญชะลี” น้อมรับทุกคำตัดสินคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึด NBT

19 ก.ย. 2568

287 views

เวลา 08:45 น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนและหนึ่งในจำเลยคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึด NBT เมื่อปี 2551 เดินทางมาถึงศาลอาญา เมื่อมาถึงก็ได้สวมกอดทักทายผู้มาให้การสนับสนุน ก่อนจะเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ไม่ว่าผลของคำพิพากษาเป็นอย่างไร ตนก็น้อมรับ ซึ่งที่ผ่านมาตนและทีมกฎหมายก็ได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่


โดยที่ผ่านมาได้แสดงพยานหลักฐานยอมรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่าทำอะไรลงไปบ้าง แต่ยืนยันเจตนาว่าทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อเป็นการต่อสู้ให้สังคมมีคุณภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการต่อสู้กับระบอบทักษิณ ไม่ใช่เป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งทุกคนก็เห็นการต่อสู้ของตนมาตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา โดยได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าตนมีเจตนา อุดมการณ์ และมีความตั้งใจอย่างไร


โดยเฉพาะในชั้นฎีกา ตนก็ยอมรับข้อเท็จจริงกับศาล และให้เหตุผลว่ากระทำไปเพื่ออะไร โดยไม่ได้เขียนฎีกาที่ยืดยาวมากหรือโต้แย้งอะไร เพียงแต่ขอความเมตตาจากศาลฎีกาว่า เรายอมรับข้อเท็จจริงด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้กระทำไปเพื่อผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ทุกอย่างทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง


ทั้งนี้ ตนเองก็ได้เตรียมใจในทุกผลของคำพิพากษา หากเป็นคนในเชิงบวก ตนก็ได้กลับบ้านแล้วก็กลับไปทำหน้าที่สื่อมวลชนดั้งเดิม แต่หากผลออกมาในเชิงลบ ก็แค่จำคุก 1 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาตนก็กลับมาทำหน้าที่สื่อมวลชนเช่นเดิมและยังต่อสู้เพื่อบ้านเมืองต่อไป ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงตนได้ แต่ทั้งนี้ ตนก็ได้ศึกษาวิถีการใช้ชีวิตหากต้องโทษจำคุกจริง ๆ รวมทั้งได้เคลียร์งานและพบแพทย์ตรวจสุขภาพเตรียมเอาไว้แล้ว


น.ส.อัญชลี ระบุอีกว่า ตนไม่คิดท้อต่อความเชื่อมั่นที่จะช่วยประเทศชาติ ยืนยันว่าทุกอย่างทําไปภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ยอมรับว่าอาจมีบ้างล้ำเส้นไปบ้าง


ทั้งนี้ ตนยังมีกำลังใจที่ดีมาก กำลังใจจากพี่น้องประชาชนเต็มโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ส่วนตัวก็กินอิ่มนอนหลับมาตลอดหนึ่งเดือน เมื่อรับทราบนัดฟังคําพิพากษา ก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนกรณีที่มีโลกออนไลน์ออกมาเปรียบเทียบตนกับนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ตนได้เห็นแล้ว ยอมรับว่าถูกต้อง เพราะกว่าที่เราจะลากนายทักษิณเข้าเรือนจำได้นั้นก็ยากลําบากลําบน


สำหรับในวันนี้ จะมีเพียงแค่จำเลย 3 คนเดินทางมาฟังคำพิพากษา เพราะนายภูวดล ทรงประเสริฐ จำเลยอีกหนึ่งรายป่วยติดเตียงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ขอให้ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาแต่อย่างใด เพราะเราต้องทำตามกระบวนการของศาล เพียงแต่ได้เตรียมเอกสารพยานหลักฐานและภาพถ่ายทุกอย่างมายืนยันกับศาลว่านายภูวดลไม่สามารถเดินทางมาที่ศาลได้จริง


ส่วนมองว่าผลการตัดสินในวันนี้จะส่งผลต่อการต่อสู้ทางการเมืองหรือไม่ น.ส.อัญชลี ตอบว่า "ไม่เลย" เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง ตนเป็นภาคประชาชน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบหรือกระเทือนต่อจิตใจ อย่างไรก็ตามตนยังคิดเหมือนเดิมและจะทําต่อไป ไม่ว่าจะติดคุกหรือไม่ ขอยืนยันว่า หากผลตัดสินออกมาทางลบ ก็จะไม่เป็นอุปสรรค เพราะตนอยากให้บ้านเมืองนั้นดี อยากให้ทุกคนอยู่ในสังคมที่มีคุณภาพ สิ่งที่ทํามาตลอด 20 ปี ตนไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์หรือตําแหน่งอะไรเลย ทุกครั้งที่ออกจากการเคลื่อนไหว พอเสร็จสิ้นตนก็กลับมาทํางานสื่อเหมือนเดิม


ฉะนั้นคําพิพากษาไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ผิดก็คือผิด เมื่อเราได้ออกมาแล้ว หากการเมืองไม่ดีเราก็จะทําอีก ไม่มีอะไรสามารถปิดกั้นและขัดขวางตนได้ และเชื่อว่าผลคําพิพากษาวันนี้จะไม่มีผลต่อมวลชน เพราะเราไม่เคยปลุกระดมหรือปลุกเร้าผู้คน เพียงแต่บอกความจริงให้กับประชาชนด้วยตัวของตัวเอง เช่นวันนี้ทั้งญาติและเพื่อนต้องการที่จะเดินทางมา ตนก็ไม่ให้มา ยืนยันว่าจะมาที่นี่เพียงคนเดียว ถ้าได้กลับบ้านก็จะกลับด้วยกัน แต่ถ้าไม่ได้กลับก็ค่อยมาเยี่ยม


ทั้งนี้ ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษา น.ส.อัญชะลี ได้หันมาโบกไม้โบกมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและชูสองนิ้วทักทายมวลชน โดยมวลชนก็ได้ตะโกนส่งเสียงกำลังใจว่า “เจ๊ปองสู้ ๆ” “ขอให้โชคดี”

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ