เลือกตั้งและการเมือง
“ภูมิธรรม” เผย นายกฯอันวาร์ ยกหูเสนอขอเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง “ไทย” พร้อมรับหลักการ แต่ “กัมพูชา” ต้องแสดงความชัดเจน
25 ก.ค. 2568
98 views
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงกรณีที่ นาย อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนได้ยกหูโทรศัพท์หาตนในเวลา 18:00 น. เมื่อวานนี้ นั้นเพื่อพูดคุยกับตนและ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อาสาเป็นคนกลางเจรจาให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงหรือปะทะกันว่า เมื่อวานนี้นายอันวาร์ ได้โทรศัพท์มาหาตนและพูดคุยกัน ตามที่นายอันวาร์โพสต์ ในฐานะประธานอาเซียน
โดยท่านพยายามที่จะเป็นคนกลางหา ทางแก้ไขปัญหา โดยได้คุยกันในหลักการซึ่งนายอันวาร์เห็นว่า ควรจะหาทางยุติการที่จะปะทะและเผชิญหน้ากันก่อนด้วยหลักการ ซึ่งเราไม่ได้ขัดข้องอะไร การจะให้หยุดยิงเมื่อไหร่ขอให้แสดงความชัดเจน เพราะเราได้พยายามทำสิ่งนี้มาตลอด แต่ไม่เกิดผล สิ่งที่เกิดขึ้นก็มีการยิงเข้ามาในประเทศไทย ในเขตแดนเรา และเช้าวันที่เกิดเหตุ เรามีการประกาศไม่ให้ขึ้นปราสาทตาเมืองธม เพราะมีการตกลงกันแล้วว่าห้ามขึ้น แต่ฝั่งกัมพูชาเขาขึ้นมาพร้อมอาวุธ ซึ่งสถานการณ์ตรงนี้เราต้องการความชัดเจน ความจริงใจ
ที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้น คือฝั่งทหารกัมพูชายั่วยุ และไม่มีวินัยเท่าไหร่ ทำให้เกิดผลกระทบมาโดยตลอด รัฐบาลกับกองทัพก็พยายามที่จะใช้ ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นข้อเสนอ ขอให้นายอันวาร์ เคลียร์ให้ชัดเจน จนเรามั่นใจว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้นซ้ำซากอีก ถ้าชัดเจนเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน
ตอนนี้เราก็ให้ทหารเราตรึงกำลัง และสิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะมาคุยกับเรา ตอน 6 โมงเย็นของเมื่อวานนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้าวันนี้ เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ เพราะ กัมพูชาได้เปิดแนวรบทั้ง 4 แนว ในเขตกองทัพภาคที่ 2 ในจังหวัด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า เจตนาที่เกิดขึ้น เริ่มต้น สร้างประเด็น สร้างปัญหา และ ยิงเข้ามาและที่สำคัญต้องประณามสมเด็จ ฮุนเซน อย่างรุนแรงและนายฮุน มาเนต ต้องรับผิดชอบด้วย มีการยิงไม่สู่เป้าหมายทางทหาร แต่ยิงมาในพื้นที่เป้าหมายที่มีพลเรือน เช่นลูกระเบิดที่ยิงโดน ร้านสะดวกซื้อ ในปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างจากถังน้ำมันใหญ่ประมาณ 40 เมตรเท่านั้น หากขยับแล้วโดนถังน้ำมัน จะทำให้เกิดระเบิดรุนแรงและไฟไหม้ในพื้นที่ของพลเมือง ซึ่งตรงนี้ผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง และที่สำคัญมีการยิงเข้าใส่โรงพยาบาลอำเภอ พนมดงรัก โดยเป็นการยิงเข้ามาตรงกลางโรงพยาบาล ทั้งยังมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พลเรือนเสียชีวิต ถึงขณะนี้เข้าใจว่า มีผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน
พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ปฏิบัติขัดแย้งกับการเจรจา แต่ขณะเดียวกัน กัมพูชาไม่มีอะไรที่หยุดเลย และรุกราน ไปพูดร้องป่าว ว่าไทยเราเป็นผู้รุกรานก่อน เมื่อเช้าตนดูสื่อต่างประเทศ 70 กว่าแห่ง ยืนยันว่ากัมพูชาได้เริ่มก่อน ซึ่งตนมีตัวอย่างให้สื่อดูในทุกสำนัก
ส่วนข้อมูลของทางฝั่งกัมพูชาก็มีปัญหา เพราะเป็นการพูดฝ่ายเดียว มีเจตจำนงที่จะรุกราน และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ เนื่องจากมีการรุกรานและทำร้ายเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ค่อนข้างมากและชัดเจน มีรายละเอียดและภาพถ่ายเหตุการณ์ต่างๆ
และเมื่อถามว่าหลังจากมีการพูดคุยกับนายอันวาร์เมื่อวานนี้ นายอันวาร์ได้มีการพูดคุยกับนายคุณมาเนต และมีความคืบหน้าแจ้งกลับมาหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายอันวาร์ได้ ยกหูคุยกับนายฮุน มาเนต ก่อนมาคุยกับตน ซึ่งตนได้บอกว่า ตนตกลงกับหลักการ แต่วิธีการจัดการขอให้ทางกัมพูชาแสดงให้เราเห็นชัดเจนก่อน เพราะเรายึดถือหลักสันติและขอเจรจามาโดยตลอดทุกครั้ง แต่ทางกัมพูชา ไม่เคยสนใจไม่เคยเจรจาปล่อยให้ทางการไทย ยื่นเงื่อนไขไปอย่างเดียว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ
แล้ววันนี้ก็เห็นภาพแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายฮุนเซน นั่งบัญชาการอยู่ โดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ซึ่งเป็นแผนที่ละเอียดที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาพยายามพูดว่า ให้ยึดตามแผนที่1 ต่อ 2 แสน
ดังนั้นสิ่งที่สมเด็จ ฮุน เซน พูดมา ตั้งแต่ต้น ต้นจึงอยากให้สาธารณชนดูว่า สิ่งที่นายฮุน เซน พูด ได้พูดอะไรที่เป็นจริงหรือมีอะไรที่พลิกผันบ้าง เช่นการนำคลิปเสียงไปเปิดแล้วโพสต์ใน Facebook ส่วนตัวของตัวเอง แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นบอกว่ามีการ เอาไปให้คนอื่น แล้วคนอื่นไปเผยแพร่ ตนไม่เชื่อถือ ลักษณะผู้นำ สมเด็จ ฮุน เซน เชื่อถือได้หรือ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันฟ้องอยู่แล้วว่า
“ถ้าคุณยึดมั่นในหลักการ ต้องยิงเข้าสู่เป้าหมายทางทหาร แต่กลับยิงจรวดที่มีลำกล้อง ติดกล้องจำนวนมากยิงเลย เป้าหมายทางทหาร รูปธรรมชัดเจนว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลและเซเว่น ซึ่งอยู่ในเขตเมืองและเป็นที่อยู่ของพลเรือน ดังนั้นฮุน เซน จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ความเชื่อถือนั้นไม่มี” พร้อมย้ำว่า จากการติดตามสื่อต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ก็ประณาม และได้รายงานว่ากัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อน
แท็กที่เกี่ยวข้อง