เริ่มแล้วประชุม JBC แก้ปมพิพาท “ไทย-กัมพูชา” ” ย้ำ 3 จุดยืนไทย หวังลดความตึงเครียด-ชัดเจนเส้นเขตแดน-ไม่ยอมเสียดินแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย พบหารือกลุ่มเล็กกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6


กระทรวงการต่างประเทศของไทย ระบุว่า โดยการหารือเป็นไปอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังให้การประชุมฯ ได้ผลลัพธ์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม


ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุน มาเนต ยืนยันจะไม่นำทั้ง 4 พื้นที่ดังกล่าวมาหารือแน่นอน เพราะฝ่ายกัมพูชาตัดสินใจแล้วที่จะนำขึ้นศาลโลก แม้ไทยจะปฏิเสธขึ้นศาลโลก แต่กัมพูชาจะยื่นฟ้องฝ่ายเดียวต่อไป


ด้านนายมาริษ เสงี่ยงพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำจุดยืนของไทย 3 ประการ ได้แก่


1. ฝ่ายไทยได้ดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่แล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้น ขอให้ที่ประชุม JBC ขยายผลเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติและให้พื้นที่ชายแดนมีความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ JBC GBC และ RBC เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแก้ไขปัญหา

2. การเจรจาจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเรื่องของเส้นเขตแดน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจที่ชัดเจนร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

3. ซึ่งมีความสำคัญที่สุดคือ ฝ่ายไทยจะต้องยืนหยัดที่จะปกป้องอธิปไตยของไทย และไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนโดยเด็ดขาด


ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ที่โรงแรมโซฟิเทล กรุงพนมเปญ เริ่มต้นขึ้นในเวลา 11.40 น. ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนด 1 ชั่วโมง 40 นาที เนื่องจากมีการหารือกลุ่มเล็กระหว่างฝ่ายไทยกับกัมพูชาก่อนการประชุม JBC


โดยภายหลังการหารือกลุ่มเล็ก นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะประธาน JBC ของไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีกิจการชายแดน หัวหน้าคณะกรรมาธิการฝ่ายกัมพูชา ได้เดินเข้าห้องประชุม ท่ามกลางสื่อกัมพูชาที่จับตาจำนวนมาก โดยคณะกรรมการอนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพในช่วงแรกเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น