เลือกตั้งและการเมือง
'จุลพันธ์' เดินหน้าดัน 'เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' ไม่ทำประเทศเสียโอกาส ถ้าสำเร็จจะใหญ่อันดับ 3 โลก
โดย passamon_a
5 มิ.ย. 2568
53 views
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.68 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระบวนการผลักดัน โครงการ Thailand Entertainment Complex : มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลกเพื่อคนไทยทุกคน ขณะนี้การพิจารณากฎหมายไม่ได้อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรี หรือผู้เสนอแต่เป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตอนนี้จ่อเป็นวาระแรกของสมัยการประชุมที่จะเปิดในเดือนกรกฎาคม ซึ่งคณะรัฐมนตรีไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อเปิดประชุม ก็จะพิจารณาเป็นวาระที่หนึ่ง และตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา
ซึ่งระยะเวลาการพิจารณากฎหมายใช้เวลาเป็นปีกว่าจะจบ ทั้งขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยเฉพาะ พรบ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ซับซ้อน ต้องมีการถกเถียง ปรับแก้ ซึ่งเป็นอำนาจที่ชอบธรรมของสภาฯ
เมื่อกฎหมายแล้วเสร็จ ต้องจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น หลังจากนั้นต้องศึกษาความเป็นไปได้ในหลายมิติ ทั้งพื้นที่ สถานที่ องค์ประกอบ ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละจุด เช่น การสร้างสนามกีฬา สวนสนุก ต้องศึกษาให้ชัดเจน จึงจะออก TOR ซึ่งอายุของสภาผู้แทนราษฎรจำกัดแค่ 2 ปี หากกฎหมายไม่เสร็จ ต้องไปเริ่มใหม่ที่ 0 ก็จะเสียโอกาส และผลักโอกาสออกไปข้างหน้าอีก เพราะไม่แน่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะยืนยันยกกฎหมายมาพิจารณาต่อ หรือปัดตก
อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะทำให้กฎหมายเสร็จในสมัยรัฐบาลชุดนี้ ไม่กังวลว่าจะไม่ได้รับเสียงข้างมากในการสนับสนุนจากสภาฯ เพราะเป็นกฎหมายที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีเสียงข้างมากในสภาฯอยู่แล้ว พร้อมทำเต็มที่เชื่อมั่นว่า หากเราพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจทุกอย่างจะราบรื่น
สำหรับข้อกังวลของรัฐบาลไม่ได้แตกต่างจากสังคม มันขึ้นอยู่กับกลไกในการกำกับดูแล และกฎหมายที่จะร่างขึ้นมา เชื่อมั่นว่ากฎหมายจะสามารถจัดการและควบคุม ผลกระทบเชิงลบได้ สำหรับคำถามที่ว่าจะมอมเมาประชาชนหรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่าปัจจุบันก็มีคนไทยเดินทางไปเล่นการพนันในต่างประเทศอยู่แล้ว เราต้องการที่จะดึงกลับเข้ามาในระบบ และอยู่ในหูตาของรัฐบาลที่สามารถกำกับดูแลและช่วยเหลือได้ มีกลไกให้มีเม็ดเงินส่วนหนึ่งที่จะกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือ Earmarked เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับโอเปอเรเตอร์หลายส่วน และจะนัดหมายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสวนสนุกระดับโลก กลุ่มสนามกีฬาแบบอินดอร์สเตเดียม กลุ่มทำโชว์แสง สี เสียงระดับโลก กลุ่มเกมมิ่งแอเรีย ก็มีพูดคุยแล้วบ้าง ที่เห็นตรงกันคือ โมเดลของเราเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ไม่ใช่การทำกาสิโนแบบเบี้ยหัวแตกที่มีทุกจังหวัดทุกพื้นที่
เราจึงต้องดึงโอเปเรเตอร์ระดับท็อปของโลกเท่านั้น และเราต้องมีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ การกำกับดูแลที่เข้มงวด เพราะผู้ลงทุนเป็นรายใหญ่ที่ขึ้นทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ระดับโลก จึงกังวลกับการลงทุนที่จะเข้ามาในพื้นที่ที่มีความคลุมเครือหรือเสี่ยงต่อการฟอกเงินเช่นกัน และด้วยกลไกเทคโนโลยีในปัจจุบัน และกลไกการกำกับดูแลของทั้งรัฐและโอเปอเรเตอร์เหล่านี้ มีตัวอย่างการศึกษาให้เห็นชัดเจนว่าไม่สามารถทำผิดกฎหมายในพื้นที่เกมมิ่งแอเรียเหล่านี้ได้อยู่แล้ว พร้อมกันนี้มั่นใจว่าการท่องเที่ยวของไทยไม่ได้มีข้อด้อยมากกว่าประเทศในอาเซียน เช่น เวียดนาม ที่เดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เช่นกัน
ไทยมีทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่ง บุคลากร ซึ่งจากการคุยกับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ระดับโลก ถึงกับออกปากว่าหากไทยสามารถผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นจริง จะกลายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ภายใน 5-10 ปี รองจากสหรัฐฯ และมาเก๊า
ส่วนพื้นที่ที่จะจัดทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น สุดท้ายรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนด เพราะไม่ต้องการให้เอกชนมาแข่งขันกันในเรื่องพื้นที่ เพราะจะทำให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่เท่าเทียม แต่มองว่าหากรัฐบาลจัดสรรพื้นที่และให้ผู้ประกอบการที่สนใจมาร่วมประมูลแข่งขันด้วยการเสนอโครงการในพื้นที่ที่รัฐกำหนดจะเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมมากกว่า ส่วนจะมีการจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กี่แห่งยังไม่ได้มีการหารือ แต่หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน มีความเป็นไปได้ว่ากฎหมายจะสามารถกำหนดได้ว่าควรจะมีการจำกัดจำนวนโครงการเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอด 15 ปีของไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2010 ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดอันดับโลกประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงโควิดนักท่องเที่ยวจะหายไปบ้าง แต่ช่วงปี 2023-2024 ก็ทำสถิติกลับมาติด 10 อันดับโลกใหม่ได้ แต่ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมาก แต่รายได้ต่อหัวที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศกลับไม่เพิ่ม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกับดักการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงถึงเวลาที่ต้องสร้างโอกาสครั้งใหม่ พัฒนาการท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
ด้าน นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว รัฐบาลเดินหน้าการท่องเที่ยวด้วยการวางเป้าหมายใหม่ ๆ กำหนดยุทธศาสตร์ใหญ่ที่จะทำการท่องเที่ยวแบบไม่รอฤดูกาล และเน้นการท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแผนงานการดึงอีเวนท์ระดับโลกเข้ามาในประเทศ เช่น F1 วิจิตรเจ้าพระยา มหาสงกรานต์ Splash FIVB Volleyball Women’s Nations League, การท่องเที่ยวที่เน้นการสร้างคุณค่า เช่น การทำ THACCA, 5 Must Do in Thailand, Health & Wellness Tourism และ Man-Made Destination เช่น กระเช้าภูกระดึง, Cruise Terminal และ Enterainment Complex
โดยเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลากหลาย ในการยกระดับการท่องเที่ยวเท่านั้น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่แค่โซนบันเทิง แต่เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประเทศตลอดปี ทำให้ประเทศไทยไม่มี Low Season อีกต่อไป
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็น Man-Made Destination ที่จะรวมไว้ตั้งแต่สวนสนุก, สวนน้ำ, พิพิธภัณฑ์, สเตเดียมอเนกประสงค์ในร่ม, พื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนของประชาชน, พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP, โรงแรม 5 ดาว, ศูนย์นวัตกรรมสำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจแห่งอนาคต, ห้างสรรพสินค้าครบวงจรและโรงภาพยนตร์, คอนเสิร์ตฮอลล์ระดับเวิลด์คลาส, ศูนย์ประชุมและพื้นที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่, ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์, ท่าจอดเรือยอชท์และท่าเรือสำราญ, กาสิโน (ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด) ฯลฯ ทั้งหมดนี้ ผู้ประกอบการไทย SME ไทย จะได้รับประโยชน์ตรงนี้อย่างแน่นอน และนี่คือโอกาสที่ประเทศไทยไม่ควรจะพลาดไป ประเทศไทยไม่ใช่ที่แรก เพราะที่ผ่านมาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถูกพูดถึงและเป็นโครงการที่หลายประเทศกำลังมุ่งไป โดยคาดการณ์โอกาสในตลาดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สูงถึง 54 ล้านล้านบาท/ปี
พร้อมยกตัวอย่างข้อมูลรายได้ต่อปีจากสถานบันเทิงครบวงจรปี 2022 ของประเทศเวียดนาม คือ 1.8 แสนล้านบาท/ปี, เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้านบาท/ปี, สิงคโปร์ 4.3 แสนล้านบาท/ปี, ญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิดในปี 2030 เป็นต้น
ข้อมูลตัวเลขจากประเทศเพื่อนบ้านแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ส่วนโมเดลการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของไทยคือ โมเดลเหมือนสิงคโปร์ UAE และที่ญี่ปุ่นกำลังทำ นั่นคือจํากัดจํานวนไลเซนส์ให้มีจํานวนน้อย แล้วบังคับให้การลงทุนเป็นการลงทุนขนาด mega เท่านั้น (XXL 100,000 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น) ซึ่งโมเดลนี้จะมาพร้อมกับการลงทุนขนาดใหญ่ที่เข้ามา สิ่งที่เราจะได้คือการยกระดับตัวอุตสาหกรรมขึ้นมาทั้งหมด และมาพร้อมกับมาตรฐานการกํากับดูแลระดับโลกด้วย เพราะเราต้องการดึงมาตรฐานระดับโลก ดึง global best practice เข้ามา ประกอบกับ local governance ของเรา เพื่อสร้างมาตรการในการป้องกัน มาตรฐานในการกํากับดูแลที่เข้มแข็งที่สุด
ทั้งนี้ จุดที่เราศึกษาอยู่ใกล้กับแหล่งคมนาคมขนส่ง และที่สําคัญคืออยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เพราะเราตั้งใจว่า เมื่อมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้ว นอกจากเราจะดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามา เราต้องการให้ผู้คนมาเที่ยวที่นี่แล้วก็ไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวข้าง ๆ ด้วย โดยกระจายรายได้ออกไปให้ทุกภาคส่วนกว้างขวางที่สุด
นายศึกษิษฏ์ ย้ำว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่การพนันออนไลน์ เป็นคนละเรื่อง แยกกันอย่างชัดเจน ใน พ.ร.บ. ระบุไว้ชัดเจนว่า พนันออนไลน์ไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นในนี้ และรัฐบาลก็เดินหน้าปราบปราม และกําจัดพนันออนไลน์ด้วย ซึ่งเราปิดเว็บไซต์ไป 90,000 กว่าเว็บ ปิดบัญชีม้าไปประมาณ 700,000 กว่าบัญชี วันนี้เราต้องการการลงทุนที่เรียกว่า on land คือลงทุนเป็น land-based เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีการลงทุนเกิดขึ้นจริง ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานจริง มีเงินเข้ามาในประเทศจริง มีการจ้างงานจ้างอาชีพจริง ๆ
ส่วนเรื่องของกาสิโน ขอย้ำว่าไม่ใช่ทุกคนที่เข้าได้ และกาสิโนจะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย และมาตรฐานการดูแลระดับโลก ตั้งแต่มาตรการดูแลผู้เล่นในกาสิโน, การห้ามเข้า, มีการลงทะเบียนและติดตามผู้เล่น รวมถึงมีมาตรการดูแลเพื่อสังคม เช่น การสนับสนุนทุนการศึกษา, การทำ CSR เพื่อสังคม และการป้องกันเยียวยาด้วย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินภาษีจากพี่น้องประชาชน เพราะเป็นการลงทุนโดยเอกชน 100% แต่สิ่งที่จะได้คือ ไทยจะเกิดรายได้ตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างเกิดขึ้นในไทยแน่นอนสินค้า โต๊ะ ตู้ เตียง ต่าง ๆ ผ้าห่ม หมอน ต่าง ๆ ของเมืองไทยแน่นอน และการจ้างงานทุกอย่างเป็นคนไทย 100% ส่วนหลังเปิดให้บริการแล้วก็จะสามารถ ช่วยเพิ่ม GDP ได้อีก 0.2-0.8% ตามการคาดการณ์ เป็นอย่างน้อย คาดว่าจะสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้สูงกว่านี้ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ จะสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยว 1-2 แสนล้านบาท จากกิจกรรมที่ที่พูดไปข้างต้น คือ คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สวน สวนสนุก มิวเซียม เรือยอร์ช สิ่งเหล่านี้สามารถยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเราได้ชัดเจน จะเกิดการจ้างงาน 9,000-15,000 อัตรา เพราะสิงคโปร์ แค่มารีน่าเบย์แซนด์เจ้าเดียว ก็เกิดการจ้างงานกว่า 12,000 เข้าไปแล้ว
ทั้งยังเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 22,300 บาท/คน/ทริป จากเดิมเฉลี่ย 50,000 บาทต่อคนต่อทริป 10 วัน (รวมเป็น 70,000 กว่าบาท) และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้น 5-20% ต่อปี เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวช่อง Low Season ขึ้นอีก 13% ทำให้การท่องเที่ยวสม่ำเสมอทั้งปี ไทม์ไลน์การลงทุนยังอีกยาวไกล ปัจจุบันเราอยู่ที่จุดเริ่มต้น คือการทำกฎหมายเท่านั้น เฉพาะแผนการทำงานคาดว่าจะกินเวลาราว 3 ปี และทุกนาทีที่เสียไป เท่ากับโอกาสที่ประเทศไทยเสียไปเช่นกัน
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LW2mqa2PJHI
แท็กที่เกี่ยวข้อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์