เลือกตั้งและการเมือง

“ฮุน มาเนต” ร่อนจดหมายถึง UNSC เรียกร้องประชุมฉุกเฉิน ขอให้เข้ามาแทรกแซงเพื่อให้ไทยยุติการรุกราน

24 ก.ค. 2568

1.6K views

“ฮุน มาเนต” ร่อนจดหมายถึง UNSC เรียกร้องจัดการประชุมฉุกเฉิน ขอให้เข้ามาแทรกแซงเพื่อให้ไทยยุติการรุกรานกัมพูชา


“ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โพสต์ข้อความพร้อมเอกสารลงบนเฟซบุ๊กว่าเขาได้ส่งจดหมายถึง ฯพณฯ อาซิม อิฟติคาร์ อาห์มัด (Asim Iftikhar Ahmad) ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อยุติการรุกรานของไทยต่ออธิปไตยกัมพูชา

ในจดหมายดังกล่าวระบุว่า “ข้าพเจ้าขอเรียนมายังท่าน รวมถึงสมาชิกอื่น ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อโปรดทราบโดยเร่งด่วน เกี่ยวกับการรุกรานด้วยอาวุธต่อกัมพูชาโดยกองทัพไทยบริเวณชายแดนระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

นับตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 กองทัพไทยได้เปิดฉากการโจมตีโดยปราศจากการยั่วยุ มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และกระทำโดยเจตนา ต่อที่มั่นของกัมพูชาตามแนวชายแดน ซึ่งรวมถึงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตากระบือ และมอมเบย ในจังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย

กัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรง และแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อการรุกรานทางทหารโดยปราศจากการยั่วยุและมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าของกองทัพไทย การโจมตีทางทหารครั้งนี้เป็นการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งต่อหลักการไม่รุกรานและการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี ซึ่งทั้งสองหลักการนี้เป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการสำคัญที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน ที่ห้ามการข่มขู่หรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐใดๆ อีกทั้งยังเป็นการเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงต่อเจตนารมณ์แห่งการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ซึ่งกัมพูชาได้พยายามยึดมั่นมาโดยตลอด

เมื่อต้องเผชิญกับการรุกรานอันโจ่งแจ้งนี้ กองกำลังกัมพูชาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตน กัมพูชาขอเรียกร้องให้ไทยยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที ถอนกำลังทหารกลับไปยังฝั่งของตน และละเว้นจากการกระทำการยั่วยุใดๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์บานปลายต่อไป

ข้าพเจ้าขอทบทวนว่าความตึงเครียดและการสู้รบตามแนวชายแดนยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องระหว่างกัมพูชาและไทย แม้จะมีอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ฉบับปี ค.ศ. 1904 (พ.ศ. 2447) และสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) รวมถึงแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยามภายใต้ตราสารระหว่างประเทศทั้งสองฉบับนี้ และบันทึกความเข้าใจ หรือ MoU ปี 2543 ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะร่วมกันปักปันเขตแดนทางบกตามเอกสารทางกฎหมายเหล่านี้

เช่นเดียวกับในกรณีก่อนหน้านี้ การสู้รบตามแนวชายแดนในปัจจุบันมีต้นตอมาจากการที่ไทยยืนกรานอ้างอธิปไตยเหนือพื้นที่ชายแดน โดยใช้แผนที่ที่จัดทำขึ้นฝ่ายเดียวซึ่งปราศจากหลักฐานทางกฎหมายรองรับ และขัดต่อพันธกรณีของตนภายใต้บันทึกความเข้าใจปี 2543 เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการรุกรานด้วยอาวุธครั้งนี้ ไทยยังได้กล่าวหาอย่างเลื่อนลอยและไร้มูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดของทุ่นระเบิด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ลาดตระเวนออกจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิด

เป็นเรื่องที่น่าตำหนิอย่างยิ่งที่การรุกรานครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่กัมพูชากำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาชายแดนที่คั่งค้างผ่านช่องทางกฎหมายที่สันติและเป็นกลางกับประเทศไทยผ่านกลไกทวิภาคีและกลไกอื่นๆ ในระดับนานาชาติ ดังที่ประชาคมระหว่างประเทศทราบดีว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ตัดสินใจเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่จะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อพิจารณาตัดสินพื้นที่ชายแดนที่มีข้อพิพาท 4 แห่ง ได้แก่ มอมเบย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตากระบือ การยกระดับความขัดแย้งทางทหารของไทยครั้งนี้เกิดขึ้นแม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องจากในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติให้ใช้ความอดทนอดกลั้นและแสวงหาแนวทางแก้ไขโดยสันติ และแม้ว่ากัมพูชาจะได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเจรจา ซึ่งรวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายน พ.ศ. 2568

เมื่อพิจารณาถึงการรุกรานที่ร้ายแรงอย่างยิ่งของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างสาหัส ข้าพเจ้าจึงขอร้องมายังท่านอย่างจริงจังให้จัดการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ เป็นการเร่งด่วน เพื่อยุติการรุกรานของไทย ข้าพเจ้าจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่งหากท่านจะกรุณาเวียนจดหมายฉบับนี้ให้แก่สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพื่อใช้เป็นเอกสารของคณะมนตรีฯ ต่อไป”



แท็กที่เกี่ยวข้อง  ฮุน มาเนต ,UNSC ,ไทยกัมพูชา

คุณอาจสนใจ

Related News