เลือกตั้งและการเมือง
“แรมโบ้” ยื่นค้านตั้ง “พีระพันธุ์” เป็นรัฐมนตรี “สนธิญา” เอาด้วย จ่อยื่นยุบพรรคร่วมรัฐบาล
โดย JitrarutP
23 มิ.ย. 2568
117 views
“แรมโบ้ เสกสกล” ยื่นหนังสือถึง “แพทองธาร” ค้านตั้ง “พีระพันธุ์” เป็นรัฐมนตรีช่วงปรับครม. ชี้ บริหารพรรคล้มเหลว-ถือหุ้นผิดกฎหมาย ยัน ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคก่อน ไม่งั้น นายกฯ จะเดือดร้อน เช่นเดียวกับ “สนธิญา” ยื่นหนังสือค้านตั้ง “พีระพันธุ์” จ่อยื่นยุบพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เหตุคลิปเสียงหลุด “นายกฯ-ฮุนเซน” กระทบจริยธรรม-ผิดกฎหมาย
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้คัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรี
โดยนายเสกสกล กล่าวว่า หลังจากที่ตนก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายพีระพันธุ์ ได้มาขอตนเพื่อจะใช้หาเสียงเลือกตั้ง ตนจึงยินยอมให้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ตนมีเรื่องที่เป็นห่วงคือ 1.การพยายามแอบอ้างนำชื่อพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นดีเอ็นเอ ทำให้เสียหาย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป และได้เป็นองคมนตรีแล้ว ยุ่งการเมืองไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่ในพรรคถึงเหล่าด้อมนายพีระพันธุ์ พยายามเอา พล.อ.ประยุทธ์ มาแอบอ้างตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้ตนทุกข์ใจคือ หัวหน้าพรรค บริหารพรรคไม่เป็นไปตามที่ตกลงกับตนไว้ ว่าจะสร้างพรรคให้เกิดความเข้มแจ้งและเจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่พึ่งพาประชาชน แต่หัวหน้าพรรคทำให้พรรคแตกแยก แตกความสามัคคี จนหลายคนบอกตนว่าหัวหน้าพรรคเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก หัวหน้าพรรคเอาแต่พวกตัวเอง โดยตั้งคนของตัวเองไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายเสกสกล กล่าวว่า2.นายพีระพันธุ์ ยังไม่ลาออกจากการถือหุ้นใน 4 บริษัท และยังมีการเคลื่อนไหวของบริษัทอยู่ ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ การจะเป็นรัฐมนตรีจะต้องลาออก และดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนหลายหน่วยงาน 3. นายพีระพันธุ์ ถูกเรียกสอบในเรื่องที่นำป้ายชื่อตัวเองไปติดถุงยังชีพที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ไปชี้แจง 4. นายพีระพันธุ์ ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็นแคนดิเดตนายก รัฐมนตรี คนที่ 2 ของพรรค จากนั้นถึงลาออกย้อนหลัง 40 กว่าวัน ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้งสส. ที่ผ่านมามีหลายคนยื่นเรื่องนายพีระพันธุ์ ให้นายกรัฐมนตรี แต่นายก รัฐมนตรี ไม่ตรวจสอบ ตนมองว่านายพีระพันธุ์ หลอกนายกรัฐมนตรี
นายเสกสกล กล่าวว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เห็นว่านายพีระพันธุ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค พยายามที่ใช้อำนาจครอบงำพรรคโดยไม่เป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้ตนเคยคุยกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรคแล้ว ว่าหัวหน้าพรรคไม่ฟังใครเลย พยายามโหนกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งด้อมนายพีระพันธุ์ ไปเลียนแบบด้อมพรรคส้ม ซึ่งไม่ควรทำ ตนได้คุยกับนายเอกนัฏแล้ว ส่วนตัวของตนใจยากเชียร์นายเอกนัฏเป็นหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งเดิมทีเคยมีข่าวว่านายพีระพันธุ์ จะปลดนายเอกนัฏ ออกจากเลขาธิการพรรค แต่ตัวนายเอกนัฏ เป็นสส.รุ่นใหม่ ไม่อยากมีปัญหา จึงปรับตัวจนสามารถทำงานให้พรรคได้
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ตนยังมองอีกว่า คนในพรรคอย่างนายเอกนัฏ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ที่มีศักยภาพพร้อมสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ โดยในวันที่มีการแถลงข่าวที่พรรค ในกรณีจุดยืนของพรรค ว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เห็นได้ชัดเจนว่าให้นักข่าวไปรอถึง 2 ชม. รวมถึงมติพรรค หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้มีการแถลง แต่ให้ 2 คนคือนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค และนายจุติ มาให้สัมภาษณ์แทน ว่าให้หัวหน้าพรรคไปเจรจากับนายก ฯก่อน โดยให้นายกรัฐมนตรี ลาออกและให้คนอื่นเป็นแทน จึงจะยอมร่วมรัฐบาล แต่กลับมีข่าวต่อมาว่า นายกรัฐมนตรี ต่อรองขอให้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณวาระที่ 2 และ 3 อีก 3 เดือนก่อน เดี๋ยวจะลาออกให้
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า อีกทั้งยังมีข่าวว่านายเนวิน ชิดชอบ ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) สนับสนุนนายพีระพันธุ์เป็นนายกรัฐมนตรี หาก น.ส.แพทองธาร ไปต่อไม่ได้ และที่ให้โฆษกพรรคออกมาพูดว่า สิ่งที่นายวิทยาและนายจุติ ออกมาบอกไม่ใช่มติพรรค อำนาจผู้บอกมติพรรคเป็นนายพีระพันธุ์เท่านั้น จึงมองว่าพรรคเผด็จการใช่หรือไม่ เมื่อการให้ข่าวของนายวิทยา และนายจุตินั้น ไม่ตรงกับที่หัวหน้าพรรคต้องเอาปี๊ปคุมหัว หรือไม่ก็ต้องลาออกจากสส.
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า วันนี้ตนจึงมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องพึงระวังว่ามีบุคคลที่เคยกระทำผิด ที่จะถูกแต่งตั้งเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ขณะนี้องค์กรอิสระกำลังไต่สวนอยู่ โดยเรื่องจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ หากตรวจสอบแล้วพบว่านายพีระพันธุ์มีความผิด ก็จะมีคนไปร้องเรียนนายกรัฐมนตรี ให้พ้นตำแหน่ง เหมือนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งตนห่วงใยพรรค และต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค จึงอยากเตือนนายกรัฐมนตรี ว่าการปรับครม. ในครั้งนี้ อยากให้ปรับนายพีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งรองนายก ฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเดือดร้อน
ขณะที่ นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นรัฐมนตรี เนื่องจากมีเรื่องถูกกล่าวหาที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และมีเรื่องร้องเรียนในองค์กรอิสระ จำนวนกว่า 15 เรื่อง และให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีการถูกอัดคลิปเสียงการพูดคุยระหว่างสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งไม่เป็นไปตามมารยาทสากล ที่ยอมรับกัน

โดยนายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของการกระทำผิดเกี่ยวกับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญในเรื่องการถือหุ้นหรือการฝ่าฝืนจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตนยื่นหนังสือและเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งและจะยื่น ให้ประธานองค์การมนตรี เพื่อยับยั้ง การแต่งตั้งด้วย และในวันที่ 25 มิ.ย. 2568 ตนจะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อยื่นยุบพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 25 มาตรา 54 มาตรา 56 และมาตรา 92 (3) ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนกรณีที่พรรคการเมืองไปสนับสนุนทำให้เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคม และสิ่งที่ยื่นจะล้อไปกับคำร้องของ
สว .และจะยื่นยุบพรรคร่วมรัฐรัฐบาลทั้งหมด พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคกล้าธรรม ให้ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ด้วยเหตุผลของการที่คลิปเสียงของนายก ฯ และสมเด็จฮุน เซน เพราะตนเห็นว่าการไปร่วมรัฐบาลเป็นการกระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ,ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ตนกล่าวมาข้างต้นทั้งสิ้น และในกรณีของพรรครวมไทยสร้างชาติตนจะยื่น ป.ป.ช. ในเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงด้วย
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ตนจะยื่นเอกสารเกี่ยวกับการถือหุ้นของนายพีระพันธ์ ซึ่งเคยมีการจับบุคคลหนึ่งในทำเนียบรัฐบาล และมีการบอกว่าบุคคลนั้นโดนให้ออกแล้ว 2 เดือน แต่ตามข้อมูลของตนบุคคลนั้นนั่งอยู่ในที่ประชุมเดินออกมาแล้วถูกจับ และประเด็นต่อมากรณีมีหมายเรียกจาก ป.ป.ช. แล้วกลุ่มบุคคลของพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาพูดจาปราศรัยไปในทางที่บอกว่า หมายของ ป.ป.ช. นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และบางคนบอกว่าหมายของ ป.ป.ช. นั้นมีการเอาฝากไว้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งตนไม่เชื่อว่าบุคคลซึ่งอยู่ในพรรคการเมือง มีบริวารอยู่รอบจะพูดได้ถึงขนาดนี้ และเรื่องนี้ตนได้ร้องเรียน ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องความผิดตาม พ.ร.บ. คอมฯ และการใส่ร้ายอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. และเร่งรัดให้ ป.ป.ช.อออกหมายเรียกกรณีการแจกถุงยังชีพด้วย
นายสนธิญา กล่าวว่า ในส่วนประเด็นการถือหุ้น 4 บริษัท ของนายพีระพันธุ์ ซึ่งตนได้ยื่นมาแล้วเป็นเดือน และนายพีระพันธุ์ สามารถออกมาชี้แจงได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร วันนี้เป็นโอกาสดีแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ตาม แต่ตนเรียกร้องให้นายก รัฐมนตรีตรวจสอบข้อมูลของตนอีกครั้ง และหากมีการแต่งตั้งดำเนินการต่อ ตนจะร้องนายก รัฐมนตรี ว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนจริยธรรมเช่นเดียวกับกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายก ฯ และอีกส่วนหนึ่งคือการที่ตนจะส่งเรื่องและเอกสารไปให้ประธานองคมนตรี เพราะตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 10 วรรค 2 องคมนตรีสามารถอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ต่อพระมหากษัตริย์ได้ ต่อเมื่อพระองค์ทรงขอคำแนะนำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตนยื่นไปก็สุดแล้วแต่พระองค์จะพิจารณา แต่วันนี้มีรัฐมนตรีคนหนึ่งกระทำการฝ่าฝืนผิด พ.ร.บ.การถือหุ้น ผิดรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงซึ่งกำลังจะนั่งเป็นรัฐมนตรีต่อ
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า รวมถึงจะร้องกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติที่ออกมาพูดว่าจะให้นายก ฯ ลาออก หากไม่ลาออก พรรครวมไทยต่างชาติจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตนจึงตั้งคำถามว่าคำพูดแบบนี้คนที่เป็นพรรคการเมืองที่เป็น ดีเอ็นเอ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายก ฯ ใช้คำพูดแบบไหนพูด ใช้ความรู้สึกแบบไหนพูด ในขณะที่ประชาชนบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ อยากให้พรรคดังกล่าวซึ่งเป็นความหวังของเขาถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนส่งกำลังใจให้นายก ฯ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ด้วยเหตุผลที่ว่าการที่ประเทศในโลกใบนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ หรือเกาหลีเหนือ ก็มีสายตรง มีการโทรศัพท์ถึงกันตลอด ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่นายกรัฐมนตรีประเทศหนึ่งจะคุยกับประเทศหนึ่ง แต่สิ่งที่แปลกคือการนำเอาความลับที่พูดกัน 2 คน แล้วมีคนแปล นำมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งเป็นมารยาททรามของผู้นำในประเทศนั้น ๆ และตนมั่นใจว่าต่อไปในโลกใบนี้ใครจะกล้าพูดกัน หากผู้นำพูดกันแล้วนำคลิปมาเปิดเผย
นายสนธิญา กล่าวว่า ส่วนในประเด็นคำพูดของนายก ฯ ไม่ว่าประเด็นคาบเกี่ยวกับแม่ทัพภาคที่2 หรือประเด็นที่จะให้ทุกอย่างที่สามารถทำได้ ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่อยู่ภายใต้บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย สามารถยื่นตรวจสอบ หรือยื่นร้องเรียน หรือยื่นดำเนินคดีต่อนายก ฯ ได้ตามสิทธิ์และเสรีภาพ และการชุมนุมก็สามารถทำได้โดยไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น