เลือกตั้งและการเมือง
นายกฯ เสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อสภาฯ คาดจีดีพีปี 69 โตแน่
โดย JitrarutP
28 พ.ค. 2568
79 views
นายกฯ เสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้าน ต่อสภาฯ ยืนยันสร้างโอกาสเศรษฐกิจ คาดจีดีพี ปี 69 โต 2.3% - 3.3% ยอมรับสงครามการค้ายังเป็นปัจจัยเสี่ยง ย้ำใช้นโยบายขาดดุลเพื่อรักษาเสถียรภาพ พร้อมทุ่ม 1,400 ล้าน ดับไฟใต้ – แก้ยาเสพติด 5,400 ล้าน – 4,000 ล้าน ดันซอฟต์พาวเวอร์
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600ล้านบาท ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระแรก ว่า การตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 69 โดยเป็นการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นจำนวน 123,541,060,200 บาท ให้หน่วยรับงบประมาณได้มีกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ต่อยอดการพัฒนาภาคการผลิต และบริการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และความเสมอภาคทางสังคม ดูแลคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประชาชนผ่านการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทต่าง ๆ และนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจทั่วไป ว่าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 68 เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3 - 3.3 โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนในภาคเกษตร สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5 - 1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
สำหรับเศรษฐกิจในปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3- 3.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5 - 1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลร้อยละ 2.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ขณะที่สาระสำคัญของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว มีวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 2,652,301.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 70.2 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.3 รายจ่ายลงทุน จำนวน 864,077.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.9 และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 151,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.0 โดยรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ที่เป็นรายจ่ายลงทุนกรณีการกู้เพื่อการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 10,519.6 ล้านบาท
สาระสำคัญของงบประมาณรายจ่าย จำแนกการนำเสนอตามกลุ่มงบประมาณ และยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
1. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569จำแนกตามกลุ่มงบประมาณ ประกอบด้วย
1.1 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง จำนวน 632,968.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.7 ของวงเงินงบประมาณ
1.2 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณจำนวน 1,408,060.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.2 ของวงเงินงบประมาณ
1.3 งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ จำนวน 98,767.8ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.6 ของวงเงินงบประมาณ จำนวน 9 เรื่อง ได้แก่ การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้, เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ, เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย, บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ, ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด, พัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต, รัฐบาลดิจิทัลและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว
1.4 งบประมาณรายจ่ายบุคลากร จำนวน 820,820.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.7ของวงเงินงบประมาณ
1.5 งบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน จำนวน 274,576.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.3 ของวงเงินงบประมาณ
1.6 งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐจำนวน 421,864.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.2 ของวงเงินงบประมาณ
1.7 งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.3 ของวงเงินงบประมาณ
2. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณกำหนดไว้จำนวน 6 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ด้านความมั่นคง
รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 415,327.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาความมั่นคงของประเทศ จำแนกการดำเนินงานสำคัญ คือ
1.การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 1,475.0 ล้านบาท
2.การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ งบประมาณ 5,418.3 ล้านบาท เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศแนวหน้าในภูมิภาคอาเซียน มีเกียรติภูมิ อำนาจต่อรอง และได้รับการยอมรับในสากล
3.การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดงบประมาณ 5,462.3 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด
4.การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติงบประมาณ 13,436.1 ล้านบาท เพื่อพิทักษ์รักษา และธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันหลักของชาติ
5.การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง งบประมาณ 23,842.0 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ป้องกันภัยคุกคาม ภัยอาชญากรรมข้ามชาติ และความมั่นคงทางชายแดน ชายฝั่งทะเล
6.การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ งบประมาณ 26,685.5 ล้านบาท เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ในการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและภัยพิบัติ
7.การรักษาความสงบภายในประเทศ การพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ และความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ งบประมาณ 92,519.9 ล้านบาท
8.การดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น งบประมาณ 40,621.5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ งบประมาณ 205,867.3 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคง พัฒนา และเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 394,611.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.5 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน จำแนกการดำเนินงานสำคัญ คือ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ, การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล, การพัฒนาความมั่นคงทางพลังงาน, การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์, การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง แข่งขันได้, การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต, การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว, เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ, การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม, การเกษตรสร้างมูลค่า, การพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ และการดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น
สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 3 : ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 605,927.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชน มีความรู้คู่คุณธรรมและคุณภาพชีวิตที่ดี แบ่งเป็น
1.การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม งบประมาณ 3,447.7ล้านบาท
2.การเสริมสร้างศักยภาพการกีฬา งบประมาณ 3,832.7 ล้านบาท
3.การเสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี งบประมาณ 71,868.0 ล้านบาท
4.การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การเรียนรู้ และศักยภาพคน ตลอดช่วงชีวิต งบประมาณ 73,531.1 ล้านบาท
5.การดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น งบประมาณ 23,533.8 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ งบประมาณ429,714.0 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 942,709.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.9 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับ สวัสดิการพื้นฐาน บริการสาธารณะอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ แบ่งเป็น
1.การบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรดิน และการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก งบประมาณ 3,930.1 ล้านบาท
2.มาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม และการรองรับสังคมสูงวัย งบประมาณ 14,010.8 ล้านบาท
3.การส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการงบประมาณ 26,525.2 ล้านบาท การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาและสังคม งบประมาณ101,641.2 ล้านบาท
3.การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นงบประมาณ 380,144.5 ล้านบาท
4.การสร้างหลักประกันและพลังทางสังคม งบประมาณ 407,119.0 ล้านบาท
5.การดำเนินงานภารกิจพื้นฐาน งบประมาณ 665.6 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ งบประมาณ 8,672.8 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 147,216.9 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 3.9 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจภาคทะเล ส่งเสริมการรับมือกับภัยธรรมชาติ การจัดการมลพิษและสุขภาพประชาชน และการบริหารจัดการ
ผลิตภาพน้ำทั้งระบบ แบ่งเป็น
1.การจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 1,144.2 ล้านบาท
2.การจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศงบประมาณ 2,368.3 ล้านบาท
3.การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 7,660.9 ล้านบาท
4.การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเสริมสร้างประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ งบประมาณ 107,485.7 ล้านบาท
5.การดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น งบประมาณ 10,826.5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ งบประมาณ 17,731.3 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ที่ 6 : ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 605,441.6 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 16.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อยกระดับการบริการภาครัฐให้มีขีดสมรรถนะสูง โดยเปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการทันสมัยในระบบดิจิทัลการจัดการปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ แบ่งเป็น
1.การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ งบประมาณ 961.2 ล้านบาท
2.รัฐบาลดิจิทัล งบประมาณ 6,921.7 ล้านบาท
3.การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม งบประมาณ 17,881.0 ล้านบาท
4.การพัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ งบประมาณ 30,296.8 ล้านบาท
5.การสนับสนุนด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ งบประมาณ 408,337.7 ล้านบาท
6.การดำเนินงานภารกิจพื้นฐาน งบประมาณ 25,890.4 ล้านบาท
7.ค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ งบประมาณ 115,152.8 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบงานของภาครัฐและพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน เกิดความคุ้มค่าในการดำเนินภารกิจของรัฐ
ส่วนรายการค่าดำเนินการภาครัฐ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้ จำนวน 669,365.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.7 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรองรับ
เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ และชดใช้เงินคงคลัง แบ่งเป็น แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
123,960.0 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นการเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง
ภารกิจที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ และเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างรวมทั้งการกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงวินัยทางการคลัง
การบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ จำนวน 421,864.4 ล้านบาทเพื่อให้การบริหารจัดการหนี้และการชำระหนี้ภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ
และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาทเพื่อเป็นรายจ่ายชดใช้เงินคงคลังที่ได้จ่ายไปแล้ว ตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. 2491 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2569 ที่รัฐบาลเสนอในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อน เศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ภายใต้ข้อจำกัดด้านรายได้และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยกำหนดวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท เพื่อให้
หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคง การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างแท้จริง และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวการเมือง ,อุ๊งอิ๊งแพทองธาร ,ร่างพ.ร.บ.งบฯ69