“จุลพันธ์” เผย คลังยังสอบตั๋ว PN นายกฯ หลัง “วิโรจน์” โวย ยื่นสรรพากรไป 5 เดือน เรื่องยังเงียบ

“จุลพันธ์” รมว.คลัง เผย คลัง ยังเดินหน้าสืบหาข้อเท็จจริงกรณีตั๋ว PN นายกฯ หลัง “วิโรจน์” โวย ยื่นสรรพากรไป 5 เดือนยังเงียบ พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย รวมถึงคดีอดีตพรรคก้าวไกล โอนเงินหนุนม็อบด้วย หวังไม่ใช้เครื่องมือกลไกของรัฐไปทำลายทางการเมือง

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตอบกระทู้ถามสดของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ตั้งถามความคืบหน้าการตรวจสอบตั๋วสัญญาการใช้เงิน (Promissory Note) หรือ ตั๋ว PN ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการซื้อขายหุ้น หลังการอภิปราย และยื่นเรื่องต่อกรมสรรพากรกว่า 5 เดือนแล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้าว่า กรมสรรพากร ไม่ได้นิ่งนอนใจ และดำเนินการตามข้อร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 28 มีนาคม 2568 มีหนังสือมาถึงกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบ

ซึ่งได้มีการดำเนินการพิจารณาว่า มีมูลหรือไม่ เพราะเมื่อกรมสรรพากรได้รับเรื่องร้องเรียนมานั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอ จึงต้องหาข้อมูลจากทั้งภายใน เช่น แบบแสดงภาษีบุคคล และหน่วยงานภายนอก ทั้งการยื่นบัญชีทรัพย์สิน, บัญชีผู้ถือหุ้นของบริษัท จนได้ข้อมูลครบถ้วน และขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นต่อไปในการสืบหาข้อเท็จจริง ซึ่งมีการเชิญ 7 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้น ทั้งผู้ทำธุรกรรม และผู้รับโอนหุ้น เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง และนำไปดำเนินการตามกฎหมาย แต่ยังไม่เสร็จสิ้น และต้องดำเนินการตามกรอบเวลาอย่างถูกต้อง และไม่สามารถเร่งรัดคดีได้ เพราะคดีเรื่องภาษีไม่ได้มีเพียงคดีของนางสาวแพทองธาร

แต่ยังมีคดีของภาคเอกชน รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งกรมสรรพากร ก็ต้องดำเนินการ และยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เช่น การโอนเงินเพื่อสนับสนุนการชุมนุมทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับพรรคพวกคุณ ซึ่ง 4 ปีแล้ว ก็ยังคงดำเนินการอยู่ และก็ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ไม่ได้เร่งรัด แต่ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน เพราะถือว่า เป็นการให้คุณให้โทษประชาชนได้ จึงดำเนินการกับทุกฝ่าย ทั้งประชาชน ผู้ร้อง ผู้ถูกร้องอย่างเท่าเทียม เป็นไปตามขั้นตอน ไม่ใช้เครื่องมือกลไกของรัฐไปทำลายทางการเมือง

ส่วนหลังการเชิญ 7 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้น เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงแล้วเสร็จแล้วนั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า จะเป็นการสืบสวน สอบสวน และเชิญนางสาวแพทองธาร รวมถึงญาติพี่น้อง มาซักถามข้อเท็จจริง ซึ่งกระบวนการ ยังมีเวลาดำเนินการต่อไป และไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะแล้วเสร็จเมื่อไร เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว กรมสรรพากร ก็จะวินิจฉัยว่า ข้อร้องเรียนมีมูลหรือไม่ หากไม่มีมูลก็ตกไป หากมีมูล ก็ส่งคณะกรรมการวินิจฉัย

ส่วนเหตุใดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการวินิจฉัยให้ครบถ้วนนั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า กรรมการวินิจฉัย เริ่มมีขึ้นในราวปี 2520 และมีคดีที่ต้องเข้าคณะกรรมการฯ เพียง 42 รายการ ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2563 ฉะนั้น จึงไม่มีความเร่งด่วน และหากมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เมื่อถึงเวลาที่กรมสรรพากร พิจารณามีมูลเพียงพอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็สามารถเร่งรัดตั้งคณะกรรมการฯ ให้ครบองค์ประกอบได้ และก็ไม่ได้มีระเบียบใดบังคับให้จะต้องมีคณะกรรมการฯ ครบถ้วนตลอดเวลา

ขณะที่ นายวิโรจน์ ได้กล่าวถึงกรณีนายจุลพันธ์ ระบุไม่สามารถยืนยันช่วงเวลาการพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจว่า จะประเมินช่วงเวลาแล้วเสร็จอย่างช้าที่สุดว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งการทำงานแบบไม่มีกำหนดแล้วเสร็จ เป็นการบริหารที่ใช้ไม่ได้ และยังเตือนทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการ และอธิบดีกรมสรรพากร อาจจะซ้ำร้อยกับนางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตอธิบดีกรมสรรพากรได้ พร้อมยังแนะนำกรณีที่กรมสรรพากร ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณากรณีที่มีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมของตั๋ว PN ทั้งระบบว่า ควรจะเชิญให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นเสมียนประจำคณะกรรมการ เพราะมั่นใจว่า นายทักษิณ ใช้ตั๋ว PN คล่องที่สุด

ด้าน นายจุลพันธ์ ย้ำทิ้งท้ายว่า กรมสรรพากร ไม่ได้นิ่งนอนใจ และตนเองก็พร้อมรับผิดชอบ และได้สั่งการให้อธิบดีกรมสรรพากร ได้เร่งดำเนินการ ไม่ว่าตนจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็พร้อมดำเนินการ ไม่มีการละเว้น หรือชะลอเรื่อง แต่จะต้องดำเนินการตามบทกฎหมาย เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีกรณีพิเศษที่เกิดขึ้นกับนางสาวแพทองธาร และในกรณีดังกล่าวในลักษณะนี้ เกิดขึ้นมากกว่า 1 กรณีในการใช้ตั๋ว PN และตามกฎหมายประมวลแพ่ง-พาณิชย์ มาตรา 983 ได้กำหนดการใช้ตั๋ว PN จะกำหนดวัน-เวลาในการชำระหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย