เลือกตั้งและการเมือง

รมว.ต่างประเทศ แถลงย้ำ จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่นิด ปัญหาไทย-กัมพูชา ใช้เจรจาทวิภาคีเป็นหลัก

โดย JitrarutP

11 มิ.ย. 2568

89 views

“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ แถลงถึงปัญหาชายแดน “ไทย-กัมพูชา” จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่นิดเดียว เน้นย้ำคณะกรรมการ JBC ฝ่ายไทยไม่รับอำนาจศาลโลก จะใช้การเจรจาทวิภาคีเป็นหลัก หวังวันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดน

วันที่ 11 มิ.ย. 68 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศ ถึงการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา ประชุม คณะกรรมการ JBC ฝ่ายไทย

โดยได้มอบนโยบายเป็นหลักการสำคัญ

1. อยากให้คณะผู้แทน JBC ฝ่ายไทย ได้โน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชาได้ตระหนักว่าเราได้แก้ไขบริเวณพื้นที่ชายแดน ขอบคุณฝ่ายทหารช่วยเจรจา ช่วยลดเผชิญหน้าทั้งสองฝ่ายได้ระดับหนึ่ง อยากเห็นพื้นที่ตรงนั้นอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขอย่างยั่งยืนและถาวร

2. ต้องการให้เห็นการเจรจาในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจชัดเจนร่วมกัน และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างยั่งยืน

3. ได้ขอให้ประธาน JBC ต้องยืนยันในอธิปไตยของประเทศ และจะไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนแม้แต่นิดเดียวโดยเด็ดขาด ในกลไกของการเจรจา ประเทศไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกตั้งแต่ปี 2503  เราจะไม่ยอมรับอำนาจนี้โดยเด็ดขาด ไปใช้กรอบหารือทวิภาคีระหว่างกันมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากที่สุด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดปัญหา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมมือหารือกับฝ่ายกัมพูชา ขอเรียนว่ากระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ บูรณาการท่าที ใช้ท่าทีร่วมกันในการแก้ปัญหา สอดรับการปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายทหาร ขอให้ประชาชนมั่นใจ กองทัพไทย มีศักยภาพบริหารสถานการณ์ ได้อย่างดีที่สุด

ดังนั้น อยากเห็นบริเวณพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่อยู่ร่วมกันโดยสันติสุขอย่างยั่งยืน และถาวร ซึ่งกลไกการเจรจาของทั้งสองฝ่ายที่มีทั้ง JBC , RBC และ GBC จึงอยากให้ต่อยอด และขยายผลต่อไป เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่สงบสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำของทั้งสองประเทศพูดคุยกันมาตลอด รวมถึงต้องการเห็นการเจรจาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ จะชัดเจนในเรื่องของเขตแดนมากขึ้น เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจที่ชัดเจนร่วมกัน และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดนอย่างยั่งยืน รวมทั้งขอให้ประธาน JBC ยึดถือการเจรจา ที่ต้องยืนยันในเรื่องอธิปไตยของประเทศ และจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียดินแดนโดยเด็ดขาด พร้อมยืนยันว่า กลไกการเจรจา และการแก้ไขปัญหาระหว่างกัน ภายใต้กรอบของการปฏิบัติองค์การสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ มีกลไกของการแก้ปัญหาในหลายวิธี แต่วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และนานาชาติมักขอให้ประเทศที่มีปัญหา ไปเจรจากันทั้งสองฝ่าย

คือ การใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมที่สุด ดังนั้น ไทยไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 แต่จะใช้ในกรอบหารือทวีวิภาคีระหว่างกัน โดยตั้งแต่เกิดปัญหาตามบริเวณชายแดน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมมือและบูรณาการกับ กระทรวงกลาโหม ในการหารือกับฝ่ายกัมพูชา ดังนั้นทั้งสองกระทรวงได้บูรณาการ และใช้ท่าทีร่วมกันในการแก้ไขปัญหามาตั้งแต่ต้น เห็นได้จากกรอบการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายทหารสอดคล้องกัน ทำให้การใช้มาตรการทางการทูตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันกลไกของการทูตระหว่างประเทศก็ส่งผลให้การเจรจาของฝ่ายทหารบรรลุผลได้เป็นอย่างดี ดังนั้น คิดว่าที่ผ่านมาได้ใช้กลไกที่ถูกต้องแล้ว สามารถลดความตึงเครียดในพื้นที่ที่กระทบกระทั่งกัน ซึ่งเป้าหมายในการเจรจาครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปเรื่องการต่อยอดขยายผลทำให้บริเวณไม่ชัดเจน เป็นบริเวณที่อยู่ร่วมกัน หรือ มีกิจกรรมร่วมกันอย่างสันติ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ใช้มาตรการการดำเนินการทางการทูต ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล และธรรมเนียมปฏิบัติของสากลอย่างเข้มข้น และครบถ้วน ตั้งแต่น้อยไปหามาก ได้ดำเนินมาตรการทางการทูตทุกอย่างสอดคล้องกับหลักปฏิบัติของสากล และอานาประเทศใช้กันได้อย่างสมบูรณ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่า กองทัพไทยมีศักยภาพที่จะบริหารสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีการกระทบกระทั่งกันได้อย่างดีที่สุด และเข้มข้นมากที่สุด ขณะเดียวกันมีการบูรณาการระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ดังนั้น การใช้นโยบายก็จะมุ่งเน้นเรื่องของการส่งเสริมมาตรการการปฏิบัติด้านการทหาร และมาตรการทางการทูตสอดรับกัน และสามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ และทำให้การใช้กลไกในการแก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ส่วนกรณีที่กัมพูชา เดินสายพูดคุยกับนานาประเทศ ประเทศไทยได้ดำเนินการอะไรกับประเทศที่สามบ้าง นายมาริษ กล่าวว่า ไทยมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะการแสดงจุดยืน และอธิบายให้ทุกประเทศได้เห็นข้อเท็จจริง และเข้าใจ โดยพยายามโน้มน้าวให้เกิดความเข้าใจ ว่า การแก้ปัญหาของไทยจะใช้การหารือทวิภาคี ในการแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศ ยังไม่มีความประสงค์ที่จะให้ประเทศอื่น หรือองค์กรอื่นใดเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ขอให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นใช้วิธีหารือทวิภาคีเป็นหลัก

โดยหลังจากการเจรจาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ตนเองได้มอบหมายให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และโฆษกที่ตั้งขึ้นมา เป็นผู้ให้ข้อมูล และรายละเอียดเกี่ยวกับผลลัพธ์การประชุม รวมทั้งจะใช้โอกาสตรงนี้ขยายผลต่อไป


คุณอาจสนใจ

Related News