เลือกตั้งและการเมือง

ทอ.กางแผนซื้อเครื่องบินรบ 'กริพเพน' 4 ลำ 19,500 ล้านบาท ยันคุ้มค่าภาษี

โดย passamon_a

5 มิ.ย. 2568

220 views

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.68 ที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ นำแถลงบทสรุปการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาท ว่า กองทัพอากาศให้ความสำคัญกับการเลือกแบบตั้งแต่เริ่มกระบวนการคัดเลือก ทั้งรายละเอียดหลักและนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ หรือ Offset Policy ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของกองทัพอากาศและเป็นโครงการนำร่องในเรื่องของการพิจารณา Offset Policy


ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ เพื่อมุ่งสู่การเป็นกองทัพอากาศที่แข็งแกร่ง พร้อมปกป้องอธิปไตย ตามสมุดปกขาวของกองทัพอากาศ เพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 จากกองบิน 1 ที่ใช้มากว่า 37 ปี โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ รวม 10 ปี ซึ่งระหว่างนี้ยังต้องใช้ F-16 ไปอีกประมาณ 10 ปี


ทั้งนี้ กองทัพอากาศคัดเลือกจาก 20 แบบ จนเหลือ 6 แบบ และเหลือ 2 แบบ ในที่สุดก็เลือก Gripen E/F (กริพเพน อีเอฟ) ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของการต่อยอดพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ เรื่องของการชดเชยมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดรูปแบบการจัดหาเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ จีทูจี ซึ่งการเจรจาทุกขั้นตอนกับสวีเดนได้ข้อยุติแล้ว


“ขอให้ความมั่นใจว่าโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ดำเนินการด้วยความรอบคอบ มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ ตลอดจนสนับสนุนชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ ตามนโยบายของรัฐบาล เกิดความคุ้มค่าสูงสุดต่องบประมาณที่ได้รับจากภาษีของประชาชน โดยเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง ใช้ปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามตามสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ” ผบ.ทอ. กล่าว


พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อต้องการสื่อสารความคืบหน้าและหลักการดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่ รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะ เน้นความโปร่งใส ความคุ้มค่า การแข่งขันอย่างเป็นธรรม และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่คำนึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ  


“โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจัดหาเครื่องบิน แต่คือการลงทุนในความมั่นคงของประเทศและความสามารถในการป้องกันอธิปไตยทางอากาศในระยะยาว เครื่องบิน Gripen E/F มีสมรรถนะล้ำสมัย ระบบเรดาร์ AESA ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และจรวด BVR แบบ Meteor ซึ่งเป็นระบบที่ตอบโจทย์การรบในอนาคต”


เหตุผลหลักของการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีรุ่นใหม่ คือเพื่อทดแทน F-16 ที่ประจำการมากว่า 37 ปี ซึ่งจะทยอยปลดประจำการในช่วงปี 2571-2578 หากไม่ดำเนินการ จะกระทบต่อความพร้อมในการป้องกันประเทศ


ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ดำเนินการตามกระบวนการที่เข้มงวด โปร่งใส และรอบคอบ โดยมีการตั้งคณะกรรมการจากหลายฝ่าย เพื่อพิจารณาความเหมาะสม ทั้งด้านขีดความสามารถ ความคุ้มค่า และราคาประกอบกัน ซึ่งผลการพิจารณาสรุปว่า เครื่องบิน Gripen E/F เป็นแบบที่ตรงตามความต้องการของกองทัพอากาศมากที่สุด


นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี Tactical Data Link (Link-T), การพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ รวมถึงความร่วมมือด้านการศึกษาและวิจัยกับสวีเดน


“กองทัพอากาศขอยืนยันว่า ภาษีของพี่น้องประชาชนจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคงของชาติ” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว


พล.อ.ต.พูนศักดิ์ ปิยะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กองทัพอากาศ ชี้แจงขั้นตอนการจัดซื้อหลังจากนี้ ว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยวิธีการรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยกองทัพอากาศจะเสนอเรื่องให้กองทัพไทย วางแผนภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่ากองทัพไทยจะเสนอเรื่องให้กับกระทรวงกลาโหมได้กลางเดือนมิถุนายน โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการส่งร่างสัญญาให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายต่าง ๆ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในกลางเดือนมิถุนายนเช่นกัน


ขณะเดียวกัน จะส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณเพื่อตรวจสอบ ได้งบประมาณภายในเดือนมิถุนายน และกระทรวงกลาโหมจะส่งเรื่องต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเข้าสู่ ครม. ภายใน 15 กรกฎาคมนี้ โดยภายหลังเห็นชอบ ให้กองทัพอากาศดำเนินการและลงนามในสัญญา ซึ่งคาดว่าจะลงนามได้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ และจะมีการฝึกอบรมบุคลากรทั้งนักบินและช่างเทคนิคควบคู่กันไป เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที เมื่อเครื่องบิน Gripen E/F เข้าประจำการ


นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนประเทศสวีเดนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการลงนามความร่วมมือและเป็นพันธมิตรของ 2 ประเทศต่อไป


https://youtu.be/Xmyy4qcJs38

คุณอาจสนใจ

Related News