คนเสื้อแดงทยอยมารวมตัวที่พรรคเพื่อไทย ให้กำลังใจ ชูแอกให้กำลังใจ “แพทองธาร”

จากกรณีที่วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จากประเด็นคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขึ้นศาลจะนั่งอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 15:00


สำหรับบรรยากาศที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต เริ่มมีกลุ่มมวลชนผู้สนับสนุนและแฟนคลับพรรคเพื่อไทย พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดงสกรีนข้อความนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 และรูปของ น.ส.แพทองธาร โดยทางพรรคได้จัดให้มวลชนรวมตัวกันที่บริเวณโรงอาหารของพรรค ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดรองรับสื่อมวลชนที่มาปักหลักทำข่าวด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ติดตั้งจอโทรทัศน์ เพื่อรอถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเวลา 15:00


ทีมข่าวช่อง 3 ได้พูดคุยกับตัวแทนมวลชน เป็นศิลปินชาวอีสาน 2 คน นามแฝงว่า "เพชรประกายแสงและนางสไนเปอร์" ในนามกลุ่มศิลปินปลดแอกประเทศไทย โดยทั้งคู่สวมเสื้อและผ้าโพกหัวสีแดง พร้อมได้นำแอกซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับไถนามาชูให้กำลังใจ น.ส.แพทองธารด้วย


โดยระบุว่า ได้เดินทางมาจาก จ.เลยตั้งแต่ 2 วันที่แล้วและตั้งใจปักหลักเพื่อมาให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร โดยเฉพาะ พร้อมระบุว่าที่นำแอกมาด้วยนั้น เพื่อสื่อนัยยะให้เห็นว่า หากวันนี้ผลของคำวินิจฉัยเป็นคุณ จะทำให้ น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามเดิมและจะสามารถบริหารประเทศ โดยพวกตนเชื่อมั่นว่า การบริหารของ น.ส.แพทองธาร จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นและเกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ เสมือนเป็นการปลดแอก ประเทศไทย


โดยไม่ว่าวันนี้ผลของคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร พวกตนก็พร้อมที่จะให้กำลังใจและยืนเคียงข้าง น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทย เพราะพวกตนนั้นมีอุดมการณ์ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ปี 2551 แล้ว


ทั้งนี้มีรายงานกำหนดการของ สส.พรรคเพื่อไทยว่า จะทยอยเดินทางมาที่ทำการพรรค เพื่อติดตามฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเวลา 14:00 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้กำหนดจะรวมตัวเดินทางเข้าให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ได้เปลี่ยนแปลงมารวมตัวกันที่ทำการพรรคเพื่อไทยแทน


พร้อมกันนี้มีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลช่วง 14.00 น. เพื่อรอลุ้นผลคำวินิจฉัยศาลธรรมนูญและจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ก่อนจะเดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อเข้ามาทักทายกับบรรดา สส. และมวลชนที่ให้กำลังใจต่อไป