เลือกตั้งและการเมือง

“โรม” ขออภัย “สหัสวัต” จวกกองทัพ ยัน ปชน. หนุนทหาร ป้องประเทศ จี้รัฐบาลเชิญทูต 3 ประเทศหารือ “กัมพูชา” ละเมิด

30 ก.ค. 2568

53 views

“รังสิมันต์ โรม” ขออภัย ปม “สส.สหัสวัต” โพสต์ดุเดือดจวกกองทัพ เตรียมเรียกทำความเข้าใจ ลั่น จุดยืน พรรคประชาชนสนับสนุนทหารปกป้องประเทศและประชาชน แต่เรื่องที่แย่ต้องปรับปรุงดักคอคนฉวยโอกาสหนุนทหารยึดอำนาจ ชี้เป็นการละเมิดกฎหมาย พร้อมรัฐบาลเชิญทูต 3 ประเทศหารือ หลัง “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ การนำเสนอข้อมูลข่าวสาร “รัฐบาล” ช้ากว่าทุกองคาพยพ บอกมีเวลามากกว่าชาวเน็ต แนะ ลุยปราบคอลเซ็นเตอร์ หวั่นถูกใช้เป็นเครื่องมือ บั่นทอนประเทศไทยให้อ่อนแอลง

30 ก.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นดุเดือดต่อกองทัพ กรณีไทย - กัมพูชา ว่าพรรคได้มีการตักเตือน และคงมีการพูดคุยทำความเข้าใจกับนายสหัสวัตต่อไป เรื่องนี้เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งนายสหัสวัตได้แสดงสปิริตแล้ว เราไม่ได้อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่เข้าใจว่านายสหัสวัตมีความคิดของตนเอง พยายามใช้พื้นที่ส่วนตัวอย่างเฟซบุ๊กแสดงความเห็น แต่คิดว่าคงมีคนทักไปหลังจากโพสต์แล้ว ซึ่งเป็นไปตามรายละเอียดหลังจากปรากฎเป็นข่าว ว่าพรรคได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้างแล้ว

เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรคประชาชนยังคงสนับสนุนให้กองทัพทำงานในขณะนี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้ในช่วงที่มีการปะทะกันโดยใช้อาวุธ เราต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต้องสนับสนุนกันและกัน เหมือนกับที่หลายคนถามจุดยืนของเราต่อกองทัพเป็นอย่างไร ซึ่งในการปกป้องประเทศชาติเราต้องสนับสนุน แต่เราไม่เคยสนับสนุนให้กองทัพมายึดครองประเทศ ดังนั้น ใครก็ตามที่ฉวยจังหวะนี้ในการบอกกับกองทัพว่า นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมต้องมีหัวหน้าคณะรัฐประหาร หรือยุครัฐประหารดีกว่า ตนต้องบอกว่าขอประทานโทษ เพราะคนที่เรียกร้องให้กองทัพทำรัฐประหาร การเรียกร้องให้ทหารปกครองประเทศ ถือเป็นการเรียกร้องให้ทหารทำผิดวินัย ละเมิดกฎหมาย เพระทหารในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศยามศึกสงคราม ตนคิดว่าเราไม่ควรไปเรียกร้องเขาให้ละเมิดกฎหมาย เขาควรปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นเหมือนกับประเทศอื่นๆทั่วโลก

“จุดยืนของพรรคประชาชนไม่เคยเปลี่ยน อะไรที่ถูกต้องที่ดี เราก็ว่าดี อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงก็ต้องดำเนินการ ยกตัวอย่าง แม้วันนี่พรรคประชาชนจะสนับสนุนให้กองทัพปกป้องประชาชน แต่ปัญหาอื่นๆ เช่น การขึ้นศาลทหารซึ่งหลายครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เราก็ต้องเรียกอย่าง อย่าเอาทุกเรื่องมารวมกัน แต่ต้องมองเป็นกรณีไปใช้เหตุใช้ผล ไม่มีอะไรดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรือแย่ร้อยเปอร์เซ็นต์” นายรังสิมันต์ กล่าว

ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความสมเหตุสมผล ของการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า การหยุดยิงและการเจรจา ประเทศไทยปฏิเสธไม่ได้ เพราะจำเป็นจะต้องอาศัยความชอบธรรมในเวทีโลกกับการปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาอย่างมาก ดังนั้น การที่ประเทศไทยไปตกลง ก็มีความจำเป็น ด้านหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตของทหาร ตนเองได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ก็พบว่าชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ แม้จะมีการเตรียมความพร้อมซักซ้อมตลอดเวลา แต่พอถึงเหตุการณ์จริง ต้องยอมรับว่ามีคนเดือดร้อน และหากดูต่อก็จะพบว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งการละเมิดนี้ก็มีความสำคัญ ประเทศไทยจำเป็นจะต้องรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอต่อมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนหรือชาติต่างๆ

“กัมพูชาพยายามบอกประเทศต่างๆว่าประเทศไทยละเมิดการหยุดยิง เขาพยายามเอาทูตไปดูพื้นที่ ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดต้องทำให้โลกเห็นว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดการหยุดยิงก่อน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความชอบธรรมในเรื่องนี้ต่อไป ถ้าเกิดทำให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทย ไม่ได้รังแกกัมพูชา”

เมื่อถามว่า ตอนนี้ไทยตอบโต้เรื่องข้อมูลข่าวสารน้อย ทำให้อาจจะเสียเปรียบกัมพูชาด้านนี้ข้อมูลข้าวสาร นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ที่สำคัญคือข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รวมถึงต้องมีคนกลาง เนื่องจากการที่ไทยกับกัมพูชารบกันประเทศต่างๆเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าใครยิงก่อน ไม่มีทาง ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถรวบรวมข้อมูลให้เห็นพฤติกรรมของกัมพูชา ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ก็จะเป็นผลดีกับประเทศไทย เพราะกัมพูชาพยายามทำลายความชอบธรรมของประเทศไทย เพื่อพาไทยไปสู่ศาลโลก ซึ่งหากใครต้องการย้ำว่าการพูดคุย ผ่านกลไกทวิภาคีหรือหารือทั้ง 2 ประเทศมีประสิทธิภาพ ก็ต้องแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่ากัมพูชา ต้องการละเมิดข้อตกลง เพื่อยึดเป้าหมายของตัวเองเป็นที่ตั้ง สิ่งนี้โลกต้องรู้ แต่เราต้องยอมรับว่าประเทศไทย ในเรื่องการสื่อสาร ต้องทำให้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเราจะพลาดท่าเสียทีกัมพูชาได้

ส่วนที่มีการปะทะกัน เมื่อคืนนี้แต่รัฐบาลออกมาสื่อสารล่าช้า นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่า รัฐบาลช้ากว่าทุกองคาพยพ หลายเก้า สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะสถานการณ์มันไปเร็ว รัฐบาลควรจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นที่แนวหน้า รัฐบาลน่าจะมีเวลากว่าชาวเน็ต คนที่เล่นโซเชียลด้วยซ้ำ สิ่งที่คนต้องการจะทราบคือกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รัฐบาลจะเดินอย่างไร คิดว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สังคมอยากรู้ หากรัฐบาลตอบไม่ได้หรือช้าไป คนไทยก็จะจินตนาการต่างๆนานา เพราะผสมมาจากความไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มีอยู่เดิมแล้ว ดังนั้น ต้องปรับการสื่อสารให้เร็ว ทันต่อสถานการณ์ เข้าใจว่า War room 24 ชั่วโมงคงจะมี แต่ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้

"สิ่งที่ควรจะลุกต่อหลังจากหยุดยิงแล้ว คือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นห่วงว่าเครื่องไม้เครื่องมือคอลเซ็นเตอร์ จะถูกกัมพูชาใช้อาวุธนี้ มาทำอะไรต่อ เพื่อบันทอนเสถียรภาพของประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าประเทศไทยจะเอาอย่างไร จึงอยากเสนอรัฐบาล ควรใช้จังหวะนี้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลังจากที่เงียบไป ก่อนหน้านี้ฮึ่มๆว่าจะทำ แต่สุดท้ายก็เงียบไป"

นายรังสิมันต์ ยังกังวลด้วยว่า คอลเซ็นเตอร์ คาดว่าฝั่งกัมพูชาคงใช้อย่างเต็มที่ จะถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการข่าวสาร เพราะหนึ่งในเครื่องในเครื่องมือที่สำคัญ คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากเพิกเฉยในเรื่องนี้นอกจากเป็นการปล่อยให้อาชญากรข้ามชาติปล่อยลอยนวล นอกจากเป็นการหลอกคนไทยแล้ว ยังบั่นทอนประเทศไทยให้อ่อนแอลง ดังนั้น ประเทศต้องจัดการ ไม่ต้องมองว่าเป็นการต่อสู้แบบรัฐต่อรัฐ แค่มองว่าแก๊งอาชญากรเหล่านี้ก่อคดีอาญาเราก็สามารถปราบปรามได้

เมื่อถามว่ากองกำลัง BHQ ที่ถูกส่งมาจากกรุงพนมเปญน่ากังวลหรือไม่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า คงไม่ได้ลงรายละเอียดในเรื่องนั้น เชื่อว่าประเทศไทยน่าจะพร้อมรับมือทุกรูปแบบ เพียงแต่ว่าประเทศไทยวันนี้ต้องแสดงให้เห็นในเวทีโลกว่าไม่ต้องการสงคราม แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายต้องการสงคราม ประเทศไทยทำแค่ปกป้องชีวิตคนไทย แต่กัมพูชาใช้อาวุธลุกล้ำอำนาจอธิปไตย รวมถึงโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ประเทศไทยต้องมองในมิตินี้

เมื่อถามว่าในการพูด RBCและGBC ควรจะเรียกร้องให้มีการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่หรือไม่นายรังสิมันต์โรม กล่าวว่า คงไม่ลงรายละเอียดถึงขนาดนั้น ต้องคุยกับฝ่ายความมั่นคง เพราะการที่จะพูดคุยในขั้นตอนต่อๆไป ต้องคุยให้รอบด้าน เอาเป็นว่าเบื้องต้นหยุดยิงให้ได้ก่อน ถ้ากัมพูชาไม่ทำก็ต้องมีการพูดคุยกับมาเลเซียสหรัฐอเมริกาและจีน วันนี้รัฐบาลควรจะเชิญพูดอเมริกาหรือจีนรวมถึงมาเลเซีย มาพูดคุย ว่าสถานการณ์แบบนี้มีความเห็นอย่างไร เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรขยับ มิเช่นการที่มีการพูดคุยกันทำพิธีกรรมที่มาเลเซียก็เปล่าประโยชน์ และการส่งหนังสือประณามก็ไม่เพียงพอ แต่ต้องเชิญทูตแต่ละประเทศมาหารือ

คุณอาจสนใจ

Related News