เลือกตั้งและการเมือง

"ไชยา" ขอโทษสั่งปิดประชุมสภา ไม่รู้จ่อเสนอญัตติ MOU 43-44 ยันไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง

23 ส.ค. 2568

85 views

นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวชี้แจงกรณีที่ชิงปิดประชุมก่อนพิจารณาญัตติ MOU 2543-2544  ยืนยัน ได้รับการประสานงานว่า หลังกระทู้เสร็จให้เข้าวาระรับทราบรายงานของหน่วยงาน 4-5 หน่วยงาน แต่วันนั้นมีเพียงหน่วยงานเดียว ที่มีความพร้อมคือกองทุนสื่อสร้างสรรค์ จากนั้นได้รับประสานอีกว่า หากไม่มีอะไรแล้วให้ปิดการประชุม เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกเสียใจ ที่ถูกมองเป็นคนปิดประชุม เพื่อหนีปัญหา ทั้งที่การตกลงเป็นการพูดคุยกันระหว่างมีฝ่ายค้านและมีฝ่ายรัฐบาล ที่ต้องพูดคุยกันให้จบ


และตนเองเพิ่งทราบจากการสัมภาษณ์ของฝ่ายค้าน ว่า จะมีการเสนอญัตติด้วยวาจา แต่ในฐานะที่เป็นประธานไม่รับทราบเลย เพราะการประสานงานกัน คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่มีสิทธิ์รับรู้เลย แต่ก็เห็นประธานวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลเดินพูดคุยกันอยู่บ่อยครั้ง และก็รอสัญญาณอยู่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่กลับไม่ได้รับการประสานงานมา จึงคิดว่าไม่มีวาระอะไรต่อไปแล้ว จึงสั่งปิดประชุมตามข้อตกลงเดิม โดยยืนยันได้ว่าไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง


นายไชยา ยังกล่าวถึงการรับยื่นหนังสือของกลุ่มผู้ชุมนุม ในเนื้อหาสาระต้องการให้สมาชิกรัฐสภา เสนอไปญัตติในการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ซึ่งขั้นตอนนั้นยังไม่เกิดขึ้น ต้องให้พรรคการเมืองแต่ละพรรค เป็นผู้เสนอเข้ามา ทำให้ตนเองไม่ทราบว่า จะมีการพิจารณาในวันนี้ดังกล่าว ก่อนจะย้ำว่า ที่สั่งปิดประชุมไปเป็นการผิดพลาดในการสื่อสาร หากทำไม่ให้สังคมไม่สบายใจก็ขอโทษ


แต่หลังจากนี้อยากจะเรียกร้อง ว่า งานสภาไม่สามารถราบรื่นได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือ ไม่อยากให้สมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลใช้กลไกสภา มองเรื่องการเมืองมากเกินไป อยากให้เวทีสภาเป็นเวทีของการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ตรงไหนที่เป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ น่าจะถอยคนละก้าว เพื่อผลักดันให้งานสภาเดินไปได้ นี่คือความตั้งใจที่อยากเห็น ไม่อยากเห็นความขัดแย้ง และบรรยากาศฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เป็นเวทีของการแก้ไขปัญหา นี่เป็นเรื่องใหญ่ และมองว่าทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน


ส่วนการปิดประชุมครั้งก่อน ๆ ถือเป็นเรื่องของเสียงปริ่มน้ำหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า การประชุมจะราบรื่นหรือไม่ วิป 2 ฝ่ายต้องคุยกัน เพราะการประชุมไม่ใช่เรื่องของวิปฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แน่นอนว่าองค์ประชุมเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายรัฐบาล แต่อยากให้มองว่ากฎหมายอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่อยากให้มองเป็นกฎหมายของรัฐบาลฝ่ายเดียว เพราะกฎหมายที่ออกมาไม่ได้ถูกบังคับใช้เฉพาะฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน แต่บังคับใช้กับประชาชนทุกคน


ดังนั้น อะไรที่เป็นประโยชน์และสามารถขับเคลื่อนประเทศได้ ก็ขอความร่วมมือฝ่ายค้านด้วย แต่ก็ยอมรับว่า ในเรื่องของเกมการเมืองฝ่ายค้านรัฐบาลก็เป็นแบบนี้มาทุกยุคทุกสมัย แต่สำหรับเวทีนิติบัญญัติอยากจะให้เป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาจริงๆ


"ที่ผ่านมาอาจจะมีความไม่สบายใจ ทำให้ไม่ถูกใจ ที่ผมปิดประชุมแล้วหนีไป ความรู้สึกแบบนี้มันมีผมก็ต้องขอโทษ แต่ก็อยากเรียกร้องไปยัง 2 ฝ่ายให้คุยกัน อันไหนที่ยืดหยุ่นได้ถ้อยทีถ้อยอาศัยได้ เดินกันคนละก้าวได้หรือไม่ อย่างที่ตนรับทราบมาญัตติ MOU คุยกัน 5 รอบก็ไม่จบ เพราะฉะนั้นบนบัลลังก์ จึงไม่มีสิทธิ์รับรู้เลยว่าเจรจาอะไรกันจบหรือไม่ รู้เพียงว่าฝ่ายหนึ่งอยากให้ตั้งกรรมาธิการอีกฝ่ายหนึ่งไม่อยากให้ตั้งกรรมาธิการ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อสรุปก็ไม่สามารถประชุมต่อได้"


เมื่อถามว่าจะเป็นการชิงปิดประชุมไปเรื่อยๆในลักษณะนี้ท่ามกลางเสียงปริ่มน้ำใช่หรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ไม่ ความรับผิดชอบต้องเป็นของวิปรัฐบาล ต้องทำงานเป็นกติกาอยู่แล้ว ว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบเสียงของรัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นอย่าได้มากล่าวว่าสภา


"ผมไม่ได้เป็นเครื่องมือใครถึงแม้จะมาจากพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่วันที่มานั่งเป็นประธานด้วยความสำนึกในหน้าที่ ว่าถ้าหาก เราทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เราก็จะถูกตำหนิจากสมาชิก เพราะฉะนั้นคนที่มอนิเตอร์ผมไม่ใช่ฝ่ายค้านแต่เป็นประชาชน เพราะฉะนั้นถ้าหากผมดำเนินการอะไรไปที่ไม่เป็นกลาง ผมก็จะถูกตำหนิ เครดิตทางการเมืองก็จะเสียหาย และต้องเข้มงวดเรื่องของเสียงให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาแบบนี้"

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ