เลือกตั้งและการเมือง
คปท. นัดชุมนุมใหญ่ 31 ส.ค. ย้ำ 6 ข้อเรียกร้อง "ไม่เอาแคนดิเดต พท. ยกเลิก MOU43-44 ห้ามแก้ รธน.
30 ส.ค. 2568
219 views
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ส.ค. 68 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กทม. “คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” (คปท.) นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. และนายพิชิต ไชยมงคล พร้อมแกนนำภาคีภาคประชาชน ร่วมแถลงข่าวถึงท่าทีและจุดยืนทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้การเมืองไทยเข้าสู่ช่วง เปลี่ยนผ่านอำนาจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการต่อรองระหว่างพรรคการเมือง
นายจตุพร กล่าวว่า การพ้นตำแหน่งของ น.ส.แพทองธาร ไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน แต่เป็นเพียงการเปลี่ยนหน้า หากยังคงให้พรรคเพื่อไทย ส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป ย่อมไม่ต่างอะไรจากการสืบทอดอำนาจของกลุ่มการเมืองเดิม และจะนำไปสู่การถูกต่อต้านจากสังคม พร้อมย้ำว่า แคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ ต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทยโดยเด็ดขาด เพื่อแสดงพลังและส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมือง คปท.จึงประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (31 สิงหาคม) เวลา 12.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
โดย นายจตุพร ยอมรับว่า แม้หลายฝ่ายกังวลว่ามวลชนอาจมาน้อย แต่จำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหวทันที เพราะถูกบีบด้วยกรอบเวลา เนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมพิเศษ 3 วัน ติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 3–5 กันยายน 2568 เพื่อหารือทิศทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกันในวันที่ 9 กันยายนนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีชั้น 14 ซึ่งถูกจับตาว่าอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพการเมือง
นายจตุพร ยังเปิดเผยข้อเสนอ 6 เงื่อนไข ที่ คปท.ต้องการให้รัฐบาลใหม่ยึดถือ ได้แก่
1.แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องไม่ใช่บุคคลที่มาจากพรรคเพื่อไทย
2.หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้อง หมวด 1 และหมวด 2
3.ต้องยกเลิก MOU 43,44 ที่ลงนามกับกัมพูชา
4.ยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ จาก 30 ปี เป็น 99 ปี
5.ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่อนุญาตให้มีกาสิโน
6.ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน
พร้อมย้ำว่า ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองใด แต่เป็นอำนาจต่อรองของประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลใหม่เดินซ้ำรอยเดิม และสร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า แม้หลายฝ่ายอาจยังลังเลที่จะออกมาร่วมชุมนุม แต่หากรอให้การเมืองเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีเสียงประชาชน วันข้างหน้าจะยิ่งแก้ไขยากและต้องเหนื่อยกว่าหลายเท่า จึงขอให้ประชาชนจากทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มาร่วมกันแสดงพลัง เพื่อให้พรรคการเมืองตระหนักว่าประชาชนคือผู้มีสิทธิขีดเส้นทางการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียว
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงปัญหาความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา โดยเตือนว่า หากรัฐบาลกับกองทัพไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน สถานการณ์ชายแดนก็จะไม่มีวันยุติ และจะสร้างปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยย้ำว่า ประชาชนต้องลุกขึ้นมาเป็นตัวแปรหลัก เพราะชัยชนะในวันนี้ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะนักการเมืองล้มเหลวในการทำหน้าที่ ปล่อยให้ประเทศตกอยู่ในวังวนคอร์รัปชันและผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยเปรียบเทียบว่า “สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในวันนี้ เสมือนไทยไม่มีรัฐบาล ต้องพึ่งพากองทัพมากกว่าฝ่ายการเมือง
ด้าน นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวเสริมว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้เก้าอี้นายกฯ ว่างลง เปรียบเสมือน “การเตะหมูเข้าปากสุนัข” เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ยังยืนยันจะเดินหน้ารับข้อเสนอของพรรคประชาชน ในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ และเป็นสิ่งที่ภาคประชาชนไม่อาจยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม การนัดชุมนุมวันที่ 31 สิงหาคมนี้ จึงถูกมองว่าเป็นเดิมพันสูงของกลุ่ม คปท. และภาคประชาชน เนื่องจากจะเกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพียงไม่กี่วัน และในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังจับตาเส้นทางการเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คปท. ประกาศชัดว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้คือ สารถึงพรรคการเมืองทั้งหลายว่า ประชาชนจะไม่ยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตจำนงของประชาชนอีกต่อไป และการส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย จะนำไปสู่การเผชิญหน้าทางการเมืองครั้งใหม่ พร้อมขอเชิญชวนให้ออกมารวมตัวกันตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ (31 ส.ค.) ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการเมืองไทย
แท็กที่เกี่ยวข้อง กลุ่มคปท. ,Mou43-44 ,แก้รัฐธรรมนูญ